หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 115
ตอนที่ 115: ความมืดมิดภายใต้แสงสว่าง
รูปร่างของฮอร์กดูหนาขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เขานั้นไม่สามารถนั่งเก้าอี้ปกติได้ทําได้เพียงแค่ยืนคุยกัน
โรแลนด์เองก็ยืนอยู่กับเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามมันรู้สึกเหมือนว่ามีกําแพงสูงตั้งอยู่ตรงหน้าของเขา มันทําให้โรแลนด์รู้สึกเหมือนถูกข่ม เขามองไปที่สัตว์ประหลาดกล้ามโตและถอนหายใจออกมา “นายคิดจริงๆงั้นเหรอว่ารูปร่างของนายตอนนี้ดูดีจริงๆ?”
“ดีมากๆเลยหละ” ฮอร์กตอบด้วยน้ําเสียงพึงพอใจ จากนั้นเขาก็ถามอย่างสงสัยว่า “หรือว่า บางทีนายอาจจะชอบแบบพวกที่ดูละอ่อนงั้นเหรอ?”
โรแลนด์ส่ายหัวออกมาและพูดว่า “ไม่ใช่แบบนั้น ฉันค่อนข้างเป็นกลาง ภาพลักษณ์ในอุดมคติของฉันคือดูผอมเมื่อใส่เสื้อผ้า แต่จะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเมื่อถอดเสื้อผ้าออก”
“ซิ ความชอบของนายมันแย่กว่าคนที่ชอบพวกหน้าละอ่อนเสียอีก” ฮอร์กพูดออกมาอย่างโกรธๆ
โรแลนด์ถอนหายใจออกมา “ความคิดนายมันสุดโต่งเกินไป นอกจากนี้มาตราฐานความงามนั้นถือเป็นตัวบ่งชี้ หลังจากการอัปเดตประชากรของนักรบก็ลดลงไปแล้วกว่า 30% จากประชากรทั้งหมด และมันยังคงลดลงอยู่เรื่อยๆ รู้ไหมนี่หมายถึงอะไร?”
“พวกนั้นมันไม่เข้มแข็งพอก็แค่นั้นพวกนั้นยังไม่เข้าใจความงดงามของกล้ามเนื้อเลยแม้แต่น้อย ในชีวิตจริงฉันไม่สามารถเพาะหุ่นแบบนี้ได้ แต่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถทํามันได้สําเร็จภายในเกม” เมื่อพูดจบฮอร์กก็โพสต์ท่าโชว์เสื้อผ้าของเขาราวกับจะระเบิดออกด้วยมัดของกล้ามเนื้อ จากนั้นเขาก็พูดอย่างจริงจังว่า “หยุดเรื่องไร้สาระพวกนี้ก่อนเถอะ นายจะทําอะไรต่อไป?”
“สองเดือนนั้นเพียงพอที่ทําให้หมอนั่นเซ็งแล้ว” โรแลนด์พูดออกมาอย่างช้าๆว่า “ตามหลักฐานที่เราพบก่อนหน้า เจ้านั่นมักจะฆ่าเด็กสาวในทุกหนึ่งถึงสองเดือน เจ้านั่นน่าจะอดไม่ไหวแล้ว”
“ฉันเข้าใจแนวคิดของนายนะ” ฮอร์กพยักหน้า “หลังจากสองถึงสามเดือนของการฝึกฝน หน่วยหาข้อมูลก็เริ่มเก่งขึ้นแล้ว ถ้าเป็นตอนนี้พวกนั้นจะไม่ทําให้ศัตรูรู้ตัวอีกต่อไป”
“ถ้ามันเป็นอย่างนั้นมันจะเป็นการรบกวนนายนะ” โรแลนด์ยิ้มออกมา
“นายใจดีเกินไปแล้ว” ฮอร์กส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า “หากนายไม่ยอมขายเหรียญทองจํานวนมากให้พวกเรา พวกเราคงไม่สามารถสร้างอะไรได้ด้วยซ้ํา ตอนนี้พวกเราเริ่มมาถูกทางแล้วเล็กน้อย ในอนาคตพวกเราจะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ฉันอยากรู้จริงๆว่านายรู้ได้ยังไงว่ามันเป็นหมอนั่น?”
โรแลนด์ถอนหายใจและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่เราอยู่ในมุมมืด พวกเราจับตาดูภาย นอกและเกือบจะโดนเขาหลอกไปแล้วครั้งหนึ่ง โชคดีที่ตราไม้ที่ถูกทิ้งไว้นั่นบอกให้ฉันรู้ว่าเขานั้นมีเวทมนตร์และฉลาดมาก เขาอาจไม่ใช่ขุนนางหรือเป็นสมาชิกของหอคอยเวทมนตร์ หลักฐานที่ทําให้ฉันรู้ตัวฆาตกรนั้นมาจากข้อมูลของกลู นายต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าแก๊งงูหางกระดิ่งที่ถูกทําลาย โดยบาร์ดนั้นเป็นหุ่นเชิดของหอคอยเวทย์ของพวกเรา”
ฮอร์กอุทานออกมา “ฉันไม่เห็นรู้เรื่องที่มันเกี่ยวข้องกันเลย”
“ฉันเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าขนาดประธานอัลโด้ยังไม่รู้จักหุ่นเชิดพวกนี้เลย”
รอยยิ้มประหลาดปรากฏบนใบหน้าของฮอร์ก “ในทางกลับกัน ใครก็ตามที่ติดต่อกับแก๊งนั้นมากที่สุดก็คือผู้ต้องสงสัย!”
โรแลนพยักหน้า
“ฉันพอรู้แล้วล่ะว่าเป็นใคร”
ครึ่งชั่วโมงให้หลังฮอร์กก็ออกจากหอคอยเวทย์ไป
โรแลนด์นั้นยังคงทดลองเวทย์และสอนนักเวทย์ฝึกหัดเหมือนอย่างเคย
หลายวันต่อมา เด็กทั้ง 23 คน จากเกรย์แซนด์ก็ถูกส่งมา
พวกเขานั้นยืนต่อแถวแนวยาวกันเป็นสองแถวตรงชั้นแรกของหอคอยเวทย์ โดยทุกคนนั้นต่างมีท่าทางที่วิตกกังวลเป็นอย่างมาก
โรแลนด์มองไปทางพวกเขา เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ท่าทางของเหล่าเด็กๆนั้นดูกังวลมากยิ่งขึ้น และมีความหวัง
หลังจากผ่านไปสามนาที โรแลนด์ก็เลือกเด็กมาสองคนพร้อมพูดว่า “สองคนนี้ วิเวียนจําหน้าตาของพวกเขาไว้ให้ดี พวกเขานั้นจะเป็นนักเวทย์ฝึกหัดในอนาคต ถ้าพวกเขาไม่รู้หนังสือก็สอน การเขียนและอ่านให้พวกเขาซะ เตรียมห้องพักไว้ให้สองคนนี้ได้ ที่เหลือออกไปได้”
เด็กทั้งสองนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก ในขณะที่คนอื่นๆดูผิดหวัง บ้างก็แอบปาดน้ําตา
โอกาสแบบนี้แทบไม่ได้มีให้เห็นในรอบหลายร้อยปี แต่พวกเขานั้นก็ไม่สามารถคว้ามันไว้ได้
หัวหน้าของกลุ่มเกรย์แซนด์ยืนเป็นกังวลอยู่ที่ด้านนอกของหอคอยเวทย์พร้อมด้วยสมาชิกของแก๊งบางคน เมื่อเขาเห็นกลุ่มเด็กเดินออกมาและเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาในฝูงชนเขาก็ยิ้มออกมา
“อย่ากังวลไปเลย ถึงแม้พวกเจ้าจะไม่ได้ถูกเลือก แต่พวกเขาก็ยังเป็นกระดูกสันหลังของแก๊งพวกเราในอนาคตอยู่ดี” หัวหน้าแก๊งพูดออกมาอย่างใจกว้าง “จงพยายามให้มาก อนาคตของแก๊งเกรย์แซนด์ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”
เด็กๆต่างรู้สึกมีกําลังใจขึ้นมาในทันที
วิเวียนพาเด็กที่ถูกเลือกทั้งสองขึ้นไปยังชั้นสองและเธอก็พบเข้ากับเจอรี่
เจอรี่นั้นอายุมากแล้ว พลังจิตของเขานั้นก็มีจํานวนมากที่สุดใจบรรดานักเวทย์ฝึกหัดทั้งหมด แต่ด้วยร่างกายของเขาฉุดรั้งเอาไว้ ทําให้การพัฒนาของเขายังด้อยกว่าวิเวียนมากนัก
ทว่าเจอรี่ก็ไม่ยอมแพ้
เขารู้ว่าหากนักเวทย์แข็งแกร่งขึ้น อายุของพวกเขานั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เขาจึงพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ และพลังชีวิตของเขาก็เริ่มขยายไปเรื่อยๆเช่นกัน เขานั้นสามารถยืดชีวิตไปเรื่อยๆจนเขาสามารถกลายเป็นนักเวทย์ชั้นแนวหน้าได้
เมื่อถึงตอนนั้นเขานั้นสามารถเปลี่ยนร่างกายของเขาให้กลายเป็นพลังธาตุได้และกลายเป็นนักเวทย์ธาตุ ด้วยวิธีนั้นจะช่วยให้เขายึดอายุไปได้อีกหลายร้อยปี
แน่นอนว่านั่นเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่เขาคิดไว้ เขานั้นรู้ดีว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ดีนักและโอกาสที่เขาจะทนไปถึงจุดนั้นได้ก็มีไม่สูงนัก
ดังนั้นเมื่อเขาพบเข้ากับเด็กสองคนที่ดูเหมือนจะมีอายุน้อยกว่า 12 ปีเสียอีก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาออกมา
มันจะดีขนาดไหนกันหากเขาพบเจอรองประธานโรแลนด์ในวัยเพียงเท่านี้
เขาเดินจากไปและมองไปยังเด็กทั้งสองคนที่ต่างดูวิตกกังวลและหวาดกลัว เขาถอนหายใจ และเดินลงบันไดไป
หนึ่งในสองคนนั้นถามออกมาว่า “เขาเป็นประธานงั้นเหรอ?”
“ไม่เขาเป็นนักเวทย์ฝึกหัดแบบข้า” วิเวียนอธิบายออกมา
“เขานั้นค่อนข้างแก่แล้วแต่เขายังคงเป็นนักเวทย์ฝึกหัดอยู่เวทมนตร์ต้องยากแน่ๆเลยใช่ไหม? พวกเราจะเรียนมันได้จริงๆงั้นเหรอ?” เด็กๆถามออกมาอย่างกังวล
วิเวียนตอบกลับไปอย่างใจดี “ข้านั้นมั่นใจเกี่ยวกับหอคอยเวทย์แห่งอื่นนัก ทว่ารองประธานของเรานั้นเชียวชาญในการสอนมาก”
ท้ายที่สุดเด็กทั้งสองก็เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้
ทันใดนั้นก็มีคนเปิดประตูเข้ามา คลาอัสเดินเข้ามาและเห็นเด็กทั้งสอง เขาก็ถามว่า “นี่เด็กใหม่ที่ถูกเลือกโดยรองประธานงั้นเหรอ? หืมม ดูธรรมดาจัง”
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กทั้งสองก็คอตกในทันที
“โทษที่ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น เดี๋ยวข้าซื้อบางอย่างมาเพื่อเป็นการขอโทษละกัน” คลาอัสยิ้มออกมา
“เจ้าจะออกไปข้างนอกด้วยงั้นเหรอ?” วิเวียนประหลาดใจเล็กน้อย
“มีคนอื่นด้วยเหรอ ใครกัน?” คลาอัสถามอย่างประหลาดใจ
วิเวียนตอบกลับไปว่า “เจอรี่เองก็ออกไปข้างนอกเช่นกัน ท่าทางเขาดูไม่มีความสุขเลย”
“เจอรี่คงไปเยี่ยมหลานของเขามั้ง” คลาอัสพูดพร้อมรอยยิ้ม “เขามักจะไปหาหลานเดือนละหนึ่งถึงงสองครั้งอยู่แล้ว”
“แล้วเจ้าละจะไปไหน?”
“ข้าจะไปเดินตลาดทาสสักหน่อย ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรุกสักที ข้าจะไปดูว่ามีสินค้าดีๆบ้างไหม ข้าจะซื้อมาสักคนให้ท่านรอง”
ใบหน้าของวิเวียนมืดคลิ้มไปในทันที “เจ้ากล้าดียังไง!”
“งั้นเจ้าก็เริ่มรุกซะสิ” คลาอัสพูดจบก็เดินลงบันไดไป