หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 470-1 พร้อมหน้า อบอุ่น (1)
ตอนที่ 470-1 พร้อมหน้า อบอุ่น (1)
ถึงแม้พวกเขาจะเพิ่งหายไปหนึ่งวันหนึ่งคืน แต่ทั้งจวนอ๋องอลหม่านกันไปหมดจากการที่พวกเขาหายตัวไป ทหารราชองครักษ์ออกปฏิบัติการอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้อยู่แค่ในเมือง แต่ยังออกไปตามหาตามทิวเขาที่สภาพแวดล้อมเลวร้ายด้วย
เพียงแต่ทางที่พวกเขาค้นหาไม่ใช่ทางเดียวกับที่คณะของเฉียวเวยใช้เท่านั้น พูดให้ชัดก็คือ เริ่มจากปากทางเดียวกัน เพียงแต่พวกเขาไม่คิดว่าพวกเฉียวเวยก็จะกลับมาตามทางเดิมได้อย่างถูกต้องแม่นยำ พวกเขาเดินลึกเข้าไปค้นหาตามทางที่พวกนางหายตัวไป เวลานี้น่ากลัวจะยังไล่ค้นหากันอยู่เลย
จีหมิงซิวย่อมตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝ่ามือเก้าสุริยันหลังจากผ่านขั้นหกไปแล้วเรียกว่ายากประหนึ่งสวรรค์กลั่นแกล้ง มีหลายคนที่ชะงักค้างอยู่ที่ขั้นนี้ การที่จีหมิงซิวคิดจะข้ามผ่านไปให้ได้นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ยังดีที่เขามีความสติปัญญาเหนือคนทั่วไป ระหว่างทางมาเยี่ยหลัวเขาทำกระจ่างแจ้งไปครึ่งหนึ่งแล้ว เวลานี้แค่จำเป็นต้องเก็บตัวฝึกอีกสักพัก ก็สามารถทะลุปราการด่านนี้เพื่อก้าวเข้าสู่ยอดฝีมือขั้นเจ็ดได้แล้ว
แต่กระนั้นในเวลานี้ เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับสือชีก็กลับมา
ที่เยี่ยนเฟยเจวี๋ยออกมาจากทิวเขาก็เพราะพวกเขาไม่เห็นรถม้าคันที่พวกตนนั่งไปแล้ว เขาเลยคิดว่าพวกเฉียวเวยนั่งรถม้ากลับมากันแล้ว
แต่กลายเป็นว่าพอเข้าเรือนมาดู กลับไม่เห็นพวกเฉียวเวยเลยสักคน ถึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นเสียแล้ว
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยคิดอะไรเรียบง่ายกว่าเฉียวเวยมากนัก ถึงจะบอกว่าการไปรบกวนจีหมิงซิวอาจทำให้จีหมิงซิวทาสไฟแตกซ่านเข้าสู่ทางมาร แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับเฉียวเวยจริงๆ จีหมิงซิวคงไม่ใช่แค่อาจ แต่คงได้เข้าสู่ภาคมารเป็นแน่
พอมีความคิดเช่นนี้ เยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็แทบจะพุ่งตัวเข้าไปในห้องลับอย่างแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีลังเลเลยทีเดียว
เรื่องหลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ จีหมิงซิวออกจากการเก็บตัวก่อนกำหนด ไปเข้าพบมู่อ๋อง จัดการเคลื่อนพลทหารราชองครักษ์ และเริ่มกระจายกำลังตามหาเฉียวเวยไปทั่วทุกหนแห่ง
ซึ่งเพราะการเคลื่อนกำลังผลของราชองครักษ์นี้เองที่ทำให้ค่ายใต้ดินในทิวเขารื้อถอนออกไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าฮองเฮาอยากเอาชีวิตเฉียวเวยมากจริงๆ จีหมิงซิวก็คิดอยากทำลายค่ายใต้ดินของฮองเฮา ขอเพียงฮองเฮายังปล่อยให้นักรบมรณะค้นหาพวกเฉียวเวยในภูเขาต่อไป นางก็ไม่เชื่อว่าจะเอาชีวิตเฉียวเวยไม่ได้ ส่วนจีหมิงซิวขอเพียงนำทหารราชองครักษ์ไปบุกเข้าไปจู่โจมตรงๆ เขาก็ไม่เชื่อว่าจะทำลายค่ายใต้ดินของฮองเฮาไม่ได้
แต่ทั้งสองไม่ได้ทำเช่นนั้น
หากจีหมิงซิวพาทหารราชองครักษ์ตรงเข้าไปบุกทำลายค่ายใต้ดินของฮองเฮา ด้วยความโกรธเกรี้ยว ฮองเฮาจะต้องเปิดโปงความสัมพันธ์ระหว่างจีหมิงซิวกับมู่อ๋องเป็นแน่ หากมู่อ๋องรู้ว่าตนถูกจีหมิงซิวหลอกใช้ ด้วยความโกรธเขาจะต้องไม่ช่วยจีหมิงซิวตามหาตัวเฉียวเวยต่อแน่นอน
ระหว่างพวกเขาสองคนจึงถ่วงดุลกันไว้ได้พอดี
ก่อนจีหมิงซิวออกเดินทาง เขาได้ส่งคำเตือนฉันมิตรไปให้ฮองเฮาด้วยความ “ใส่ใจ” บอกให้ฮองเฮาถอนตัวออกไปให้เร็วที่สุด
ฮองเฮาสามารถรักษาค่ายใต้ดินเอาไว้ได้ ส่วนเขาก็ช่วยชีวิตพวกเฉียวเวยกลับมาได้ นี่ก็คือความสมดุลระหว่างกัน
สภาพตอนทั้งสี่คนกับหนึ่งสัตว์กลับมาถึงจวนอ๋องนั้นอ่อนล้าถึงขีดสุด เฉียวเวยกับฟู่เสวี่ยเยียนเปลี่ยนไปอยู่ในชุดผ้าป่านหยาบๆ อย่างของชาวบ้านกันแล้ว ตรงอกเฉียวเวยมีใช้ผ้าปูเตียงห่อตัวเด็กคนหนึ่งไว้อยู่ ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง หน้าตาเปรอะเปื้อน รองเท้ากับชายกางเกงมีแต่ดินโคลน
กลิ่นดินตามชนบทลอยเข้ามาปะทะใบหน้า จีหมิงซิวคล้ายได้กลับไปอยู่ในช่วงที่ทั้งสองคนได้พบหน้าเป็นครั้งแรกอีกครั้ง สภาพของนางก็เกรอะกรังดูไม่ได้เช่นนี้ หน้าหลังสะพายเด็กสองคนที่ป่วยหนักเอาไว้ เดินอยู่ท่ามกลางพายุหิมะไปไกลกว่าสิบลี้ ถึงกับทำให้คนในโรงยาเผ่นหนีออกมา…
แค่ครั้งนั้นดูเหมือนจะไม่ย่ำแย่เท่านางในเวลานี้
อันที่จริงไม่ใช่แค่เฉียวเวย ฟู่เสวี่ยเยียนหน้าตาซีดเซียวหลังคลอด ตัวถูกห่อไว้ราวกับบ๊ะจ่าง รวมถึงใต้เท้าเจ้าสำนักที่ถึงแม้จะยังใส่ชุดผ้าไหมของตัวเองอยู่ แต่เนื้อตัวก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด (เลือดกำเดาที่พุ่งออกจากจมูกตัวเอง) ก็เห็นได้ชัดว่าดูจะไม่ได้ดีไปกว่าเฉียวเวยเท่าไรนัก
จีหมิงซิวมองน้องชายกับภรรยาที่ทำอะไรเองโดยพลการจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ความคิดที่จะทำโทษตามกฎตระกูลก็เกือบผุดขึ้นมาในหัว!
จากนั้นเฉียวเวยก็ปลด “ห่อผ้า” บนตัวออกแล้วเอาเด็กน้อยตัวผอมแห้งมาอุ้มไว้ ไอดุดันทั่วตัวเขาจึงพลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
เด็กที่เพิ่งเกิดไม่ถือว่าน่ามองเท่าไรนัก ผิวพรรณเหี่ยวย่น ดวงตาปูดโปน ผมลู่ติดศีรษะ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เจ้าเด็กน้อยคนนี้ก็ยังน่ารักจนน่าแปลกใจ
ใบหน้ากลมน้อยๆ ผิวขาวผ่อง เครื่องหน้าได้รูป มือที่เล็กจนน่าสงสารกำเป็นหมัดเล็กๆ ชูอยู่เหนือศีรษะ
เพียงแต่เด็กน้อยตัวเล็กเกินไปจริงๆ เล็กจนกระทั่งจีหมิงซิวอุ้มอยู่ก็ยังกลัวว่านางจะหลุดออกจากซอกนิ้วไป
จีหมิงซิวเคยเห็นเด็กแรกเกิดมาก่อน อย่างเช่นหลิวเกอร์ อย่างเช่นคุณชายห้าของจีซวง ตอนพวกเขาเกิดตัวใหญ่กว่านี้มากนัก แต่นางดูแล้ว…ยังตัวใหญ่ไม่ถึงครึ่งของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
“เพิ่งเจ็ดเดือนเท่านั้น” เฉียวเวยลูบแก้มของเด็กน้อยแล้วบอกเสียงเบา
จีหมิงซิวมองฟู่เสวี่ยเยียนด้วยสายตาซับซ้อน “ลำบากเจ้าแล้ว”
ฟู่เสวี่ยเยียนหลุบตาลง ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย
ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องก่อนหน้านี้ หลังจากนี้ก็จะไม่เอ่ยถึงอีก ทั้งหมดได้ผ่านไปแล้ว ผ่านไปพร้อมกับการมาเกิดของเด็กคนนี้ ฟู่เสวี่ยเยียนจะไม่ใช่สายลับข้างกายฮองเฮาอีกต่อไป นางเป็นมารดาคนหนึ่ง นางได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งหมดแล้ว
จีหมิงซิวไม่ได้สร้างความลำบากให้ฟู่เสวี่ยเยียน ซึ่งทำให้ฟู่เสวี่ยเยียนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางเป็นแม่คนแล้วจริงๆ ถึงได้เข้าใจว่าลูกสำหรับพ่อแม่แล้ว นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ฝังลึกลงไปในกระดูก ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณที่สำคัญเสียยิ่งกว่าการถ่ายทอดทางสายเลือดเสียอีก
ในโลกนี้ไม่ใช่แค่บอกว่าขอโทษก็จะแลกมาด้วยคำว่าไม่เป็นไรได้เสมอไป
ความใจกว้างเป็นความเมตตาที่ยิ่งใหญ่และยากที่สุด นางโชคดีมากที่ได้รับความเมตตาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดในใจของบุรุษคนนี้
“ให้ตายสิ พวกเจ้าจะยืนบื้ออยู่ไย วิ่งหนีกันมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว ไม่เหนื่อยหรือ” ใต้เท้าเจ้าสำนักยังเป็นกังวลว่าจีหมิงซิวจะเจ้าคิดเจ้าแค้นแล้วเอาเรื่องที่จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูหายตัวไปมาโทษฟู่เสวี่ยเยียนด้วย เขารีบดึงมือฟู่เสวี่ยเยียนไปเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้าเพิ่งคลอดบุตรมาหมาดๆ ช่วยต่อสายควันธูปให้กับตระกูลจี ตรากตรำมีผลงาน อย่า อย่ายืนนิ่งอยู่ตรงนี้เลย รีบกลับห้องไปพักผ่อนเถิด!”
พูดจบก็ราวกับกลัวว่าจีหมิงซิวจะเรียกดวงเขาไว้ ยกเท้าได้ก็พาฟู่เสวี่ยเยียนออกจากห้องหลักไปทันที
เฉียวเวยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รีบหนีเพียงนี้ บุตรสาวก็ไม่สนใจแล้วหรือ
ความคิดนี้เพิ่งแวบผ่าน ใต้เท้าเจ้าสำนักเสียงถูกฟ้าผ่ากลางศีรษะเดินกลับมา ขณะที่กำลังจะยื่นมือไปอุ้มบุตรมานั้น เขาก็ถูกสายตาพิฆาตของจีหมิงซิวถลึงตาใส่ เลยต้องเดินตัวหงอกลับออกไป
เฉียวเวยคิดจะเรียกสาวใช้ให้ไปปรนนิบัติฟู่เสวี่ยเยียน แต่ก็คิดได้ว่าฟู่เสวี่ยเยียนเติบโตมาในจวนอ๋อง เดิมทีนางก็เป็นนายหญิงของจวนอ๋องอยู่แล้ว ยังมีเหตุจำเป็นใดให้นางต้องสั่งเรื่องนี้
คนไปแล้ว ภายในห้องก็เงียบแล้ว
เฉียวเวยไม่เห็นซาลาเปาน้อยของตน จึงถามขึ้นว่า “จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูเล่า”
จีหมิงซิว “หาเจ้าไม่เจอ ทั้งยังไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ไห่สือซานเลยพาพวกเขากับจูเอ๋อร์ออกไปข้างนอก บอกจะไปตามหาเจ้า พวกเขาเพิ่งออกไป คงไม่กลับมาเร็วๆ นี้ เจ้าไปนอนพักก่อนเถิด”
ตอนแรกเฉียวเวยง่วงมากจริงๆ แต่พอผ่านความง่วงงุนนั้นไป เวลานี้กลับนอนไม่หลับเสียแล้ว
นางจึงไปเอาน้ำอุ่นๆ อาบตัวก่อน แล้วเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่สบายตัว
ภายในห้องก่อเตาตั้งพื้นไว้ กำลังอุ่นสบาย คลุมเสื้อคลุมบางๆ ไว้นอกชุดนอนอีกชั้นก็อุ่นสบายมากแล้ว
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย เฉียวเวยก็ใช้ผ้าป่านห่อผมยาวที่เปียกชุ่มเอาไว้แล้วก้าวเท้าเดินออกจากห้อง
เด็กน้อยคนนี้เพิ่งคลอด ยังไม่ทันได้อาบน้ำ เฉียวเวยให้คนไปตักน้ำอุ่นมาแล้ววางตัวนางลงไปเบาๆ
*************************