หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 140
ตอนที่ 140 : แกล้งโง่
คนเราสามารถหากินด้วยความหล่อได้หรือไม่?
แน่นอนว่าได้! โรแลนด์มีตัวอย่างที่แสนชัดเจนอยู่ใกล้กับตัวเขา ตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ชัคนั้นสอนให้เขารู้ถึงหลายสิ่งเมื่อผู้ชายหล่อเพียงพอ แค่เรื่องการได้รับการดูแลเป็นพิเศษเมื่อเจอกันก็กินขาดแล้ว
สําหรับการทําเรื่องผิดพลาด น้อยครั้งนักที่ชักจะโดนลงโทษ เมื่อเขาทําสิ่งดีๆเขาจะถูกเชิดชูนมาและสําหรับผู้หญิง…สําหรับชัคในเรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาพอสมควร การออกไปเดทกับผู้หญิงและผู้หญิงเหล่านั้นจะคอยจ่ายทุกสิ่งให้ กระทั่งตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว แต่เขานั้นไม่ต้องทํางานด้วยซ้ําตราบใดที่เขา “ทําการบ้าน” ในทุกเย็น
โรแลนด์เคยอิจฉาและสงสัยมาก่อนว่าทําไมเขาไม่เกิดมาเป็นคนหล่อ
จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่ามีคนบนโลกนี้ไม่มากนักที่จะได้รับพรมาเหมือนกับชัค และ ขนาดตอนที่อยู่ในเกมชิคยังมีแรงดึงดูดจนเหนือชั้นกว่ามนุษย์ธรรมดาไปแล้ว
ถ้าหากตอนนี้มีโอกาสที่จะได้เป็นหนุ่มหล่ออยู่ตรงหน้า เขาจะคว้ามันไว้ไหม?
แน่นอนเขาจะคว้ามันมาอยู่แล้ว….คนที่สามารถอยู่เฉยๆแล้วมีกินมีใช้นั้นน่าอิจฉาจะตาย
ถึงแม้ว่าเขาจะกลายเป็นหนุ่มหล่อ แต่เขาก็คงเทียบชั้นกับชคไม่ได้อยู่ดี ไม่มีใครไม่ยินดีหรอกหากสวยหรือหล่อขึ้น
นอกจากนี้ยิ่งไม่ต้องผ่านการผ่าตัดปรับเปลี่ยนใบหน้าแล้วด้วย
โรแลนด์เปิดไฟภายในห้องของเขา และเริ่มนั่งขัดสมาธิ ปิดตาทั้งสองข้างและดําดิ่งเข้าสู่สมาธิ
อย่างไรก็ตาม ภายในบันทึกสิ่งพื้นฐานที่จําเป็นต่อการเรียนรู้นั่นคือการสงบจิต
แสงลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา และหลังจากนั้นสิบนาที โรแลนด์ลืมตาขึ้น เขามีสีหน้าทิ้งตึงจากนั้นก็เริ่มใช้มือทั้งสองข้างจับขาของเขาให้เหยียดตรง
เท้าของเขาปวด ปวดจนแทบจะขยับไม่ได้
เขาตีไปที่ขาของตัวเองอย่างรุนแรงเพื่อบรรเทาอาการ ในขณะที่มีสีหน้าทิ้งตึงด้วยความหงุดหงิด
สําหรับคนที่ไม่เคยนั่งขัดสมาธิมาก่อน ท่านี้ทําให้เลือดไหลเวียนไปที่ขาได้แย่มาก
เขาพักอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งขาของเขาไม่ปวดแล้ว เขาเริ่มปิดตาและทําสมาธิอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้สั้นกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก
เขาตีไปที่ขาของเขาอีกครั้งพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น
จากนั้นเขาก็ลุกออกจากเตียงและเดินไปโดยรอบ
เมื่อขาของเขาหายปวดแล้ว เขานั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์และเปิดเว็บไซค์เพื่ออหาข้อมูลเกี่ยวกับการทําสมาธิโดยไม่ต้องปวดเท้า
คําตอบส่วนใหญ่มักจะคล้ายคลึงกันคือ…แค่ทําซ้ําไปเรื่อยๆจนหาย
หลักจากค้นหาผ่านฟอรั่มพักหนึ่ง โรแลนด์ก็เข้าเกมเหมือนกับทุกวัน
ทุกครั้งที่โรแลนด์เข้ามาภายในเกมเขาก็สัมผัสได้ถึงองค์ประกอบเวทย์ในอากาศซึ่งทําให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก
และตอนนี้เขาพยายามจะทดลองมันในโลกจริง
ในโลกจริงนั้นทําให้เขารู้สึกว่างเปล่าและไม่สบายใจเล็กน้อย
เขาไปยังห้องทดลองเวทย์และเริ่มศึกษาเวทย์หุ่นเชิดรูปแบบพัฒนาต่อ
ไม่นานนักวิเวียนก็เข้ามา เธอวางจดหมายเชิญไว้ตรงหน้าโรแลนด์พร้อมกล่าวว่า “ท่านจอห์นส่งนี้มาให้ท่านค่ะ”
โรแลนด์มองไปยังจดหมายเชิญและเริ่มอ่านมัน มันมีเนื้อหาว่าต้องการชวนโรแลนด์และบุตรทองคําที่เหลืออีกสามคนไปยังงานเลี้ยงภายในปราสาทอีกครั้งและมันยังเป็นความลับเหมือนครั้งก่อนทว่าครั้งนี้จะมีจอห์นคนพ่อเข้าร่วมด้วย
ฮี ในที่สุดก็เคลื่อนไหวสินะ?
จอห์นคนพ่อนั้นดูเหมือนยังไม่ได้สนใจที่เหล่าผู้เล่นนักตอนที่เขาพึ่งกลับมาถึง ทว่าตอนนี้ราวกับว่าเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
มันเป็นเรื่องดีที่จะได้เจออีกฝ่าย โรแลนด์นั้นต้องการรู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง!
ในตอนเย็น โรแลนด์และคนอื่นๆมายังงานเลี้ยงภายในปราสาท
คนที่มาต้อนรับพวกเขานั้นยังคงเป็นจอห์นคนลูก
หลังจากไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง จอห์นยังคงหล่อเหลาเหมือนเช่นเคย เมื่อเขาเห็นโรแลนด์เขาก็ทักทายพร้อมกล่าวว่า “ในที่สุดพวกเจ้าทั้งสี่ก็มาถึง ข้ารอเจ้ามานานแล้ว โปรดตามข้ามา”
เขาอาสาพาโรแลนด์และพรรคพวกเข้าไปยังลานจัดงานเลี้ยงของปราสาทด้วยตัวของเขาเอง
เทียนเล่นหนาจํานวนมากถูกวางไว้เพื่อต้อนรับแขกสี่ทั้งสี่คน เทียนพวกนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์เวทย์ซึ่งทําให้มันอยู่ได้ยาวนานและสว่างมากกว่าปกติทั้งยังไม่ทิ้งกลิ่นและควันดําไว้ มันเป็นของที่หรูหราและมีราคาแพงเป็นอย่างมาก ตระกูลขุนนางเล็กๆเองยังไม่กล้าใช้มันด้วยซ้ํา
แม้ว่ามันจะเป็นของที่สามารถหาซื้อได้ แต่การใช้ของล้ําค่าเช่นนี้โดยไม่สอดคล้องกับสถานะของตนอาจจะทําให้ขุนนางคนอื่นเยาะเย้ยออกมาได้ว่าไม่รู้ที่ของตัวเอง
มันเป็นกฎที่ไม่มีใครพูดออกมา
โรแลนด์และพรรคพวกไม่ได้สังเกตุถึงสิ่งนี้ ตอนที่พวกเขาเข้ามาพวกเขาแค่คิดว่าเทียนดูสว่างกว่าปกติเท่านั้น สว่างจนเทียบได้กับหลอดไฟ LED
พวกเขาแค่มองดูและละสายตาไปจากมันไปทันที
ท่าทีของพวกเขาถูกสังเกตุโดยจอห์น
จอห์นคนพ่อนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะเป็นเจ้าภาพ และเมื่อเขาเห็นโรแลนด์และพรรคพวกเขาไม่ได้ลุก ขึ้นยืนแต่อย่างใด เขาทําเพียงยกแก้วขึ้นและพูดว่า “ในที่สุดพวกเจ้าทั้งสี่ก็มาถึง”
เมื่อแขกมาถึงเจ้าภาพไม่ลุกขึ้นยืนต้อนรับ มันเป็นการบ่งบอกว่าผู้มาเยือนนั้นไม่มีค่าพอให้เขาลุกขึ้นยืนต้อนรับ
นี่เป็นกิริยาที่ไม่สุภาพนัก
ถึงแม้ว่าโรแลนด์และพรรคพวกจะไม่เข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ของการกระทํานี้แต่มัน “ดูไร้มารยาท” ในเรื่องที่ทั้งสองโลกทํากัน ดังนั้นโรแลนด์และคนอื่นๆจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่พวกเขาก็เลือกจะไปยังที่นั่งของพวกเขาและนั่งลง
การแสดงออกเช่นนี้ก็ถือว่าไม่ดีนัก พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นพวกปาเถื่อนที่นั่งลงโดยเจ้าภาพไม่ได้กล่าวให้นั่งลงก่อน มันเป็นการดูถูกเจ้าภาพเป็นอย่างมาก แต่ก็มีข้อแม้สําหรับผู้ที่สนิทกันมากๆ
มันมีความหมายเหมือนกันในทั้งสองโลก จอห์นทั้งสองคนต่างตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นพวกเขานั่งลง
ทั้งพ่อและลูกต่างเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ใบหน้าของพวกเขายังคงไปด้วยความสุภาพและรอยยิ้มที่อ่อนโยน
เมื่อพวกเขานั่งลง โรแลนด์ก็มองไปยังจอห์นคนพ่อ
จอห์นคนพ่อนั้นดูคล้ายกับคนลูกมาก ทว่ากลับดูสุขุมและแข็งแกร่งกว่า
โรแลนด์มองไปยังฝั่งตรงข้ามพักหนึ่งและยิ้มออกมา “ท่านนายกเชิญพวกเรามาที่นี่ แต่กลับแค่นั่งลงและจ้องมองพวกเราโดยไม่พูดอะไรออกมา เพื่ออะไรกัน?”
“ข้าแค่สงสัยว่าข้าควรเริ่มพูดกับเจ้ายังไงดี” จอห์นคนพ่อหัวเราะออกมาเสียงดัง เขา มองไปยังทั้งสามคนก่อนจะกลับมาจ้องหน้าโรแลนด์ “อย่างไรก็ตามสิ่งที่ข้าจะพูดนั้นมันจะดูรุนแรงนิดหน่อย”
“ถ้าหากมันรุนแรงถ้าอย่างนั้นโปรดอย่าพูดมันออกมาเลย ท่านนายก” โรแลนด์โบกมือปฏิเสธ “มันไม่ใช่แค่ทําลายความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสองเท่านั้น ทว่าพวกเรานั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับลูกของคุณ ถ้าเราเกิดขัดแย้งกับคุณขึ้นมา จอห์นจะรู้สึกลําบากใจที่เป็นคนกลางฝั่งหนึ่งก็เพื่อนสนิทฝั่งหนึ่งก็สายเลือด มันทําให้เขาต้องเจ็บปวด
เมื่อได้ยินโรแลนด์พูด จอห์นคนลูกก็ทําหน้าตาน่ารังเกียจนราวกับกินแมลงวันเข้าไป
เขาไม่นึกเลยว่าโรแลนด์จะไร้ยางอายถึงเพียงนี้
ไร้ยางอายอย่างมากถึงกล้าพูดอะไรอย่างนั้นออกมาได้
จอห์นคนพ่อยิ้มอย่างปกติ เขามีประสบการณ์และความรู้มากพอสมควร เขาเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
เขาหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามต่อให้มันเป็นคําพูดที่ดูรุนแรงและบังคับกันและต่อให้พวกเราต้องขัดแย้งกัน ข้าก็จําเป็นต้องพูดมันเป็นเรื่องสําคัญ”
โรแลนด์ถอนหายใจออกมา “ในเมื่อคุณว่าอย่างงั้น โปรดพูดออกมาเถอะ”
“เรามาสนทนาระหว่างทานกันไปด้วยไหม?”
“ไม่ละ มาจัดการธุระของเราให้เสร็จก่อนดีกว่า” โรแลนด์โบกมือของเขาและพูดว่า “ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะกินจนกว่าจะได้ยินเรื่องหลักที่เราจะสนทนากัน”
ในขณะเดียวกัน ฮอร์ก, ลิงค์ และเจ็ท พวกเขานั้นจ้องมองไปที่อาหารอย่างหิวโหย เมื่อได้ยินสิ่งที่โรแลนด์พูด พวกเขาก็ยิ้มและพยายามข่มความกระหายของตัวเองลง