หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 474-2 ฮองเฮาเสียหายหนัก (1)
ตอนที่ 474-2 ฮองเฮาเสียหายหนัก (1)
กรงเล็บของต้าไป๋ฟาดเข้ามา!
เฉียวเวยยังถือว่าโชคดี กรงเล็บนี้ข่วนถูกค่อนข้างตื่น และไม่ข่วนถูกใบหน้านาง แค่เพียงทำให้ผ้าปิดหน้าหลุดร่วงลงเท่านั้น
แต่หลังจากนั้นก็ตามติดมาด้วยกรงเล็บที่สองของต้าไป๋
เฉียวเวยคิดในใจว่า ถ้าเจ้านี้กล้าข่วนถูกหน้าเจ้าสำนักอย่างข้า ข้าจะถอนขนเจ้าให้โกร๋นเลยคอยดู!
ความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้ไม่เกิดขึ้น กรงเล็บของต้าไป๋ชะงักค้าง
เฉียวเวยลอบเผยอเปลือกตามอง อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าไป๋กลับร้องอุทานแล้วกระโจนเข้าใส่อกเสื้อนาง โบกสะบัดหางพลางเลียนางให้วุ่นไปหมด!
เจ้าสำนักเฉียวงงงันไปอีกครั้ง
ผู้ชมที่ดูอยู่ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่
ฮองเฮาหรี่ตาลงอย่างอันตราย นัยน์ตามีแววผิดหวังและไม่พอใจ
จีหมิงซิวค่อยๆ วางหน้าไม้พิฆาตเทวาที่ตนกำไว้แน่นจนเปียกชื้นลง
เฉียวเวยเอาเจ้าตัวที่เลียนางจนหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำลายออกมา ก่อนจะยกขึ้นสูงด้วยความรังเกียจ
อุ้งมือของต้าไป๋โบกให้วุ่น พร้อมครางหงิงๆ ด้วยความดีใจ
เฉียวเวยส่งเสียงหึเย็นๆ พลางมองมันทีหนึ่ง เจ้าตัวเล็กนี่จำข้าได้แล้วหรือ ตอนเจ้าคลุ้มคลั่ง จมูกเจ้าตกลงพื้นไปแล้วใช่หรือไม่ ถึงได้ต้องเห็นหน้าข้าก่อนถึงจะจำได้ นี่ใช่ยุคที่ต้องเห็นหน้าหรือ!
สายตาของต้าไป๋ยังคงมีสีแดงระเรื่อ แต่เฉียวเวยเข้าใจดีว่ามันจำตนได้แล้ว
จำได้ก็ดี
ต้าไป๋คนซื่อของนางได้กลับมาแล้ว
หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่อำนวย เฉียวเวยคงอุ้มมันกลับบ้านเสียตอนนี้ แต่เวลานี้น่ะ…
เฉียวเวยพลันหันสายตาไปมองฮองเฮาที่อยู่บนอัฒจันทร์
พอเงยหน้าขึ้น รูปโฉมของนางก็ปรากฏสู่สายตาทุกคนโดยที่ไม่มีอะไรบดบังทั้งสิ้น
ใบหน้าที่พริ้งเพราหาใดเปรียบ ดวงตาที่คล้ายดูดวิญญาณได้ ประณีตงดงามราวกับหยกสลัก พาให้สั่นสะท้านราวกับดวงจันทร์ หากจะเอ่ยถึงเครื่องหน้าทั้งห้า ในเยี่ยหลัวใช่ว่าจะหาที่บรรจงสร้างกว่านี้ไม่ได้ แต่ความงดงามของนาง ใช่อยู่แค่เพียงผิวหนังภายนอกเช่นนี้เมื่อไรกัน
นางยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น ลมอ่อนพัดผ่านดวงจันทร์ ทำให้ผู้คนลืมเลือนทุกสิ่งไป รู้สึกเพียงแค่ได้มองก็ราวกับผ่านไปหมื่นปี
นางยกมุมปากขึ้นช้าๆ
ชั่วขณะนั้นกระทั่งเมฆดำบนท้องฟ้าก็ยังมลายหาย
ท้องฟ้าโปร่งใส กลายเป็นสีฟ้าไปทั้งหมด
จีหมิงซิวอมยิ้มมองนาง นี่คือภรรยาของเขา
ในขณะที่ทุกคนกำลังลุ่มหลงอยู่กับใบหน้าที่งดงามนี้นั้น สีหน้าของฮองเฮากลับค่อยๆ บึ้งตึงลง
เฉียวเวยดึงสายตากลับมา นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์
นางปล่อยให้สตรีนางนั้นได้ใจมานานเพียงนี้ ถึงเวลาควรให้นางได้ชดใช้แผนชั่วของตนสักนิดแล้วหรือยัง
ต้าไป๋รีบร้อนอยากกระโจนเข้าไปในอกเสื้อของเฉียวเวย
เฉียวเวยมองมันอย่างมีนัยยะ อย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วจะพาเจ้ากลับบ้าน
สีหน้าสบายๆ ของเฉียวเวยพลันเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด นางสะบัดแขนโยนต้าไป๋ออกไปอย่างดุดัน
พอโยนไปเสร็จ นางยกเท้าได้ก็ออกวิ่งทันที
ต้าไป๋วิ่งไล่ตามอย่างน่าเกรงกลัว!
จะสู้กันอีกแล้วหรือ ทุกคนราวกับเพิ่งได้สติจากฝัน
ต้าไป๋ดีใจยิ่งนัก!
เสี่ยวเวยไม่เคยเล่นเช่นนี้กับมันมาก่อนเลย นี่นับว่าเป็นรางวัลของมันเลยก็ว่าได้
ต้าไป๋ใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อไล่ตามเฉียวเวย ก่อนจะกระโจนใส่เฉียวเวยจนล้มลงกับพื้น
เฉียวเวยกลิ้งไปตามพื้น แล้วทะยานตัวขึ้น ชักกริชส่องประกายคมกริบออกมาจากแขนเสื้อ
ทุกคนพากันสูดหายใจ นี่ถึงขั้นใช้อาวุธแล้วหรือ หลังจากนี้คงมีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้ว
เฉียวเวยกับต้าไป๋แลกฝีกมือกันไปสามรอบ สู้กันได้อย่างน่าตื่นเต้น ทุกคนถูกดูดเข้าไปในการต่อสู้ คอยส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเป็นกังวลให้เฉียวเวยเป็นระยะๆ ทั้งยังคอยตะโกนบอกต้าไป๋ว่าดีอยู่เป็นระยะเช่นกัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่านี่เป็นการต่อสู้กับสัตว์ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของพวกเขานั้น เหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าก็มาถึง
ต้าไป๋ข่วนเฉียวเวยจน “ได้แผล” จนได้
เฉียวเวยควักกริชชาดออกมาทันที พอเอามือเช็ดเหงื่อ “เลือด” ก็ไหลลงมา!
ทุกคนตกใจกันจนหน้าเสีย “อ๋า…”
จีหมิงซิวหัวเราะเบาๆ “ซนเหลือเกิน”
เฉียวเวยถูก “ยั่วโมโห” เสียแล้ว นางไม่ใช้กริชอีก เปลี่ยนเป็นเงื้อหมัดขึ้น “ชก” เข้าใส่ต้าไป๋อย่างรุนแรง
ต้าไป๋ถูกหมัดซัดจนตัวกระเด็นขึ้นไปบนอัฒจันทร์ชั้นสอง
ที่น่าบังเอิญก้คือ มันตกลงบนตัวคุณชายที่ก่อนหน้านี้กำลังถกเรื่องต้าไป๋อยู่พอดี
คุณชายคนนั้นตกใจจนตะลึงค้าง!
ต้าไป๋กระโจนขึ้นจะตะปบคุณชายคนนั้นทันที
เฉียวเวยตีหน้าดุ พลางเปล่งเสียงราวกับอยู่ในละคร “เจ้าเด… รัจฉาน! จะหนี…ไปไหน!”
ใต้เท้าอัครเสนาบดีพลันมือสั่น น้ำชาหกกระจาย!
โชคดีที่คนเยี่ยหลัวฟังไม่เข้าใจ มิเช่นนั้นคงได้ล้มกระเทเร่กันหมดแน่
เฉียวเวยไม่มีวิชาตัวเบา แต่อาจารย์ตาฮั่วฝึกฝนนางจนเก่งพอจะปีนขึ้นชั้นสองได้แล้ว
หลังจากปีนขึ้นไปบนชั้นสองได้ นางก็ต่อสู้อย่างดุเดือดกับต้าไป๋อีกครั้ง
เดิมทีองครักษ์เหล่านั้นจะเข้ามาช่วยจับตัวต้าไป๋ แต่พอเห็นเฉียวเวยดูจะยังสู้ไม่ถอย จึงไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
หนึ่งคนหนึ่งสัตว์ยิ่งสู้ก็ยิ่งเข้าใกล้ฮองเฮาขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนราชาเยี่ยหลัวก็ดูจะมัวเมาอยู่กับการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นนี้ ไม่มีทีท่าจะถอยหนีไปไหนเลยสักนิด
ในที่สุดหลังจากอยู่ห่างจากฮองเฮาไปสิบก้าว เฉียวเวยก็เข้าไปขวางอยู่หน้าต้าไป๋
ต้าไป๋พุ่งเข้าใส่เฉียวเวยราวกับลูกธนู ท่าทางการโจมตีดูหมายจะเอาชีวิตเฉียวเวยเต็มที่
เฉียวเวยก็ดูคล้ายไม่เกรงกลัวสักนิด กระชับกริชในมือแล้วแทงเข้าใส่อกของต้าไป๋อย่างดุดัน
แต่กระนั้นที่คาดไม่ถึงก็คือ นางยังไม่ทันแทงกริชออกไป สองขาก็พลันสะดุดแล้วล้มลง!
เมื่อไม่มี “ปราการตามธรรมชาติ” เช่นนางอยู่ ฮองเฮาที่นั่งจึงตกเป็นเป้าทันที
ต้าไป๋พุ่งเข้ามาเร็วเกินไปจริงๆ เหล่าองครักษ์ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เห็นว่ากรงเล็บของต้าไป๋ ตบเข้าที่ศีรษะของฮองเฮาอย่างรุนแรงไปแล้ว
ถึงแม้ฮองเฮาจะซ่อนฝีมือที่ร้ายกาจเอาไว้ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจริงๆ ต่อให้นางระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ก็ยังระวังตัวทำอะไรไม่ทัน
กรงเล็บนี้ทำให้เครื่องศีรษะฮองเฮาของนางหล่นลง ทรงผมก็หลุดลุ่ย ปิ่นหยกก็หล่นลงพื้นส่งเสียงดังกรุ้งกริ้ง
ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ บนหน้านางก็ถูกตะปบจนเห็นเป็นรอยข่วนด้วย
นั่นเป็นใบหน้าที่งดงามจนต้องอุทาน แต่กลับมีรอยข่วนที่น่าตกใจเพิ่มเข้ามาหลายรอย เลือดสีแดงสดไหลลงมาช้าๆ พลันทำให้อาภรณ์ของนางเปรอะเปื้อนสีแดง
ราชาเยี่ยหลัวตะลึงค้าง
ราชาเยี่ยหลัวรักนางที่ตรงใด ไม่ใช่เพราะใบหน้านี้หรอกหรือ เมื่อไม่มีใบหน้าที่ละม้ายกับเจาหมิงนี้แล้ว นางยังจะใช้อะไรยั่วยวนราชาเยี่ยหลัวได้อีก
เฉียวเวยสาแก่ใจยิ่งนัก แต่ใบหน้ากลับดูโกรธเกรี้ยว “เจ้าเดรัจฉานชั่ว! ถึงขั้นทำร้ายฮองเฮาเชียวหรือ ดูสิว่าข้าจะฆ่าเจ้าอย่างไร!”
เหล่าองครักษ์พากันชักดาบออกมา เฉียวเวยไล่ตามต้าไป๋กระโดดลงไปในลานประลองอีกครั้ง
เหล่าองครักษ์เลยเจอแต่ความว่างเปล่า
สุดท้ายของท้ายสุด ย่อมเป็นเฉียวเวยที่จับเจ้าสัตว์ร้ายนั้นไว้ได้ ไม่เพียงจับไว้ได้ แต่เฉียวเวยยังจัดการ “สังหาร” มันทิ้งเสียด้วย “ศพ” ของสัตว์ร้ายถูกคนลากออกไป
ตายก็ตายไปแล้ว ฮองเฮาคิดจะทำอะไรมันอีกคงเป็นไปไม่ได้ ด้วยลักษณะนิสัยฉากหน้าที่ดูอ่อนหวานน่ารัก นางจะเอ่ยคำว่า “เลาะกระดูกให้สิ้นซาก” ออกมาได้อย่างไร
ครั้งนี้ฮองเฮาเพลี้ยงพล้ำแน่แล้ว
ฮองเฮาจะไม่สนใจอะไรของร่างกายนี้เลยก็ได้ แต่นางจะต้องใส่ใจใบหน้านี้ ตอนที่นางกำนัลมาประคองนางลงไป เฉียวเวยสังเกตเห็นแววโหดเหี้ยมในดวงตานางได้อย่างชัดเจน มือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกว้างกำแน่นเป็นหมัด หัวไหล่สั่นไหวเล็กน้อยด้วยความอดกลั้น
เฉียวเวยผายมือออก หน้าตาใสซื่อ
เจ้าให้ข้าไปสู้เองนี่ เวลานี้พอเกิดเรื่องจะมาโทษข้าได้หรือ
ฮองเฮาถูกสัตว์ร้ายข่วนใบหน้าจนเสียโฉม เฉียวเวยเพราะสร้างผลงานจากการสังหารสัตว์ร้าย ราชาเยี่ยหลัวเลยตกรางวัลให้นางอย่างงาม
อะไรที่เรียกว่าสร้างความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ก็คือเช่นนี้เอง
พอได้เห็นเฉียวเวยหอบแก้วแหวนเงินทองหีบใหญ่อยู่ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฮองเฮาก็รู้สึกเจ็บหน้ายิ่งขึ้นไปอีก
การสู้สัตว์ในวันนี้จึงจบลงอย่างสมบูรณ์ด้วยประการฉะนี้ เฉียวเวยเอาแก้วแหวนเงินทองส่งไปให้จีหมิงซิว แล้วออกวิ่งไปทางโถงด้านหลังของสนามประลอง
นางไปถามมาแล้ว สัตว์ของชาวบ้านทั้งหมดจะเข้ามาทางนี้ ตอนออกก็ออกไปทางนี้เช่นกัน
เมื่อครู่นางต่อสู้ได้อย่างดุเดือด องครักษ์ในสนามประลองทุกคนจึงจำนางได้ พอเห็นนางเดินมาจึงไม่เข้าไปขวาง ปล่อยให้นางเดินต่อไป
หลังจากเดินผ่านโถงด้านหลังไปแล้ว นางเรียกองครักษ์นายหนึ่งไว้ แล้วทำท่าทำทางถามว่า “เมื่อครู่เพียงพอนขาวที่ถูกข้าสังหารไปเล่า”
องครักษ์มองภาษามือของนางเข้าใจ จึงชี้ไปทางประตูใหญ่
เฉียวเวยรีบเดินไปที่ประตูใหญ่ ก็เห็นว่าที่ไกลๆ มีบุรุษที่ใส่หมวกคลุมหน้าถือกรงกำลังเดินช้าๆ ออกไป
ภายในกรงสัตว์มีต้าไป๋ที่แกล้งตายไม่ได้สตินอนอยู่
นางเอ่ยเรียกอีกฝ่ายไว้ “ผู้กล้า!”
พอได้ยินเสียงนาง บุรุษผู้นั้นก็ชะงักไปทันที
เฉียวเวยรีบตามไป
ดูเหมือนเขาไม่อยากให้นางตามมาทัน บุรุษผู้นั้นจึงเร่งฝีเท้าขึ้น
เฉียวเวยอึ้งไป คนผู้นี้ได้ยินเสียงเรียกของนางชัดๆ จะเดินเร็วเช่นนี้ไปไย
เฉียวเวยมีหรือจะยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ อุตส่าห์ตามหาต้าไป๋เจอ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเอาต้าไป๋กลับไปด้วยให้ได้!
นางเร่งฝีเท้าตามไปบ้าง คว้าหัวไหล่อีกฝ่ายไว้แล้วจับตัวอีกฝ่ายให้หันมา
ชั่วขณะที่ได้เห็นโฉมหน้าอีกฝ่าย เฉียวเวยก็ชะงักงันไปทันที
**************************************