หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 170
ตอนที่ 170 : ข้าไม่ได้โง่
โรแลนด์รู้ทันทีว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร
พูดกันตามตรงโรแลนด์รู้สึกพูดไม่ออกกับการหยอกล้อของผู้พัฒนาเกม ในตอนแรกโรแลนด์คิดว่ามันน่าจะเป็นแค่รูปปั้นธรรมดาๆ แต่มันกลับกลายเป็นรูปปั้นที่น่าขันและมีถ้วยร้าวๆอยู่
สําหรับผู้เล่นการที่ไม่สามารถทําลายสิ่งของภายในได้นั้นถือเป็นเรื่องปกติ
ทว่าสําหรับเหล่า NPC ภายในเกมนั้นมันเป็นเรื่องประหลาด
ในสายตาของพวกเขามีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายมันได้
มันคือปาฏิหารย์
ในความจริงรูปปั้นของโรแลนด์นั้นได้ค้นพบตั้งแต่สามวันแรกหลังจากที่มันถูกสร้างขึ้นแล้ว เพราะชามที่อยู่ใกล้กับรูปปั้นนั้นเหมือนกับทองจริงๆ
ในตอนแรกคนจํานวนมากต้องการจะหยิบชามไปเท่านั้น ทว่าพวกเขาไม่สามารถขยับมันได้แม้แต่น้อยแม้จะพยายามขนาดไหนก็ตาม
พวกเขาพยายามขุดลงไปในดินรอบๆ รูปปั้นและพบว่าดินภายในสิบเมตรของรูปปั้นจะได้รับการฟื้นฟูอยู่เสมอแม้ว่าจะโดนโจมตีจากเวทมนตร์ก็ตาม
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเหล่าขุนนางและผู้ใช้เวทย์ไปเป็นจํานวนมาก พวกเขาอ่านหนังสือและค้นหาบทความมากมายทว่าก็ไม่พบตํานานของชายที่เป็นต้นแบบของรูปปั้นเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดพวกเขาก็พบบุตรทองคําที่โยนเหรียญทองไปที่ชามใกล้กับรูปปั้นและเหรียญทองก็หายไปพร้อมกับแสงระยิบระยับ
จากนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ว่ารูปปั้นนี้ต้องมีวิธีใช้บางอย่าง
ดังนั้นพวกเขาเลยเข้าไปหาบุตรทองคําพวกนั้นและล้วงข้อมูลจากเขาด้วยอาหารและผู้หญิง
ตราบใดที่ใครคนใดคนหนึ่งโยนเหรียญทองลงในชามพวกเขาจะได้รับความสามารถพิเศษการฟื้นฟูพลังเวทย์ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นและพวกเขาจะได้รับความต้านทานทางจิตเพิ่มมากขึ้น
ในตอนแรกเหล่าขุนนางไม่เชื่อ แต่เนื่องจากขุนนางหลายคนไม่มีอะไรทําและพวกเขาเองก็เป็นผู้ใช้เวทย์เช่นกันพวกเขาเลยลองโยนเหรียญดูเพื่อทดสอบ
จากนั้น…พวกเขาได้รับความสามารถนั้นมาจริงๆ การฟื้นฟูพลังเวทย์ของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น สําหรับความต้านทานทางจิตใจ พวกเขายังไม่มีโอกาสได้ทดสอบ
ขุนนางทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้สึกตื่นเต้นและเริ่มโยนเหรียญทองของพวกเขาลงในชาม
แต่ในที่สุดพวกเขาก็พบว่า มีเพียงผู้ใช้เวทย์เท่านั้นที่สามารถได้รับความสามารถเหล่านี้ได้
จากนั้นนําโดยสมาคมนักเวทย์ เหล่าขุนนางตั้งอาณาเขตและวางสิ่งกีดขวางไว้ใกล้กับรูปปั้นและมีเพียงผู้ที่ได้รับอนุมัติจากพวกเขาเท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้มันได้
พวกเราเรียกรูปปั้นนี้ว่าของขวัญจากเทพธิดาแห่งเวทมนตร์
บาร์ดบอกโรแลนด์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง
โรแลนด์นั้นค่อนข้างประหลาดใจ นั่นเป็นคําอธิบายชั้นดีว่าทําไมตอนแรกเหรียญทองของเขานั้นถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะค่อยๆช้าลงในภายหลัง
“เจ้าร้อะไรบางอย่างใช่ไหม” บาร์ดสังเกตใบหน้าของโรแลนด์และเห็นเขามีท่าทีแปลกๆ เขาร์ได้ทันทีว่าโรแลนด์จะต้องรู้บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่”
โรแลนด์ส่ายหน้าออกมา “ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี”
บาร์ดเลิกคิ้วของเขาขึ้น เขาสามารถบอกได้ว่าจริงๆแล้วโรแลนด์ไม่ต้องการจะพูดถึงมัน
เขาครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “เรามาคุยเรื่องอื่นกันเถอะ ตอนนี้บุตรทองคําจํานวนมากต่างรวมตัวกันอยู่ที่นี่เจ้าจะใช้ที่นี่เป็นฐานทัพของเจ้าใช่หรือไม่?”
โรแลนด์ตกตะลึง “อะไรทําให้นายคิดอย่างนั้น?”
“ทําไมจะไม่คิดแบบนั้นกันล่ะ” บาร์ดถอนหายใจ “แล้วตระกูลจอห์นจะเป็นยังไงต่อไป?”
“คงไม่มีอะไรหรอก” โรแลนด์ส่ายหน้าออกมา “พวกเขายังคงเป็นเจ้าเมืองของเมืองที่ ทว่าอํานาจการสั่งการของพวกเขาคงไม่มีทางไปถึงคนระดับต่ําได้”
ระดับต่ําที่สุด? บาร์ดคิดว่ามันเป็นสํานวนที่ค่อนข้างน่าสนใจ
เพราะความสามารถทางภาษา ทําให้สํานวนถูกแปลออกมาให้เขาสามารถเข้าใจได้
บาร์ดแอบจําสํานวนนี้ไว้ เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะศึกษาบุตรทองคําและจะไม่พลาดแม้กระทั่งภาษาถิ่นของพวกเขา เขาจึงพูดว่า “ไม่ว่ากรณีใดๆ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทําร้ายตระกูลของจอห์นอีกต่อไป สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างดีแล้ว พวกเขามีโอกาสที่จะฟื้นอํานาจของพวกเขาและเจ้ายังสามารถเรียกร้องผลประโยชน์ได้ต่อไปหากเจ้าก้าวไปอีกขั้นสมดุลจะพังทลายลง”
โรแลนด์พยักหน้าออกมา
พวกเขาพูดคุยกันต่ออีกสักพัก ก่อนที่บาร์ดจะออกจากคฤหาสน์ไป
เขาขึ้นรถม้าพร้อมไปยังคฤหาสน์ของจอห์น
ประตูของปราสาทกําลังซ่อมแซมและตัวปราสาทก็มืดหม่น มีทหารยามและคนรับใช้เหลืออยู่แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างขลาดกลัวและไร้ชีวิตชีวา
บาร์ดถอนหายใจและเข้าไปพบกับเพื่อนเก่าของเขาจอห์น
เครื่องดื่มร้อนๆถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะและมีไอลอยขึ้นมา ใบหน้าของจอห์นเต็มไปด้วยหนวดเคราแทบไม่เหมือนกับชายหล่อเหลาในสมัยก่อนเลยแม้แต่น้อย
“มันผ่านมาสามเดือนแล้วสินะจอห์น” บาร์ดพูดออกมาอย่างสงบ
จอห์นยิ้มกลับไปอย่างเศร้าๆ “ใช่ โลกมันเปลี่ยนไปมากภายในเวลาแค่สามเดือนเท่านั้นใช่ไหมล่ะ?”
“ข้ารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อของเจ้าด้ว” บาร์ดพูดออกมาอย่างจริงใจ “ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะ ไร โปรดบอกข้า ข้าจะช่วยเท่าที่ข้าสามารถทําได้”
จู่จอห์นก็เงยหน้าขึ้นมาเผยให้เห็นหน้าตาที่ดูน่ากลัวและบ้าคลั่ง “ถ้าข้าบอกว่าข้าต้องการให้บุตรทองคําทั้งหมดตายไปซะ? เจ้าสามารถทํามันได้อย่างแน่นอน”
บาร์ดรู้สึกแสบผิวหนังของเขาขึ้นมาหลังอยู่ภายใต้จิตสังหารของจอห์น เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้ข้าไม่สามารถทํามันได้”
“แต่ตระกูลของเจ้าสามารถทําได้” จอห์นมองเข้าไปในดวงตาของบาร์ด “หากเจ้าร่วมมือกับอีกสามตระกูลที่เหลือมันก็ง่ายมากที่จะสังหารบุตรทองคําในเดลพอลและทําให้พวกมันเหลือระดับ 0 เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าบุตรทองคําจะสูญเสียความแข็งแกร่งไปหลังจากตายลงถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นอมตะก็ตามหากพวกมันตายหลายครั้งพวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา”
บาร์ดหรี่ตาของเขาลง “พวกขุนนางในเมืองหลวงแอบปล่อยข้อมูลให้สินะ ก็ใช่พวกเรานั้นรู้อยู่แล้ว”
“หากพวกมันเป็นเหมือนกับคนธรรมดา ข้ามั่นใจว่าพวกเราสามารถขังมันไว้ในโบสถ์แห่งชีวิตได้” เสียงของจอห์นราวกับเสียงกระซิบของปีศาจ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ช่วยข้าโดยง่ายแต่ถ้าเจ้ายอมทํามันให้แก่ข้าข้าจะมอบอาณาเขตสองในสามรอบๆเมืองเดลพอลให้แก่เจ้ารวมถึงเมือง 27 เมือง หมู่บ้าน 38 แห่งและเหมืองอีกสี่ที่”
เมื่อได้ยินข้อเสนอ ถึงจะเป็นบาร์ดที่เกิดและเติบโตในตระกูลที่ร่ํารวยก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก “เจ้าเสียสติไปแล้วรึไง? ตระกูลของเจ้าจะล่มสลายหากไม่มีพวกมัน”
จอห์นทุบโต๊ะอย่างแรงจนของใช้บนโต๊ะอาหารทั้งหมดหล่นลงและกระแทกเข้ากับพื้นน้ําสาดกระเด็นไปทั่วทุกที่ใบหน้าของเขาดูแน่วแน่ขึ้นและมีดวงตาแดงกําจอห์นพูดขึ้นมาว่า “มันจะมีอะไรแย่ไปกว่าชีวิตของพวกข้าในตอนนี้ซึ่งถูกกักขังอยู่? มันยากก็จริงหากตระกูลของข้าไร้ซึ่งอาณาเขตทว่ามันแย่ยิ่งกว่าหากพวกข้าต้องเสีย อิสรภาพไป”
หลังจากเงียบไปชั่วครูบาร์ดก็พูดว่า “เงื่อนไขของเจ้าน่าดึงดูดมาก
จอห์นยินดีขึ้นมาทันที “เจ้าจะยอมรับข้อเสนอใช่ไหม?”
“มีรูปปั้นปรากฏขึ้นที่ด้านนอกของเมืองหลวง” บาร์ดพูดอย่างสบายๆ “มันพิเศษเป็นอย่างมากเพราะมันไม่สามารถทําลายหรือเคลื่อนย้ายได้และเจ้าสามารถได้รับความสามารถพิเศษมาโดยโยนเหรียญทองไปให้มันแค่นั้น”
จอห์นคิดว่ามันแปลกเกินไปหน่อย “ก็จริงที่มันดูพิเศษ แต่มันเกี่ยวอะไรกับข้อตกลงของพวกเรากัน?”
บาร์ดมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมือนกับโรแลนด์”
ดวงตาของจอห์นหรี่ลงทันที