หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 453-1 ความกลัวของราชันอสูร มาถึงเยี่ยหลัว
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก
- ตอนที่ 453-1 ความกลัวของราชันอสูร มาถึงเยี่ยหลัว
ตอนที่ 453-1 ความกลัวของราชันอสูร มาถึงเยี่ยหลัว
ใต้เท้าเจ้าสำนักแทบจะล้มทั้งยืน ไหนบอกว่าจะลุยด้วยกันอย่างไรเล่า ทำตัวไร้คุณธรรมน้ำมิตรเช่นนี้จะดีหรือ
ใต้เท้าเจ้าสำนักผู้เคยแต่หลอกลวงผู้อื่น ในที่สุดก็ถูกผู้อื่นหลอกเข้าให้สักหนแล้ว ชีวิตมนุษย์ช่างน่าเศร้านัก!
คนผู้นั้นลุกขึ้นมานั่งแล้ว
ใต้เท้าเจ้าสำนักไหนเลยจะกล้ายืนโง่ๆ อยู่ตรงนี้อีก เขาหมุนฝ่าเท้าวิ่งออกไปตัวปลิวประหนึ่งกลับชาติมาเกิดใหม่!
เขาไม่เคยรู้สึกว่าตนเองว่องไวเท่านี้มาก่อน ร่างกายเขาประหนึ่งพยัคฆ์! ประดุจอินทรี! กล้ามเนื้อทั้งร่างของเขาขยับเคลื่อนไหวทุกสัดส่วน สองมือสองเท้าแทบจะราวกับเงาเลือนราง!
เขาวิ่ง วิ่งแล้วก็วิ่ง! นี่ต่างหากพลังที่แท้จริงของเขา!
ถ้าหากว่าไม่ได้ถูกผู้ใดหิ้วคอเสื้อไว้ล่ะก็นะ…
คนผู้นั้นมองใต้เท้าเจ้าสำนักที่ถูกตนเองหิ้วคอลอยอยู่กลางอากาศ แต่ยังขยับเท้าอยู่ที่เดิมไม่หยุด ลำคอเปล่งเสียงคำราวแผ่วต่ำออกมา
เสียงคำรามนั่นไม่นับว่าดัง แต่เมื่อคำรามอยู่ริมหูคน เสียงก็สะเทือนเลือนลั่นจนคนหูหนวกยังได้ยิน สะเทือนเลือนลั่นตรงตามตัวอักษร คนหูหนวกยังได้ยินตรงตามตัวอักษร…
ใต้เท้าเจ้าสำนักรู้สึกว่าแก้วหูของตนกำลังจะฉีกขาด ทว่าสิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าแก้วหูฉีกขาดก็คือเขารู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังถูกคนด้านหลังข่มขวัญจนเกือบจะหยุดเต้นแล้ว
เขาเหวี่ยงอุ้งมือ ทั้งเศร้าโศก ทั้งสิ้นหวัง เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้ารังแกข้าสนุกนักหรือ หากเป็นลูกผู้ชายก็วางข้าลง! พวกเรามาสู้กันตัวต่อตัว! คอยดูสิว่าข้าจะอัดเจ้าจนน่วมหรือไม่!”
คนผู้นั้นไม่รู้ว่าฟังคำพูดของใต้เท้าเจ้าสำนักเข้าใจหรืออย่างไร เขาจึงวางใต้เท้าเจ้าสำนักลงจริงๆ
ใต้เท้าเจ้าสำนักลูบหน้าอก เขาไม่กล้าหันหลังกลับไปมองอีกฝ่ายสักนิด ทันใดนั้นแววตาของเขาก็ทอประกายวูบหนึ่ง ก่อนจะล้วงชาดกำหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วสาดไปข้างหลังอย่างแรง หลังจากสาดเสร็จเขาก็ไม่สนใจว่าตนเองสาดโดนหรือไม่ ยกเท้าได้ก็ออกตัววิ่งทันที!
“ผู้ใดจะสู้ตัวต่อตัวกับเจ้ากัน ฮ่าๆ! เจ้าโง่แล้ว!”
โครม!
ฉับพลันเท้าก็สะดุดพรืด หน้าทิ่มลงไปในกองขี้วัวกองหนึ่ง…
ค่ำคืนนี้ใต้เท้าเจ้าสำนักได้พานพบเรื่องน่าเศร้าที่สุดในชีวิตมนุษย์ทุกอย่างแล้ว
ใต้เท้าเจ้าสำนักเศร้าใจจนแทบหลั่งน้ำตาเป็นสายธาร ทว่าหนทางที่ตนเองเลือก ต่อให้ต้องหลั่งน้ำตาก็ต้องก้าวเดินต่อไป
เขาคลานลุกขึ้นมาในสภาพอเนจอนาถ แล้วสับขาวิ่งไปด้านหน้าต่อ
โชคยังดีที่คนผู้นั้นบาดเจ็บหนัก ตอนนี้เขาจึงใช้ลมปราณข่มสะกดคนไม่ได้ มิเช่นนั้นหากเป็นเหมือนเมื่อคืนนั้นที่เมืองผูซึ่งแม้แต่เฉียวเวยกับเจ้าเมืองผูยังถูกกำลังภายในของเขาสะกดจนขยับไม่ได้ ใต้เท้าเจ้าสำนักผู้บอบบางยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ใต้เท้าเจ้าสำนักสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นั้นไล่ตามมาแล้ว
เขาเริ่มขว้างสิ่งของบนตัวออกไปอย่างไร้สติ ล้วงไปพลางก็ขว้างใส่ด้านหลังไปด้วย!
ผงชาด! แมลงกู่พิษ! แมลงกู่คัน…แมลงกู่แทบทั้งหมดถูกขว้างมั่วซั่ว ไม่รู้ว่าไม่มีประโยชน์หรือว่าขว้างไม่ถูกกันแน่
ดูท่าจะต้องใช้ท่าไม้ตายแล้ว!
ใต้เท้าเจ้าสำนักล้วงกู่พรากรักคู่หนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ถูกต้องแล้ว มันก็คือแมลงกู่ตัวน้อยที่เป็นเกย์นั่นเอง เรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้ เพื่อหลบเลี่ยงชะตาเลวร้ายของการถูกไล่ฆ่า เขาคงได้แต่ยอมสละตัวสักเล็กน้อยแล้ว!
เขาดึงจุดขวดออกแล้วโยนไปข้างหลังหนึ่งตัว
สวรรค์โปรดคุ้มครอง ต้องขว้างโดน ต้องขว้างโดน ต้องขว้างโดน…
แมลงกู่ตัวน้อยบนร่างมีปฏิกิริยาแล้ว!
เขาขว้างโดนแล้ว!
ใต้เท้าเจ้าสำนักดีใจแทบคลุ้มคลั่ง เขาหยุดฝีเท้าหันหลังกลับไปมอง
หมูป่าตัวหนึ่งกำลังไล่ตามมา…
ใต้เท้าเจ้าสำนัก “…”
ในที่สุดใต้เท้าเจ้าสำนักก็ไล่ตามคนส่วนใหญ่ในกลุ่มทันโดยไม่ทำให้ผู้ใดผิดหวัง ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นคุณงามความชอบของผู้ใด
คนผู้นั้นไล่ตามไม่เลิกรา ถึงจะบาดเจ็บหนักจนสำแดงกำลังภายในอันแข็งแกร่งเฉกเช่นคืนนั้นไม่ได้ แต่จะใช้จัดการพวกเขาไม่กี่คนก็ยังเหลือเฟือ
พวกเขาไหนเลยจะกล้าสู้ซึ่งหน้ากับเขา ดังนั้นมาจากที่ใดก็วิ่งหนีไปที่นั่น
หนีไปได้พักหนึ่งก็เห็นว่าอีกฝ่ายใกล้จะไล่ตามมาทัน เวลานี้เบื้องหน้าพวกเขามีเทือกเขาแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น พวกเขาจึงหนีขึ้นไปบนภูเขาน้อยลูกแรกอย่างไม่พูดพร่ำคำใดทั้งสิ้น
คนผู้นั้นอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่ก้าว เขาใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็ไล่ตามมาถึงด้านข้างของพวกเขา ทว่าในตอนที่ทุกคนคิดว่าตนเองจะหนีไม่พ้นหายนะหนนี้แล้วนั่นเอง คนผู้นั้นก็หยุดฝีเท้าอย่างไร้สาเหตุ
ทุกคนยืนอยู่บนภูเขามองมาทางเขาอย่างฉงนงงงวย
กำลังรีดเค้นพลังสำหรับท่าไม้ตายอันใดหรืออย่างไร
คิดจะจัดการพวกเขาทั้งหมดในหนเดียวหรือ
ทุกคนต่างคาดเดาไปต่างๆ นานา สีหน้าของแต่ละคนซีดเผือดจนไร้สีเลือด
คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นกลับทำท่าเหมือนมองเห็นบางอย่าง ก่อนจะตัวแข็งทื่อ หลังจากนั้นก็หมุนตัวกลับหลังสาวเท้าหนีไปอย่างว่องไว
ทุกคน “…”
“เอ๋ เหตุใดเขาจึงจากไปแล้วเล่า” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยปาดเหงื่อแล้วถามขึ้นมา
ใต้เท้าเจ้าสำนักตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “นายท่านของเขากำลังเรียกเขาอยู่อย่างไรเล่า!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกลอกตาใส่เขา “ท่านได้ยินคนเรียกเขาหรือไร”
ใต้เท้าเจ้าสำนักมุมปากกระตุก
ท่าทางเช่นนี้เห็นชัดว่าไม่ได้ยิน
เฉียวเวยก็ไม่ได้ยินเช่นกัน เมื่อครู่ราชันอสูรเหมือนจู่ๆ ก็เลิกล้มที่จะไล่ฆ่าพวกเขา เหตุใดเขาจึงเลิก หากไม่ใช่เพราะมีคนเรียกเขา ถ้าเช่นนั้นเป็นเพราะอะไร
“พวกเจ้าสังเกตเห็นว่าเมื่อครู่เขา…”
เฉียวเวยอยากพูดถึงแววตาของอีกฝ่าย แต่ในความเป็นจริงเขาสวมหน้ากากอยู่ พวกเขามองเห็นดวงตาของเขาไม่ชัดสักนิด นางเพียงอาศัยสัญชาตญาณสัมผัสบรรยากาศรอบตัวที่เขาแผ่ออกมาได้พริบตาหนึ่งเท่านั้น เมื่อนึกย้อนดูอย่างละเอียด บรรยากาศนั่นก็ดูเหมือนกับ…ความหวาดกลัว
ที่แห่งนี้มีสิ่งใดทำให้เขาหวาดกลัว เขาจึงหนีไปทันทีอย่างนั้นหรือ
สิ่งที่ทำให้ราชันอสูรคนหนึ่งหวั่นกลัวได้ จะเป็นสิ่งน่ากลัวแบบไหนกัน
เพียงคิดเช่นนี้ เฉียวเวยก็ขนลุกซู่แล้ว
คนที่เหลือนอกจากใต้เท้าเจ้าสำนักก็เริ่มฉุกคิดอะไรได้แล้ว
พวกเขาหนีมาถึงที่ใดกันแน่ แม้แต่ราชันอสูรตัวบัดซบนั่นก็ยังไม่กล้าบุกเข้ามา!
แผ่นหลังเย็นวาบเหมือนกับมีสายลมเย็นเฉียบพัดมา มันพัดผ่านต้นไม้ใหญ่รอบด้านจนใบไม้ส่งเสียงดังแสกสาก จันทร์เสี้ยวเร้นหลบหลังเมฆา กลุ่มเมฆดำทะมึนลอยละลิ่วมา สุดท้ายแม้แต่แสงเสี้ยวสุดท้ายบนท้องฟ้าก็ไม่เหลือ ตอนนี้จู่ๆ โลกก็มืดสนิท ยื่นมือออกมายังมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า
เสี่ยวไป๋กับจูเอ๋อร์กอดกันกลม!
ติ๋ง! ติ๋ง! ติ๋ง!
ด้านหลังมีเสียงน้ำหยดดังขึ้น
เสียงนี้แผ่วเบามาก หากเป็นเวลาปกติประสาทหูของเฉียวเวยคงได้ยินไม่ชัดเจนเท่านี้ ทว่าในห้วงเวลานี้เส้นประสาททุกเส้นของนางตึงเปรี๊ยะ นางสัมผัสได้ว่าสิ่งที่แม้แต่ราชันอสูรคนนั้นยังไม่กล้าหาเรื่องด้วยกำลังอยู่ใกล้ๆ
ลำคอของนางแห้งผาก เหงื่อกาฬไหลซึมโชกอาภรณ์ชั้นใน
แต่หากนางขยับมั่วซั่ว นางก็กลัวว่าจะได้เห็นสิ่งที่ไม่สมควรเห็น
นางตั้งสติ ตัดสินใจขายความน่าสงสารเป็นอย่างแรก “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสอยู่ที่นี่จึงล่วงเกินบุกขึ้นมาบนเขา ล่วงเกินแล้วจริงๆ! พวกเราไม่มีเจตนาร้าย นายท่านของคนผู้นั้นเมื่อครู่จับตัวบุตรทั้งสองของข้าไป ข้าจึงจำเป็นต้องมาแก้แค้นพวกเขา น่าเสียดายพวกข้าสู้ไม่ได้ถึงถูกเขาไล่ล่าจนต้องหนีมาถึงถิ่นของผู้อาวุโส หวังว่าผู้อาวุโสจะเห็นแก่ที่ข้ายังมีพ่อแม่ชรากับยังมีลูกเล็ก อภัยความผิดที่ผู้เยาว์ล่วงเกินด้วย”
——————————————–