หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 130
ตอนที่ 130
มันเป็นการยากที่จะสามารถเผาปราสาทลงได้
เพราะถึงอย่างไรวัสดุทั้งหมดที่ใช้สร้างนั้นก็เป็นหินทั้งหมด
ทว่ามันสามารถทําได้โดยผู้เล่นหกคน ใช้กระเป๋ามิติถูกบรรจุแน่นไปด้วยสารที่ติดไฟ มันเป็นบางสิ่งที่คล้ายๆกับถ่าน ทว่าประสิทธิภาพการเผาไหม้นั้นดีกว่าถ่านมาก
ทําให้ปราสาทตอนนี้กําลังติดไฟอยู่
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะแปลกๆดังออกมาจากเบทเทลที่นํามือทั้งสองข้างไปขยี้ผมจนยุ่ง หน้าของเขาแดง รูม่านตาของเขาขยายกว้าง จนเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้าตา
เป็นธรรมดาที่เขาจะแสดงท่าที่ออกมาแบบนี้
ปราสาทนั้นจะถูกสร้างอย่างช้าๆอย่างน้อยก็สามช่วงอายุคนของตระกูล และยังมีสิ่งมีค่าจํานวนมากอยู่ภายในปราสาท อาทิเช่นอัญมณีและเหรียญทองด้วยเพลิงไหม้ มันจะส่งผลให้ความพยายามของคนหลายรุ่นหายไปพร้อมกับเปลวเพลิง
สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือปราสาทนั้นเปรียบได้กับป้อมปราการด่านสุดท้าย ขุนนางที่มีปราสาท และขุนนางที่ไม่มีปราสาทสองอย่างนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถ้าหากปราสาทพังทลายไป หมายความว่าถึงคราล่มสลายของวงศ์ตระกูล
เบทเทลนั้นไม่สามารถยอมรับมันได้ วันนี้มันควรจะเป็นวันที่เขาจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ไม่มีกลุ่มต่อต้านดวงตาสีเทาอีกต่อไปแล้ว หญิงสาวที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือมาตลอดก็หายไปเช่นกัน สองสิ่งนี้ควรจะทําให้เขามีความสุขยิ่งขึ้น แล้วทําไมผลของมันถึงออกมาเป็นแบบนี้?
ด้วยเส้นผมที่หลุดออก ท่าทีของเบทเทลบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ มุมปากของเขามีน้ําลายสีขาวไหลย้อยออกมา ดวงตาของเขากลายเป็นเหมือนพวกโรคจิต ในตอนนั้นเองเวตซึ่งตามมาด้านหลัง พร้อมตบหน้าของเบทเทลอย่างรุนแรงและก่นด่าออกมา “เจ้าจะรออะไรกันแน่? สั่งการให้ดับไฟซะ”
การตบนั้นรุนแรงมาก เสียงดังชัดเจนจนสามารถได้ยินแม้ห่างออกไปนับสิบเมตร
รอยแดงห้าจุดบนใบหน้าของเบทเทลนั้นบวมขึ้น
ทว่านั่นกลับทําให้เขาได้สติ
เขามองไปทางเวตอย่างขอบคุณ เบทเทลหันไปสั่งการทหารของเขา “หน่วยที่สองและสี่อยู่ด้านหลังเพื่อคอยป้องกันเอาไว้ ที่เหลือตามข้ามาที่ปราสาทให้เร็วรีบดับไฟ และสังหารศัตรูในเมืองนี้ หนึ่งเหรียญเงินสําหรับศัตรูหนึ่งคนที่เจ้าฆ่าได้”
แน่ชัดแล้วว่าปราสาทไม่น่าจะคงสภาพดีแล้ว แต่เขาจะกอบกู้มันขึ้นมาเท่าที่เป็นไปได้
เบทเทลพุ่งลงจากกําแพงพร้อมกับกลุ่มทหารไปยังทางปราสาท ในตอนนี้นั้นเขาตื่นตัวมากยิ่งขึ้นและไม่ได้นําทหารทั้งหมดจากกําแพงไปด้วย
ไม่ถึงสิบวินาทีหลังจากเขาทิ้งกําแพงไป หินกลมขนาดยักษ์พร้อมเสียงลมหวีดร้อง จากไกลมาใกล้และในที่สุดก็พุ่งชนเข้ากับกําแพง ถึงแม้ว่าผู้เล่นจะใช้เพียงแค่เครื่องยิงเห็นธรรมดา ต้องขอบคุณค่าสถานะที่ยอดเยี่ยมที่เกมให้ นั่นทําให้ผู้เล่นบางคนที่ยิงหินอยู่ค้นพบพรสวรรค์ที่ไม่เคยพบมาก่อน
เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาในระยะใกล้ ทําให้เบทเทลอดไม่ได้ที่จะมองกลับไป ในตอนนี้เศษหินจํานวนมากระเบิดออก มีบางส่วนตกลงมาถึงบริเวณรอบๆเขาด้วยซ้ํา
เขากําหมัดนาน
เอลลี่! ไอ้กระ**นั่น
แกกล้าดียังไงที่หาคนมาสร้างปัญหาให้ข้า เมื่อเขาคิดไปถึงมันทํา
เวตที่อยู่ข้างๆเขา รีบพูดขัดท่าทีที่โกรธของเขาในทันที “เจ้ารออะไรอยู่กัน รีบไปสิเบทเทล”
เบลเทลนั้นหันกลับไปพร้อมสั่งม้าให้วิ่งไปยังปราสาทที่กําลังเผาไหม้อยู่
ตรงกําแพงพวกผู้เล่นต่างอดไม่ได้ที่จะออกเสียงเชียร์ให้หินพุ่งตรงไปอย่างแม่นยํา
ผู้เล่นที่รับหน้าที่ปรับแนวยิงนั้นหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ฉันนี่เยี่ยมจริงๆ”
ทว่าจากนั้นผู้เล่นก็ออกมาส่งเสียงเชียร์หนักกว่าเก่า
เพราะถึงวิสัยทัศน์ของพวกเขานั้นจะถูกปิดกันด้วยกําแพง แต่ควันไฟสีดําก็พุ่งสูงขึ้นในระยะไกลและปรากฏสู่สายตาของพวกเขา
“สําเร็จแล้ว พวกโจรทั้งหกนั่นทําลายปราสาทได้แล้ว”
“การส่งพวกนั้นเข้าไปตลบหลังนี่ถูกต้องจริงๆ”
“ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามีทหารอยู่ตรงกําแพงลดลงแล้ว”
“แผนต่อไป แผนต่อไป พังประตูเมืองกันเถอะ”
ผู้เล่นที่ส่งเสียงยินดีโดยรอบหยุดพูดคุยกัน และความสนใจของพวกเขาทุกคนก็ตกไปอยู่ที่ชายในชุดคลุมดําที่ยืนอยู่ตรงกลางแถวแรก
นี่คือโรแลนด์
เขานั้นก้าวออกมาข้างหน้าเล็กน้อย และหยิบคทาเวทย์ออกมาจากกระเป๋ามิติ และชี้มันไปข้างหน้า
บอลเพลิงขนาดเล็กปรากฏตัวขึ้นในระยะสามเมตรห่างจากไม้คทา จากนั้นมันก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและดูสว่างขึ้น
ในตอนแรกนั้นบอกเพลิงเป็นสีดําเหลือง และเมื่อมันมีเส้นรอบวงใหญ่กว่าครึ่งเมตรมันก็กลายเป็นสีส้ม
ในตอนนี้บอลเพลิงก็ยังขยายต่อไปเรื่อยๆ และกลายเป็นขนาดเส้นรอบวงหนึ่งเมตรครึ่ง
ตอนนี้เองเริ่มมีเพลิงสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบๆผิวนอกของบอลเพลิง
อากาศโดยรอบโรแลนด์เริ่มบิดเบี้ยว หญ้าสีเขียวตรงบริเวณเท้าของเขากลายเป็นสีเหลือง
ทว่าบอลเพลิงก็ยังคงขยายใหญ่ต่อไปเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกันร่างกายของโรแลนด์ก็เรืองแสง มีจุดแสงสีขาวปรากฏขึ้นบนตัวเขาและผสานเข้าไปกับร่างกาย
นั่นเป็นผลจากการที่สร้อยคอสงบใจเริ่มทํางาน พลังเวทย์ที่โรแลนด์เก็บสะสมตลอดสิบวันทีละเล็กทีละน้อย จนถึงขีดจํากัดของสร้อยสงบใจ เริ่มย้อนคืนเข้าสู่ร่างกายของโรแลนด์
เป็นที่รู้ดีกันว่าเมื่อรัศมีของทรงกลมนั้นเพิ่มขึ้นในความยาวที่เท่ากันปริมาตรของมันนั้นจะเพิ่มขึ้นหลากหลายเท่า และเมื่อมันเติบโตขึ้นอีกระดับ มันจะกลายเป็นสิบเท่าหรือร้อยเท่าของครั้งก่อน
พลังเวทย์ของโรแลนด์เองนั้นสามารถสร้างบอลเพลิงนรกขนาดหนึ่งเมตรครึ่งได้ ทว่าด้วยพลังเวทย์ทั้งหมดที่ถูกเก็บไว้ในสร้อยคอสงบใจ ซึ่งมีจํานวนพลังเวทย์มากกว่าโรแลนด์สามเท่าทําให้บอลเพลิงนั้นใหญ่ขึ้นเล็กน้อยกลายเป็นสองเมตรเท่านั้น
ทว่ามันเพียงพอแล้ว!
บอลเพลิงขนาดเส้นรอบวงสองเมตร ซึ่งสูงกว่าผู้เล่นเกือบทั้งหมด และดูรุนแรงเป็นอย่างมาก
ในตอนนั้นเองเพลงที่ขึ้นอยู่รอบๆบอลเพลิงก็กลายเป็นสีฟ้า อากาศโดยรอบของโรแลนด์บิดเบี้ยวเสียยิ่งกว่าเดิม ภายในระยะสิบเมตร หญ้านั้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและเริ่มเผาไหม้
ผู้เล่นโดยรอบต่างถอยออกห่าง ตอนนี้พวกเขาห่างจากโรแลนด์นับยี่สิบเมตรแล้ว
พวกเขาทั้งหมดต่างตกใจ
แชทภายในไลฟ์สตรีมต่างกระหน่ําเช่นกัน
“เชีย บรรยากาศนี้ เอฟเฟคพิเศษนี้ ใครกันบอกว่านักเวทย์เป็นขยะ”
“เพลิงสีฟ้าความร้อนกว่า 2000 ดีกรี นี่มันโอเวอร์คิล (พลิกโต๊ะ)”
“นักเวทย์นั้นเป็นขยะ แต่ปรมาจารย์นักเวทย์ไม่ใช่ นายต้องแยกระหว่างสองอาชีพนี้ให้ออก”
“ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าฉันจะฝึกฝนเพื่อเป็นนักเวทย์ เพื่อบรรยากาศแบบนี้มันคุ้มค่า!”
“ความเท่นั้นเป็นเรื่องที่จะติดตัวไปทั้งชีวิต”
“นายแน่ใจเหรอ? ไม่เคยเรียนคณิตศาสตร์ขั้นสูงในมหาวิทยาลัยรึไง?”
“เม้นบนนายตัดโอกาสฉันเร็วไปแล้วนะ”
ในระหว่างที่ชาวเน็ตงี่เง่าพวกนั้นกําลังเถียงกันผ่านไลฟ์สตรีมอย่าตื่นเต้น โรแลนด์ที่เกือบจะถึงขีดจํากัดในพลังจิตของเขาแล้ว ใช้พลังจิตเฮือกสุดท้ายของเพื่อยิงบอลเพลิงออกไป
มันเป็นการดีดออกที่แท้จริง ราวกับการดีดออกของพลังคลื่นแม่เหล็กเรลกัน
เสียงหวีดร้องดังขึ้นโลกและสวรรค์ดูเหมือนจะมืดลงในพริบตา บอลเพลิงนรกเปลี่ยนรูปร่างเป็นทรงรี จากนั้นพุ่งกลายเป็นแสงตรงเข้าไปทําลายกําแพงที่ออยู่เหนือประตูเมืองไป
ทว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นเนื่องจากบอลเพลิงนั้นบินออกไปรวดเร็วเกินไปที่พวกเขาจะสามารถมองเห็นได้ รูปทรงของบอลเพลิงนั้นยังคงเหมือนเดิม
และตอนที่บอลเพลิงชนเข้ากับกําแพงเมือง มันก็ระเบิดออกเป็นแสงที่สว่างจ้าแทบไม่ต่างจากระเบิดแฟลช ในเวลาเดียวกันเสียงก็ปะทุขึ้น เสียงดังของระเบิดดังขึ้นชัดเจนเข้ามาในหู
ทําใหแก้วดูแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ชาวเน็ตที่ดูไลฟ์สตรีมอยู่ต่างร้องออกมาว่าตาของพวกเขากําลังจะบอก ในขณะเดียวกันผู้เล่นที่อยู่ตรงนั้นแย่กว่าเยอะ ไม่เพียงแค่พวกเขามองไม่เห็นเท่านั้น หูของพวกเขายังบอกอีกด้วย ทุกคนต่างร้องออกมาอย่างโหยหวนเมื่อแสงและเสียงจู่โจมพวกเขาเข้ามาในเวลาเดียวกัน
ในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถได้ยิน หูของพวกเขานั้นพังไปเรียบร้อยแล้ว
มีผู้เล่นที่ฉลาดเล็กน้อยต่างปิดหูและยืนงงอยู่ที่เดิม ขณะที่บางคนกระโดดและกลิ้งไปรอบๆก่นด่าหรือพูดอะไรไร้สาระออกมา พวกเขานั้นไม่สามารถได้ยินด้วยซ้ําว่าพวกเขาก่นด่าอะไรกัน
สถานการณ์วุ่นวายเป็นอย่างมาก