หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 164
ตอนที่ 164 : โต้กลับ
“ดรูอิดผู้พิทักษ์?” โรแลนด์ถามออกมาด้วยความสับสน
เขารู้ตัวแล้วว่าเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลกนี้นัก วิเวียนก็อธิบายให้เขาฟังอย่างระมัดระวัง
และกลายเป็นว่าดรูอิดนั้นเป็นคลาสพิเศษของเหล่าเอลฟ์ พวกมันมีจํานวนประชากรที่สูงและชื่นชอบสังคมชั้นสูง ทว่าเพราะความคิดที่แตกต่างกันทําให้พวกเขาแยกกันเป็นสองกลุ่มคือ ผู้ดูแลสมดุลและผู้พิทักษ์
ผู้ดูแลสมดุลนั้นจะมีหน้าที่ในการสร้างสมดุลของป่าเอลฟ์ พวกเขาฆ่าเหล่าหมาป่าเมื่อพวกมันมีมากเกินไป และฆ่าเหล่ากระต่ายเมื่อพวกมันมีจํานวนมากเกินไป พวกเขานั้นไม่สนใจโลกภายนอก ทว่าเมื่อเหล่ามนุษย์กล้าย่างเท้าเข้ามาในป่า พวกเขาจะกลายเป็นฝันร้ายและไล่ตามล่าผู้บุกรุก พวกเขาไม่สนใจเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่ออกจากป่าไปเพราะเชื่อว่าพวกเขาสมควรได้รับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาจะไม่กลายเป็นทาสของมนุษย์หากไปออกจากป่าตั้งแต่แรก
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความสงสารต่อเหล่าทาสเอลฟ์เลยแม้แต่น้อย
ทว่าเหล่าผู้พิทักษ์นั้นต่างกัน
เหล่าผู้พิทักษ์เชื่อว่าเอลฟ์เป็นส่วนหนึ่งของป่า และเอลฟ์ที่ออกเดินทางก็เหมือนกับเมล็ดแดนดิไลออนที่ล่องลอยไปตามสายลม พวกเขาเชื่อว่าหน้าที่ของพวกเขาคือการปกป้องเอลฟ์ทั้งหมด เมื่อใดที่พวกเขาได้ยินว่ามีเอลฟ์ถูกจับไปเป็นทาส พวกเขาจะเคลื่อนไหวและเข้าไปช่วยเหลือทันทีพร้อมทั้งฆ่าเหล่าพ่อค้าทาสรวมถึงพวกผู้ที่ต้องการซื้อทั้งหลาย
ถ้าหากไม่มีใครซื้อทาส ก็จะไม่มีใครต้องบาดเจ็บ พวกเขาเชื่อกันว่าผู้ซื้อนั้นเลวร้ายกว่าผู้ขายเสียอีก
ดังนั้นเกือบตลอดเวลาเหล่าขุนนางจะเก็บทาสเอลฟ์ไว้ในที่ลับเพื่อไม่ให้ถูกจับได้
เมื่อได้ยินคําพูดของวิเวียน ทาสเอลฟ์สาวก็หัวเราะอย่างภาคภูมิ
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทําไมอัลโด้ถึงพาเธอมาไว้ที่นี่” โรแลนด์ถอนหายใจ “พวกดรูอิดผู้พิทักษ์นั้นเก่งกาจไหม?”
วิเวียนพยักหน้า “มันไม่ใช่ว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่ง ทั้งผู้ควบคุมสมดุลและผู้พิทักษ์ต่างมีความสามารถทางเวทย์ที่เหมือนกัน พวกเขาแตกต่างกันที่อุดมการณ์เท่านั้น สิ่งที่ยุ่งยากจริงๆคือดรูอิดนั้นสามารถแปลงร่างได้ พวกมันสามารถแปลร่างเป็นหมาป่า, ช้าง, มังกร และมนุษย์ได้อย่างง่ายดาบ ดังนั้นท่านพอจะเดาออกใช่ไหมว่ามีดรูอิดผู้พิทักษ์แฝงตัวอยู่ในหมู่มนุษย์มากขนาดไหน”
เอลฟ์ที่เป็นมนุษย์…โรแลนด์ไม่คิดว่ามันแปลก หากดรูอิดสามารถแปลงเป็นหมาป่าหรือเสือดาวได้ ดังนั้นการแปลงเป็นมนุษย์นั้นน่าจะง่ายกว่ามากแค่ทําหูให้สั้นลงและเปลี่ยนสีตาเท่านั้น
โรแลนด์เข้าใจสิ่งที่วิเวียนต้องการจะสื่อ
ดรูอิดในเหล่าเอลฟ์นั้นถือว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทว่าที่สําคัญที่สุดคือพวกเขาคาดเดาได้ยาก
เมื่อมีจดหมายส่งไปถึงใครสักคนว่ามีทาสเอลฟ์ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาอาจจะถูกสังหารโดยเหล่าดรูอิดผู้พิทักษ์ในทันที
นั่นหมายความว่าเมื่อดรูอิดผู้พิทักษ์ปรากฎกายขึ้น เจ้าของทาสนั้นก็จะตายลงในทันที
“ฉันไม่กลัวพวกดรูอิดนั่นหรอก เพราะถึงอย่างไรบุตรทองคําก็ไม่สามารถตายได้”
เอลฟ์สาวมองไปที่โรแลนด์ด้วยความตกตะลึง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน เธอคิดว่าชายคนนี้น่าจะโกหก
มันจะมีจริงๆงั้นเหรอมนุษย์ที่ไม่มีวันถูกฆ่าตาย? เธอไม่เชื่อว่าโลกจะเปลี่ยนไปขนาดนั้น หลังจากที่เธอถูกขังไว้ในกรงเพียงไม่กี่เดือน
วิเวียนเองก็จําตัวตนของเขาได้แล้วเช่นกัน เธอกังวลและเป็นห่วงโรแลนด์มากเกินไปจนลืมตัวตัวที่แท้จริงของเขา
โรแลนด์มองไปยังทาสสาว “ช่างเถอะ ฉันเป็นพวกไม่ชอบมีปัญหา คุณผู้หญิงทําตามที่พวกเราตกลงกันไว้เถอะ ฉันจะปล่อยเธอไปตราบใดที่เธอเขียนแบบจําลองเวทย์ของเอลฟ์ให้กับฉันสามบท”
วิเวียนมองไปที่โรแลนด์ทั้งแปลกใจและดีใจ แม้ว่าเธอจะมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยในบางแง่มุม แต่เอลฟ์ก็มีเสน่ห์มากกว่าเธอในด้านรูปลักษณ์ ความสูงและออร่า ร่างกายที่ผอมเพรียว แต่น่าหลงใหลของเอลฟ์ก็ทําให้เธอรู้สึกหลงไหลแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงก็ตาม
ทว่าโรแลนด์กลับไม่สนใจเสน่ห์ของเอลฟ์เลยแม้แต่น้อยและปล่อยให้เธอไปโดยง่าย นั่นหมายความว่า…วิเวียนอดไม่ได้ที่จะมีความคิดมากมายเข้ามาในหัว
เอลฟ์มองไปที่โรแลนด์ด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าโรแลนด์ก็มองกลับไปที่เธอพร้อมกับรอยยิ้ม
ดูเหมือนท่าทางของโรแลนด์จะช่วยลดความระมัดระวังตัวของเอลฟ์สาวลงไปได้ เธอพูดขึ้นว่า “เจ้ามีเกรียติ พอจะรักษาสัญญาไหม?”
“ไม่ เธอต่างหากที่ต้องรักษาสัญญา” โรแลนด์พยักหน้าให้กับวิเวียน
วิเวียนเดินขึ้นไปด้านหน้า เอลฟ์สาวถอยหลังไปทันที ใบหน้าของเธอกลับมาเป็นไม่ยินยอมอีกครั้ง
วิเวียนโบกกุญแจทองแดงในมือของเธอ
เอลฟ์สาวเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการในทันที เธอจับไปที่คอของเธอซึ่งมีปลอกคอเวทย์เวทย์ซึ่งกดทับพลังเวทย์ของเธอไว้อยู่
“ฉันจะมอบอิสระให้เธอตั้งแต่ตอนนี้ ดังนั้นเธอต่างหากที่ต้องเป็นคนรักษาคําพูด”
เอลฟ์สาวสูดลมหายใจเข้าลึก “เจ้าเป็นมนุษย์ที่มีเอกลักษณ์มาก”
โรแลนด์ก็ตอบกลับราวกับพวกหลงตัวเอง “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
วิเวียนเดินไปข้างหน้าพร้อมขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เอลฟ์สาวไม่ได้เดินถอยอีกต่อไป
วิเวียนปลดล็อคปลอกคอของเธอด้วยกุญแจ และโรแลนด์ก็หยิบปลอคอเวทย์ขึ้นมาด้วยแขนเวทย์และน้ํามันใส่ไว้ในกระเป๋ามิติของเขา
เธอรู้สึกได้ว่าพลังเวทย์ที่กดทับพลังเวทย์ของเธอไว้นั้นเริ่มหายไปและพลังเวทย์ของเธอกําลังเริ่มฟื้นฟูเอลฟ์สาวมองไปที่โรแลนด์ด้วยตากลมโตสีเขียว “มนุษย์ข้าชื่อเซอเรีย ข้าจะไม่แนะนํานามสกุลของข้าเพราะข้ากลัวว่าจะทําให้ตระกูลต้องอับอายแล้ว…เจ้าล่ะชื่ออะไรกัน?”
“โรแลนด์”
“ข้าต้องการน้ําและอาหาร และสถานที่ที่ปลอดภัย และอีกอย่างข้าต้องการเตียงขนาดใหญ่ที่ข้าจะสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ”
โรแลนด์มองไปที่เธอ “จริงๆที่นี่ก็ปลอดภัยนะ หากเธอไม่กลัวที่มีด เธอจะอยู่ที่ก็ได้แล้วเดี๋ยวพวกเราจะนําน้ําและอาหารมาให้”
“พอกันที่กับที่มีดๆข้าหายใจแทบไม่ออกเพราะความอึดอัดที่นี่” เธอพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง
วิเวียนยิ้ม “หากเจ้าเชื่อใจข้า ข้าสามารถจัดที่พักให้เจ้าได้ในอีกวันสองวัน คฤหาสน์ของท่านโรแลนด์ ในตอนนี้ยังว่างอยู่ เอลฟ์หลายสิบคนสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ ถ้าหากพวกเขาไม่สร้างปัญหาละก็นะ”
“นักเวทย์ฝึกหัดงั้นเหรอ” เซอเรียมองไปที่วิเวียนและถามโรแลนด์อย่างหยอกล้อ “เจ้านั้นอ่อนแอ เจ้าไม่กลัวเหรอว่าข้าจะหนีไปหลังจากพลังเวทย์ของข้าฟื้นคืนมาจนหมด?”
โรแลนด์หัวเราะและพูดอย่างมั่นใจ “นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมเธอถึงต้องเป็นคนรักษาสัญญาระหว่างพวกเรา เอลฟ์นั้นเป็นตัวแทนของความใจดี, ความยุติธรรม, ความจงรักภักดี และความแน่วแน่ ขอโอกาสให้ฉันได้เห็นความดีของเธอหน่อยละกัน”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของโรแลนด์เซอเรียก็เดาะลิ้นและพูดว่า “มนุษย์ที่เจ้าเล่ห์เหมือนกันหมดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่จับตัวข้ามาหรือคนที่ปล่อยตัวข้าก็ล้วนแล้วแต่เจ้าเล่ห์กันทั้งนั้น”