หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 137
ตอนที่ 137 : ละครน้ําเน่า
จอห์นคนลูกนั้นคิดมาเสมอว่าบุตรทองคําไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา ทว่าบ่อยครั้งเขาคิดว่า เป็นเพียงเพราะทัศนคติไม่ตรงกัน
เขาไม่เคยคิดว่าพวกบุตรทองคําจะเป็นพวกเจ้าเล่ห์ขนาดนี้มาก่อน
มันก็จริงว่าพวกสามัญชนควรถูกดูแลและเอาใจใส่ให้มากกว่านี้อีกหน่อย ทว่ามันก็มีขีดจํากัดของมัน ถ้าหากสามัญชนถูกรังแกแล้วบุตรทองคําสังหารขุนนางที่เป็นคนทํามัน นั่นก็ดูเหมือนจะเกินไปหน่อย
โดยแต่เดิมแล้วเขาคิดว่าพวกบุตรทองคําใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อจัดการพวกเขา
ทว่าคําพูดของท่านพ่อก็ได้เปิดหน้าต่างบานใหม่ให้แก่เขา
บุตรทองคํานั้นเปรียบพวกเขาราวกับคนธรรมดา
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทําไมเขาถึงรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติเสมอ
มีเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากของเขา
เมื่อจอห์นคนพ่อเห็นท่าทางของลูกชาย เขาก็กล่าวออกมาว่า “สิ่งที่น่าประทับใจในการกระทําของบุตรทองคําในครั้งนี้นั้นคือการทําอย่างไร้ที่ติ พวกเขาอ้างตัวว่าเป็นกลุ่มต่อต้านดวงตาสีเทา และทําเสมือนว่าพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คนที่มีแผนการนี้น่าจะเป็นคนที่สามารถอ่านสถานการณ์ และรับรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องทําคือการเก็บตัวเงียบจนกว่าพวกเขาจะมีพลังพอที่จะโค่นอํานาจของเหล่าขุนนางได้ทั้งหมด”
“พวกเขาคงไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นจริงๆใช่ไหม?” จอห์นคนลูกรู้สึกว่านี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย
“อย่าดูถูกศัตรูและอย่าตราตรึงชัยชนะของเข้าไว้ที่ความโง่เขลาของพวกเขา” จอห์นคนพ่อยิ้มออกมา “เจ้าเชิญสี่คนนั้นมาที่ทว่ากลับไม่เป็นไปตามแผนใช่ไหม?”
จอห์นคนลูกพยักหน้าออกมา
“ถ้าอย่างนั้นจงเชิญพวกเขามาอีกครั้ง ภายใต้นามของข้า” จอห์นหัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าต้องการเห็นบุตรทองคําทั้งสี่ด้วยตาของข้าเองและต่องการรู้ว่าพวกเขานั้นอยู่ระดับไหน”
ณ หอคอยเวทย์ โรแลนด์ใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อสร้างหุ่นเวทย์สอดแนมและคิดจะทดลองมัน เมื่อเกมกลับมาเปิดอีกครั้ง
เขานั้นลุกขึ้นจากแคปซูลเสมือนจริงและเข้าไปยังฟอรั่มเหมือนอย่างเคยก่อนจะมุ่งหน้าไปสโมสรดาบ
เมื่อเขาลงจากจักรยานสาธารณะ เขาเห็นฉีเฉาชูเอนกายพิงประตูทางเข้าอยู่ ดวงตาปลาตายคู่นั้นเปิดออกมาครึ่งหนึ่งพร้อมคาบบุหรี่ในปาก ทําตัวราวกับผู้เชี่ยวชาญด้านความเหงา
“พี่ชายฉี มายืนอะไรอยู่ตรงนี้ไม่กินข้าวเช้าเหรอ?”
หลังจากพบกันกว่าสองเดือน โรแลนด์, ฉีเฉาชู และซีฉานั้นก็กลายเป็นคุ้นเคยกันมากขึ้น ฉีเฉาชูแก่กว่าโรแลนด์สามปีทั้งยังเป็นอาจารย์ของเขา โรแลนด์จึงเรียกเขาว่าพี่ชายฉี
ฉีเฉาชูชี้ไปยังสนามฝึกและกล่าวว่า “ดูเอาสิว่าใครมา”
เมื่อโรแลนด์มองไปทางนั้นเขาก็เห็นจินเหวินเหวินกําลังคุยอยู่กับซีฉา
ท่าทางของจินเหวินเหวินดูมีความสุข และเหมือนกําลังยิ้มออกมา ทว่าท่าทางของซีฉานั้นกลับเย็นชาและดูหงุดหงิด
“เธอมาทําอะไรที่นี่กัน?” โรแลนด์รู้สึกถึงปัญหา “ไม่ใช่ว่าพี่บอกเองเหรอว่าเธอไม่กล้ามาที่นี่?”
“ก็เธอกล้าขึ้นมา ฉันจะทําไงได้?” ฉีเฉาชูสะบัดแขน “ฉันเปิดธุรกิจจะให้ไล่คนออกโดยไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้”
“ถ้างั้นวันนี้ผมขอกลับบ้านก่อนก็แล้วกัน” โรแลนด์พูดขึ้นและกําลังหันหลังกลับไป
“เปล่าประโยชน์น่าถ้าเธอมาที่นี่เพื่อเจอนาย ถ้าเธอไม่ได้ตัวนายละก็เธอจะไม่มีวันจากไปหรอก วันนี้มารอ, วันพรุ่งนี้ก็มารอ…ต่อให้ฉันไม่ให้เธอเข้ามาเธอก็คงรออยู่หน้าประตูอยู่ดี” ฉีเฉาชูถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “เป็นไปได้เหรอที่นายจะไม่มาที่นราเลย? ทําไมนายไม่ไปเจอเธอ พูดกับเธอ แล้วปล่อยให้เธอยอมแพ้ไปเองละ”
โรแลนด์คิดเกี่ยวกับคําพูดนั้นและคิดว่านั่นน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว
ขณะที่ทั้งสองกําลังคุยกันอยู่ จินเหวินเหวินก็เห็นโรแลนด์และยิ้มออกมาอย่างยินดี
ในขณะเดียวกันเธอก็เดินเข้ามาหาเขา
“นายนี่เก่งที่จะซ่อนตัวจริงๆ” จินเหวินเหวินเดินเข้ามาหาโรแลนด์และพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงขั้นบังคับให้ฉันต้องมาที่นี่จนได้”
โรแลนด์กําลังจะพูด
“พูดก็พูดเถอะนะถ้าที่นี่ไม่ถูกสุขอนามัยนัก เธอก็ไม่ต้องมาก็ได้ถ้าเธอไม่ชอบใจ” ฉีเฉาชูพูดออกมาอย่างสุขุมและถือบุหรี่และเปาควันออกมา
จินเหวินเหวินหันหน้าไปหาเขาพร้อมขมวดคิ้ว “ดูนายสิ สามปีแต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ฉันกําลังคุยกับคนอื่นอยู่ทําไมต้องมาขัดด้วย?”
“ฉันมีชีวิตที่ดีอยู่แล้วทําไมต้องเปลี่ยนด้วยละ?” ฉีเฉาขู่ยิ้มเยาะออกมา “ที่นี่เป็นที่ของฉัน โรแลนด์เองก็เป็นนักเรียนของฉัน ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องเขาจากผู้หญิงที่มากปัญหา”
“โอ้ ตอนนี้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบแล้วเหรอ ทําไมตอนเมื่อก่อนถึงไม่มีมันสักหน่อยล่ะ?”
“มันไม่ใช่ลูกของฉัน ทําไมฉันต้องอยากเลี้ยงดูมันด้วย!” ฉีเฉาขู่ยิ้มออกมา
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ โรแลนด์ก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ มีข้อมูลมากมายในคําพูดของฉีเฉาชูและนั้นเริ่มจินตนาการไปถึงละครน้ําเน่าตอนแปดโมงเช้า
“ไอ้ชั่ว” จินเหวินเหวินตะโกนออกมา “ถ้านายไม่อยากจะรับผิดชอบก็แค่พูดออกมาอย่าใช้เด็กเป็นข้ออ้าง”
“ตรวจสอบ DNA ถึงสามครั้ง และผลก็ออกมาทั้งสามครั้งว่าไม่ใช่ลูกของฉัน”
จินเหวินเหวินหันหน้าที่ดูหม่นหมองของเธอและจ้องมองไปยังฉีเฉาชูอย่างดุร้าย จากนั้นเธอก็หันกลับมามองโรแลนด์ “ไปกับฉันหน่อย ฉันมีบางอย่างที่ต้องการพูดกับนาย”
ขณะที่โรแลนด์กําลังจะอ้าปากพูดอีกครั้ง
ตอนนั้นเองซีฉาซึ่งเดินเข้ามาก็พูดขึ้นว่า “โรแลนด์ไปกินอาหารเช้ากัน”
จินเหวินเหวินหันหน้าไปมองซีฉา “พวกเธอสองพี่น้องร่วมมือกันเพื่อรังแกฉันรึไง?”
ซีฉาหันไปมองเธออย่างเย็นชา “ถ้าหากคุณมีธุระก็รอจนกว่าโรแลนด์จะกินอาหารเช้าเสร็จก่อน ปัญหาโรคกะเพราะจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายมาก หากอดอาหารเช้านานเกินไป”
เมื่อมีเหตุผลรองรับ ทําให้จินเหวินเหวินหงุดหงิดยิ่งขึ้นเธอมองไปยังซีฉาด้วยความรําคาญ
ทว่าซีฉานั้นไม่สนใจเธอและหันไปมองโรแลนด์ น้ําเสียงของเธอดูเหมือนคําสั่งอยู่กรายๆ “นายรออะไรอยู่ละ ไปเร็วไปกินอาหารเช้ากันก่อนที่มันจะเย็นกัน”
โรแลนด์ยิ้มออกมา “เอาสิ”
จากนั้นเขาก็ตามซีฉาไปเพื่อกินอาหารเช้า
จินเหวินเหวินถอยหลังกลับไปพร้อมมองซีฉาด้วยแววตาดุร้าย
โรแลนด์นั่งอยู่ภายในครัวและกินอาหารเช้าของเขาขณะมองไปยังสองคนที่อยู่ด้านนอกผ่านทางหน้าต่าง
จินเหวินเหวินมองไปที่ฉีเฉาชู
และฉีเฉาชูกําลังพิงประตู พร้อมสูบบุหรี่ราคาถูก และปล่อยควันออกมา โดยไม่สนใจจินเหวินเหวิน เขาดูทั้งผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ
โรแลนด์นั้นค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งคู่
ซีฉาที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับโรแลนด์มองเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “พี่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจินเหวินเหวินมาก่อน เมื่อสามปีที่แล้วตอนที่พวกเขากําลังคุยเรื่องแต่งงานกัน จินเหวินเหวินก็ตั้งท้องและพี่ชายก็มีความสุขมาก ทว่าเพื่อของเขามาบอกว่าเขาเห็นจินเหวินเหวินโรงแรมกับผู้ชายอยู่บ่อยครั้งและบอกให้พี่ลองคิดทบทวนดูอีกที เขาและเพื่อนคนนั้นมีความสัมพันธ์ชนิดที่ว่าตัดกันไม่ขาด ดังนั้นเขาไม่น่าจะพูดเรื่องไร้สาระออกมา พี่ชายเลยพาจินเหวินเหวินไปตรวจ DNA ตอนแรกจินเหวินเหวินนั้นไม่ยอมและต่อว่าว่าพี่ไม่เชื่อใจเธอ แต่เขาก็ยังดื้อดึงที่จะทําหลังจากการตรวจสามครั้ง ผลตรวจก็ถูกส่งมาว่าไม่ใช่ลูกของพี่”
“จากนั้นพวกเขาก็เลิกกันและจินเหวินเหวินก็แท้งลูก”
ซีฉาพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมา ทว่าในความคิดของโรแลนด์นั้นกําลังฉายหนังดราม่าเรื่องยาวอยู่
ไม่แปลกใจเลยว่าฉีเฉาชูถึงมีท่าทีไร้ชีวิตชีวาแบบนั้นหลังจากผ่านเรื่องราวพวกนี้มา
“ดังนั้นเธอเลยเกลียดฉินเหวินเหวินมากสินะ?”
“เธอเป็นปีศาจของพี่” ซีฉาแสดงท่าที่โกรธแค้นที่ยากจะเห็น “ตั้งแต่เรื่องราวตอนนั้น เพลงดาบของพี่ก็ไม่เคยพัฒนาอีกเลย”