หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 461-2 ความจริงของฮองเฮา (1)
ตอนที่ 461-2 ความจริงของฮองเฮา (1)
ปิงเอ๋อร์พาเอาใจที่สั่นระรัวไปยังทะเลสาบด้านหลัง
มองไปไกลๆ นางได้เห็นบุรุษที่ดูเย็นสบายประหนึ่งดวงจันทร์นั่งอยู่ตรงริมตลิ่งตามคาด
เขาอยู่ในชุดยาวสีน้ำตาล ผมดำขลับใช้สายคาดเส้นเดียวมัดไว้อย่างเกียจคร้าน สายคาดผมถูกลมพัดปลิวเบาๆ เมื่ออยู่ท่ามกลางยามราตรี จึงดูประหนึ่งดวงวิญญาณที่ลอยละล่อง
ผมยาวของเขาทิ้งตัวอยู่บนหัวไหล่ ช่วงเอวยาวที่ถูกบดบังอยู่ครึ่งหนึ่งทำให้คนรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงของเอวนั้น
หัวใจของปิงเอ๋อร์พลันร้อนผ่าว
ปิงเอ๋อร์จัดระเบียบเสื้อผ้า จับปิ่นปักผมบนศีรษะ เพื่อให้ตนมองดูสวยสะอาดไม่ล้าสมัย นางเปลี่ยนจากปิ่นทองเป็นปิ่นหยก รูปลักษณ์ที่ราวกับไม่ใช่คนบนโลกมนุษย์เช่นนี้ เขาน่าจะชอบกระมัง
ปิงเอ๋อร์เดินไปด้านหลังเขาแล้วทำความเคารพอย่างอ่อนหวาน “ใต้เท้าโหราจารย์”
ใต้เท้าเจ้าสำนักกำลังมีสมาธิกับการตกปลา พอมีคนเรียกขานโดยไม่ทันตั้งตัว ใจจึงเต้นระรัว มือก็พลอยสั่นจนเกิดเสียงดังจ๋อมจนปลาตกใจว่ายหนีไปหมด
เขาหันไปมองด้วยความรำคาญ เอ่ยอย่าขัดใจว่า “เจ้าทำอะไรน่ะ ปลาข้าตกใจหนีไปหมดแล้ว!”
ปิงเอ๋อร์คล้ายถูกน้ำเย็นๆ ทั้งถังรินรด บุปผาดอกน้อยอันบอบบางจึงพลันหม่นสีลงอย่างห้ามไม่อยู่ แต่พอคิดได้ว่าดึกเพียงนี้แล้ว เขาคงมองเห็นตนเองไม่ชัด หากเห็นชัด คงไม่หัวเสียใส่นางเช่นนี้
นางเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วนั่งลง “ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
ระหว่างที่พูดยังเขยิบเขาหาอีกฝ่ายไปด้วย
ใต้เท้าเจ้าสำนักชอบของที่ทองอร่อมดึงดูดสายตา นางแต่งกายเช่นนี้ จะดูประหนึ่งเทพธิดาหรือไม่ใต้เท้าเจ้าสำนักไม่อาจรู้สึกได้ แต่ตกใจนั้นกลับเป็นความจริง “เหตุใดเจ้าถึงแต่งกายราวกับภูตผีสาวเช่นนี้เล่า”
ปิงเอ๋อร์ที่ดูราวกับเทพธิดาถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงโดยพลัน
ปิงเอ๋อร์ค่อยๆ เผยอริมฝีปากที่แดงก่ำ “…”
ใต้เท้าเจ้าสำนักเบิกตาโตทำหน้าจริงจังมองนาง “แล้วยังปากแดงเหมือนดูดเลือดมานี่อีก! ตกใจหมดเลย!”
ปิงเอ๋อร์เอามือปิดปากอวบอิ่มของตนทันที
“เฮ่อ ช่างเถิด ข้าไม่ตกแล้วปลา”
พอมีคนเข้ามาขัด ความสนุกอะไรเลยหายไปหมด
ใต้เท้าเจ้าสำนักจัดการเก็บเบ็ดกับถังน้ำ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์
ห้องเก็บอุปกรณ์อยู่ไม่ไกล ใต้เท้าเจ้าสำนักพอเอาอุปกรณ์ตกปลากลับไปเก็บที่ห้องแล้ว ก็ก้าวยาวๆ กลับฟางชุ่ยหยวนไปทันที
ปิงเอ๋อร์ถึงอย่างไรก็เป็นสตรี จะขายาวเท่าเขาได้อย่างไร ไม่เท่าไรจึงถูกเขาทิ้งห่างไปไกล
ปิงเอ๋อร์บอกว่า “ใต้เท้า เจ้ารอข้าก่อน ข้าก็จะกลับฟางชุ่ยหยวนเช่นกัน!”
“สตรีนี่ช่างน่ารำคาญนัก!” ใต้เท้าเจ้าสำนักพึมพำขึ้นประโยคหนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังชะลอฝีเท้าลง
ปิงเอ๋อร์ใจพลันนึกยินดี เดินตามไปอย่างสง่างาม
ถึงจะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่อย่างไรก็เคยเห็นหมูเดิน สร้างบรรยากาศวาบหวิวอะไรนั่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนฉลาดอย่างปิงเอ๋อร์
นางกับใต้เท้าเจ้าสำนักเดินคู่กันไป นางทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจเอาแขนไปชนกับเขา
พอลองเอาเข้าไปแนบชิดดูแล้วเขาไม่สะบัดออก
แสดงว่าเขาก็เต็มใจสินะ!
เอาแนบเข้าไปอีกครั้ง อีกครั้ง แล้วอีกครั้ง
อารมณ์ของปิงเอ๋อร์ลิงโลดจนแทบจะกระพือปีกบินได้อยู่แล้ว ต่อจากนี้ก็ควรจะเกาะแขนเขา แล้วเอาตัวอิงแอบเขาเหมือนนกน้อยที่ชอบคลอเคลีย…
ในขณะที่ปิงเอ๋อร์ยื่นมือน้อยๆ ออกไปด้วยความตกใจนั้น เขาก็พลันหยุดฝีเท้า สองตาของเขามองปิงเอ๋อร์ด้วยความไม่พอใจ “ข้าอดทนกับเจ้ามานานแล้วนะ ทางตั้งกว้างเพียงนี้ เหตุใดเจ้าถึงเบียดข้าอยู่เรื่อย!”
ปิงเอ๋อร์ “…”
ปิงเอ๋อร์พยายามอย่างยิ่งกว่าจะข่มความน้อยใจในอกลงไปได้ แต่จะให้นางยอมแพ้เอาตอนนี้นั้นเป็นไปไม่ได้ ในใต้หล้านี้ไม่มีแมวตัวไหนไม่ขโมยกินปลา และไม่มีบุรุษคนใดที่ไม่เสเพล เขาแค่เพียงหัวช้า จำเป็นต้องให้ตนใช้ยาแรงก็เท่านั้น
“ว๊าย!”
ปิงเอ๋อร์ล้มลงกับพื้นอย่างสง่างาม
ใต้เท้าเจ้าสำนักจำต้องหยุดเดินอีกครั้ง แล้วหันไปมองนางด้วยความรำคาญและเหนื่อยหน่ายว่า “ครานี้เป็นอะไรอีกเล่า”
ปิงเอ๋อร์จับที่ข้อเท้าขวา เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “ข้าข้อเท้าพลิก เจ็บมาก!”
เพื่อทำให้บรรยากาศดูจริงมากขึ้นอีกนิด ปิงเอ๋อร์ยังบีบน้ำตาใสๆ ออกมาอีกสองหยดด้วย
แล้วใต้เท้าเจ้าสำนักก็เชื่อจริงๆ เขาเดินเข้าไปใกล้นางแล้วย่อตัวลง “พลิกสองข้างเลยหรือ”
หากพลิกแค่ข้างเดียวยังพอกระโดดกลับไปได้
มุมปากปิงเอ๋อร์กระตุกเบาๆ เอ่ยอย่างไม่มีพิรุธว่า “พลิก พลิกหมดเลย”
เพราะอย่างนั้นจะกระโดดขาเดียวกลับไปไม่ได้ เจ้าล้มเลิกความคิดนี้เถิด!
“เช่นนั้นทำอย่างไรดี” ใต้เท้าเจ้าสำนักถามอย่างคิดไม่ตก ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวของนางยักษ์ เขาจะทอดทิ้งไม่สนใจนางไม่ได้
ปิงเอ๋อร์กัดริมฝีปาก “เกรงว่าข้าคงจะเดินไม่ได้แล้ว…ทำอย่างไรดีพี่เขย”
คำเรียกว่าพี่เขยนี้ดังข้ามธรณีในใจของใต้เท้าเจ้าสำนักเข้าไปแล้วจริงๆ พอได้มองน้องสาวภูตผีนางนี้อีกครั้งก็รู้สึกสบายตาขึ้นมาทีเดียว “ในเมื่อขาพลิกทั้งสองข้าง เช่นนั้นก็คงเหลือวิธีการเดียวแล้ว เจ้าเป็นสตรี จะกระทำเรื่องเช่นนั้นกับข้า หากมีใครเห็นเข้าน่ากลัวว่าคงจะไม่ได้การ แต่เจ้าวางใจได้ ดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้ไม่มีใครผ่านไปมา คงไม่มีใครเห็นเข้าหรอก!”
ปิงเอ๋อร์ลอบยิ้ม ถึงเห็นก็ไม่เป็นไรหรอก ถึงอย่างไรพอพ้นคืนนี้ไป ปิงเอ๋อร์ก็จะเป็นคนของเจ้าแล้ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ
บนทางเดินเส้นเล็กก็มีเสียงหอบหายใจของบุรุษกับสตรีดังขึ้น
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าวิธีการนี้ใช้ได้”
ใต้เท้าเจ้าสำนักที่ตีลังกากลับหัวอยู่กับพื้น หันไปมองปิงเอ๋อร์ที่ตีลังกากลับหัวอยู่กับพื้นเช่นกันแล้วเอ่ยอย่างภูมิใจยากจะปกปิดว่า “เป็นอย่างไร ขาไม่เจ็บแล้วกระมัง”
ปิงเอ๋อร์ที่อยากตายไปเสียให้พ้นๆ “…”
…
วังหลวง ภายในตำหนักบรรทมที่สงบเงียบ
ฮองเฮาเยี่ยหลัวลอบเปิดประตูออกมา
เฉียวหลิงนั่งอยู่ที่โต๊ะ ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางสัพหงกอยู่ พอได้ยินเสียงผลักประตูก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ นางลุกขึ้นด้วยตัวที่สั่นเทา “ฮองเฮา ท่านกลับมาแล้ว”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวบอกว่า “ยังทำเจ้าตื่นอีกหรือ”
เฉียวหลิงยิ้มแหยๆ “บ่าวสมควรตาย ไม่ควรหลับขณะปฏิบัติหน้าที่”
“ข้าไม่ได้ว่าอะไรเจ้าเสียหน่อย” ฮองเฮาเยี่ยหลัวนวดตัวที่ปวดร้าวของตน ราชาเยี่ยหลัวอายุไม่น้อยแล้ว แต่พอถึงคราวกลั่นแกล้งกันขึ้นมา พละกำลังกลับไม่ลดน้อยลงเลยสักนิด!
เฉียวหลิงรินน้ำอุ่นให้ฮองเฮาเยี่ยหลัวถ้วยหนึ่ง เอ่ยถามหน้าตาเฉยว่า “ใช่สิเจ้าคะฮองเฮา วันนี้ท่านกับจั๋วหม่าน้อยไปที่ใดกันมาหรือ”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวรับถ้วยน้ำไป ดื่มอึกๆ ลงไปอึกใหญ่แล้วยิ้มขณะนึกย้อนไปว่า “พวกเราไปโรงพนันกันมา!”
“โรงพนัน…อันไหนหรือ” เฉียวหลิงหลุบตาถาม
“โรงที่ใหญ่ที่สุดบนถนนหนานเถิงนั่นแหละ” ฮองเฮาเยี่ยหลัวตอบออกไปทันทีไม่มีหยุดคิด
“สนุกหรือไม่เจ้าคะ” เฉี่ยวหลิงถาม
“แน่นอนสิ!” ฮองเฮาเยี่ยหลัวเล่าเป็นฉากๆ ราวกับน้ำที่ล้นทะลัก
เฉียวหลิงคอยฟังเงียบๆ ไม่เอ่ยขัดสักประโยค จนกระทั่งฮองเฮาเยี่ยหลัวง่วงนอน ทิ้งตัวลงหลับบนเตียงแล้ว นางถึงได้เป่าดับตะเกียงภายในห้อง
ตอนนางเป่าดับตะเกียงอันสุดท้าย อยู่ๆ คนบนเตียงก็ลืมตาขึ้น สายตาที่ดุดันกวาดมองไปรอบห้องรองหนึ่ง
เฉียวหลิงตกใจจนคุกเข่าลง
“วันนี้ไปที่ใดมาบ้าง” คนบนเตียงเอ่ยถามเหมือนไม่ตั้งใจ
เฉียวหลิงรายงานด้วยความขลาดกลัวว่า “ไปโรงพนันที่ใหญ่ที่สุดบนถนนหนานเถิง ไปเล่นพนันกับจั๋วหม่าน้อย มีแทงสูงต่ำ ตีไก่ ตีงู ตีเหยี่ยว…”