หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 28
โรแลนด์ยิ้มให้กับเพื่อนหน้าโง่ของเขาก่อนจะพูดว่า “ทำไมนายไม่เปลี่ยนอาชีพซะละ? เลเวลโดยเฉลี่ยของตอนนี้ยังไม่สูงมาก นายน่าจะตามทันนะ”
ลี่หลินส่ายหน้าออกมา “ไม่ล่ะ ถึงแม้ว่าขุนนางจะชอบหาเรื่อง แต่ฉันก็เป็นเพื่อนกับ NPC ตั้งมากมายแล้ว ถ้าฉันลบตัวละครไป ฉันไม่คิดว่าพวกนั้นจะยังจำฉันได้ ถึงแม้ว่าฉันสามารถดึงดูดพวกเขาได้จากตัวตนใหม่ แต่พวกเขาก็จะดูแลฉันแตกต่างออกไป ดังนั้น…ฉันขอผ่าน”
ทุกคนต่างเห็นด้วยกับสิ่งที่ลี่หลินพูด
โดยเฉพาะเบทต้าที่เคยดูถูก เขายังคงจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้
ชัคคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า”ฉันพบว่า NPC ในเกมนี้นั้นเหมือนจริงเป็นอย่างมาก แม้ฉันจะยังอยู่ที่โบสถ์แห่งแสงไม่นานนัก แต่ฉันก็ได้เห็นการแบ่งฝ่ายและการต่อสู้กันเอง ถ้าเรื่องราวพวกนี้ถูกวางไว้โดยผู้พัฒนา มันก็ดูเลวร้ายเป็นอย่างมาก นี่พวกเขาต้องทำหนักขนาดไหนกัน?”
ฮัสเซอเรตพูดต่อว่า “ช่างเรื่องความสมจริงไปเถอะ ที่ฉันรู้ทั้งหมดก็คือเกมนี้โคตรสนุก มีแก๊งค์มากมายภายในเมืองที่พยายามเข้าหาและจ้างฉัน ฉันกำลังพิจารณาข้อเสนอพวกนั้นอยู่ แต่ว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นมีชื่อเสียงในทางที่ไม่ค่อยดี
“จะดีกว่านะถ้านายไม่เข้าไปยุ่งกับพวกนั้น เกมนี้มันเหมือนจริงมาก ฉันกลัวว่าบุคลิกของนายในชีวิตจริงจะมีผลกระทบไปด้วยหากนายทำบางอย่างที่ไม่ดีภายในเกม” โรแลนด์พูดออกมา
ฮัสเซอเรตพยักหน้ารับ “อ่าหะฉันจะ คิดดูถ้าฉันสามารถเข้าร่วมกลุ่มที่มีชื่อเสียงที่ค่อนข้างดีได้”
โรแลนด์มองไปยังทุกคนและพูดว่า “ทำไมพวกเราไม่มาพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเราและแผนในอนาคตสักหน่อยล่ะ?”
ลี่หลินพูดออกมาว่า “กิลด์นักรบมาหาฉันและบอกว่าพวกเขาต้องการตัวฉัน”
ราฟเฟลก็พูดต่อว่า “ฉันก็ว่าจะไปเข้ากิลด์นักรบเหมือนกัน”
บราซิลหยักไหล่และพูดว่า “ฉันว่าจะไปจับลูกเสือดาวมาเลี้ยงเป็นคู่หูน่ะ และว่าจะลองสำรวจรอบๆเมืองดูก่อน”
ชัคเองหลังก่อนจะพูดว่า “ฉันต้องศึกษาหลักคำสอนอยู่ที่โบสถ์แห่งแสงน่ะ ทั้งยาวนานและน่าเบื่อมาก บิชอปที่สอนฉันอยู่บอกว่าฉันนั้นเคร่งครัดไม่พอที่จะเป็นเซนต์ซามูไร ทว่าฉันก็เป็นไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงขอให้ฉันไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่นั่นฉันจะได้รับการคุ้มครองจากเทพธิดาแห่งแสง ด้วยโชคใดๆก็ตาม ฉันว่าจะลองไปที่นั่นและพบเธอดูสักหน่อย ฉันเคยได้ยินเสียงของเธอมาก่อนซึ่งไพเราะมากทีเดียว
ท้ายที่สุดโรแลนด์ก็พูดว่า “เบทต้าและฉันรับเควสมาเมื่อวาน แล้วพวกเราทำมันเละเลย”
เบทต้าที่กำลังกินแตงโมอยู่ ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและอับอาย
โรแลนด์ก็พูดต่อว่า “ดังนั้นฉันเลยว่าจะไปกวาดล้างพวกมอนสเตอร์แถวใกล้ๆเมืองดู ส่วนหนึ่งเพื่อเก็บค่าประสบการณ์ และอีกส่วนเพื่อกู้คืนชื่อเสียงของพวกเราภายในเมืองน่ะ”
“อ่าหะ ในเมื่อพวกเราทั้งหมดต่างมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง ก็เอาตามนั้นไปก่อน” ชัคนั่งตัวตรงและพูดว่า “ฉันจะลองหาสัตว์เลี้ยงที่บินได้ดูในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่พวกเราจะรวมตัวกันได้ภายในเกม”
“มีสัตว์เลี้ยงที่บินได้ด้วยเหรอ?” บราซิลตาโตขึ้นมา “ฉันไม่รู้มาก่อนเลย บางทีฉันควรจับสัตว์เลี้ยงที่บินได้เพื่อฉันจะได้ขี่มัน”
ชัคพูดออกมาอย่างสิ้นหวัง “พวกสัตว์เลี้ยงที่บินได้ต่างก็มีแต่เลเวลสูงๆทั้งนั้น อาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตในการจับมันเลยก็ได้”
ทุกคนต่างหัวเราะออกมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันสักพักก่อนแยกย้ายหลังจากจากเขาอัปโหลดแผนที่ลงในกลุ่มแชท
โรแลนด์เข้าไปเช็คเว็บบอร์ดของเขาอีกครั้งเมื่อถึงบ้าน และพบว่าเขาก็ยังคงเป็นที่พูดถึงอยู่ จากนั้นเขาเลยยอมแพ้และเข้านอนไปในที่สุด
หลังจากงีบไปสักพัก เขาออกไปยังสนามมวยบนถนน
สิ่งอำนวยความสะดวกและสภาพแวดล้อมในสโมสรก็ไม่เลวและโค้ชก็ดูน่าเชื่อถือ ดังนั้นเขาจึงสมัครสมาชิก
เขาอยากที่จะเรียนต่อยมวยเพราะวีดีโอที่เขาเห็นเมื่อเช้า
ชายที่สามารถใช้เพลงดาบได้ สามารถยกระดับคุณสมบัติของตัวเองภายในเกมได้ ซึ่งมันดูน่าทึ่งมาก
นักเวทย์นั้นมักจะอ่อนแอในการต่อสู้ระยะประชิดเสมอ หากเขาเรียนมวยล่ะก็อย่างน้อยเขาก็มีโอกาสในการรอดจากศัตรูที่เข้าใกล้เขาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ด้วยเวทยืที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความเร็วความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นหากเขาเรียนรู้มวย
หลังจากจ่ายค่าสมาชิก โค้ชก็ไม่ได้สอนเขาต่อยมวยทันที แต่ช่วยเขายืดกล้ามเนื้อเป็นอันดับแรก
โรแลนด์ออกกำลังกายไปหลายท่า ดังนั้นเขาจึงแทบขยับขาไม่ไหวในระหว่างทางกลับบ้านหลังจากยืดกล้ามเนื้อ
ขาของเขาปวดตลอดเวลา มันค่อนข้างเจ็บพอสมควร
ท้ายที่สุด ในตอนสามทุ่มครึ่งโรแลนด์ก็เข้าสู่เกมด้วยความกระตือรือร้น
เขาปรากฏตัวในโลกที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์อีกครั้ง เขารู้สึกผ่อนคลายจากก้นบึ้งของหัวใจเมื่อมายังโลกนี้
ถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นโรแลนด์ก็เดินลงจากภูเขาไปหาเบทต้าที่อยู่ข้างทะเลสาบ
“ไปกันเถอะ” โรแลนด์กวักนิ้วเรียกเบทต้าจากสะพาน
เบทต้าก็กระโดดมาหาเขา
พวกเขาสองคนไปยังป่าเมเปิล ชาวบ้านบางคนต่างมองพวกเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ
ในขณะที่ทางฟอลเคิลกำลังมองพวกเขาไปยังป่าเมเปิลด้วยความสบายใจ
โรแลนด์เคยกำจัดแมงมุมยักษ์ด้วยตัวเองมาก่อน แล้วตอนนี้เขามีเบทต้าเพิ่มเข้ามา คนที่สามารถต่อสู้ได้ทั้งในระยะประชิดและเวทมนตร์ เขารู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมาก โรแลนด์ควบคุมแมงมุมด้วยแขนเวทย์จากนั้นเบทต้าก็สังหารพวกมัน ไม่มีแมงมุมยักษ์ที่รอดจากเงื้อมมือพวกได้เกินสิบวิ
หลังจากฆ่าแมงมุมยักษ์ไปสักพัก เบทต้าก็ตัดขาแมงมุมและเก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติ
โรแลนด์รู้สึกอดที่จะถามออกมาไม่ได้ “นี่นายจะย่างขาแมงมุมจริงๆหรอ”
เบทต้าพยักหน้ารับ พร้อมน้ำหลายไหลออกมา
หลังจากฆ่าแมงมุมเพิ่มอีกสองตัว มันก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว พวกเขากลับไปยังเมืองเรดเมาน์เทน
เบทต้าหยิบกิ่งไม้แห้งมามากมายในขณะที่อยู่ในป่าเมเปิล เขาวางกองกิ่งไม้แห้งและพ่นเพลิงมังกรออกมาใส่กองไม้ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มย่างขาแมงมุมและกินมัน
ขาแมงมุมนั้นยาวและมีเปลือกสีแดงพร้อมหนามแหลมอยู่บนตัวมัน
นี่พวกมันกินได้จริงๆเหรอ?
หลังจากผ่านไปสักพัก กลิ่นหอมของเนื้อที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็กระจายออกมา
“เสร็จแล้ว”
เบทต้าโยนขาแมงมุมให้โรแลนด์และหยิบขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง โดยไม่สนความร้อน พวกเขาทุบเปลือกและกัดเข้าไปยังเนื้อสีเหลืองทองที่อยู่ด้านใน
“อร่อยมาก นี่อร่อยยิ่งกว่าปูมะพร้าวอีก!” เบทต้าเคี้ยวและพูดออกมาไม่เป็นภาษา
โรแลนด์ก็ลองกัดดู รสชาติดีมาก
ทันใดนั้นเองเขาก็มองไปรอบๆและเห็นกลุ่มเด็กสวมเสื้อผ้าที่มอมแมมอยู่บนสะพานกำลังจ้องมองมาทางพวกเขาและเลียนิ้วอย่างน่าสงสาร
ทันใดนั้นโรแลนด์ก็คิดอะไรออก “เบทต้า ย่างขาแมงมุมทั้งหมดซะ ฉันคิดวิธีที่จะกู้ชื่อเสียงของพวกเราได้แล้ว”