หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 36
“พี่ไม่ได้เล่นมุข” โรแลนด์ถอนหายใจและพูดว่า “มันมาเพื่อพูดเกี่ยวกับกระเป๋าตังค์ของมันจริงๆ”
ขณะที่เขาพูดอยู่ วิญญาณโปร่งแสงเริ่มตระกายออกมาจากโลงศพและกรีดร้องออกมาจากซึ่งมันอยู่ห่างจากพวกเขาราวๆสามเมตร เมื่อสังเกตดีๆ พวกเขาก็เห็นเพียงแค่เจตนาสังหารในนัยน์ตาของมัน
พวกเขาทั้งสองถอยหลังออกมา เบทต้าหยิบดาบยาวออกมาและกลืนน้ำลาย “มันดูน่าแขยงมาก พี่โรแลนด์เคยสู้กับมันมาก่อนไหมครับ?”
“พี่จะไปเคยได้ยังไงล่ะ?” โรแลนด์พูดออกมาอย่างสิ้นหวัง “ที่พี่เคยเห็นมาก่อนก็มีแค่วิญญาณฟอลเคิล แต่พี่จะกล้าโจมตีฟอลเคิลได้ยังไงกัน?”
“พี่ครับ ฝากวางแผนด้วย” เบทต้าหยุดถอยและหยุดอยู่ตรงหน้าโรแลนด์ “พี่ควรรีบคิดหน่อยนะครับ”
จู่ๆเจ้าวิญญาณร้ายก็มีหอกโปร่งแสงอยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่ามันมุ่งร้ายและกำลังจะเริ่มแล้ว โรแลนด์รู้ดีว่าเขาไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว เพราะอย่างไรก็ตามจากที่เล่ากันมาวิญญาณมักจะแข็งแกร่ง
“พี่จะลองพยายามจัดการมันดู” โรแลนด์หยิบไม้คทาออกมาจากกระเป๋ามิติก่อนพูดว่า “กระโดดเดี๋ยวนี้”
เบทต้าไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาก็ทำตามคำสั่งของโรแลนด์ ด้วยความที่เป็นนักรบอยู่ครึ่งหนึ่งเขากระโดดสูงเกือบสองเมตร
เมื่อเบทต้ากระโดด โรแลนด์ก็ชี้คทาลงต่ำไปยังด้านหน้า
วงแหวนเยือกแข็ง!
เขาร่ายเวทย์ออกมาโดยไร้เสียง
วงแหวนเยือกแข็งเป็นเวทย์ลำดับที่สามที่โรแลนด์ได้รับมา เขาสามารถร่ายมันโดยไร้เสียงได้
วงแหวนสีขาวปรากฏออกมาบนพื้นและแช่แข็งทุกสิ่งที่มันสัมผัส
วิญญาณนั้นดูไร้สติปัญญา มันไม่แม้แต่จะหลบ ขาของมันจึงถูกแช่แข็งไปในทันที มันพยายามดิ้นรนและส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
มันน่าจะดีกว่านี้ถ้าหากมันไม่ส่งเสียงโหยหวน
โรแลนด์รู้สึกอยากจะอุดหูตัวเอง
เบทต้าโล่งใจที่เห็นวิญญาณถูกควบคุมเอาไว้ “เยี่ยมมากเลยพี่ ตาผมแล้ว! ชาร์จ!”
พร้อมกับเสียงประหลาด เบทต้าพุ่งตรงไปยังวิญญาณร้ายราวกับเงา ทว่าพื้นในตอนนี้นั้นเป็นน้ำแข็งทำให้เขาลื่นและเสียการทรงตัวพร้อมล้มลงในขณะวิ่ง
จากนั้นเขาก็กลิ้งไปบนพื้นและชนเข้ากับผีที่กำลังดิ้นอยู่ราวกับลูกโบว์ลิ่งความเร็วสูง
โรแลนด์มองเบทต้ากลิ้งผ่านวิญญาณไปและกลิ้งไปชนผนังพร้อมร้องออกมา
นี่มัน…ไม่ใช่ความผิดของเขานะ
โรแลนด์กลับมาตั้งสติหลังจากจิตหลุดไปเล็กน้อย เขาร่ายบอลเพลิงนรกอย่างง่ายๆและพุ่งโจมตีไปยังวิญญาณร้าย
ในตอนนั้นเอง ระหว่างที่โรแลนด์กำลังรวบรวมพลังเวทย์ของตนเอง บอลเพลิงก็ระเบิดและฉีกกระชากวิญญาณร้ายเป็นชิ้นๆ
เพลิงของเขาละลายกระทั่งน้ำแข็งที่อยู่บนพื้นจนกลายเป็นน้ำ
ศัตรูนั้นหายไปแล้ว ทว่าโรแลนด์ก็ยังคงระวังตัวอยู่ ถึงอย่างไร ในหลายๆเรื่องราววิญญาณก็มักจะขึ้นชื่อว่าเป็นอมตะ
เขากลัวว่าเจ้าวิญญาณร้ายจะโผล่ขึ้นมาจู่โจมระหว่างเขาคลายการระวังตัว
ทว่าดูเหมือนจะไม่มีวี่แววของวิญญาณร้ายหลังจากรอมาสักพัก และไอเย็นภายในอากาศก็เริ่มหายไป
วิญญาณร้ายนั้นจากไปแล้ว แต่เบทต้ายังอยู่ เขากำลังคลานออกมาจากกำแพง
เบทต้าดูค่อนข้างน่าตลก เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น และมีรอยแผลอยู่หลายจุดบนใบหน้า โรแลนด์เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
“พี่โรแลนด์ แล้วเจ้าวิญญาณนั่นล่ะ?” เบทต้าลุกขึ้นและมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
โรแลนด์มองไปรอบๆและพูดว่า “อาจจะตายไปเพราะบอลเพลิงแล้วมั้ง ดูมันค่อนข้างจะอ่อนแอ”
เบทต้าโล่งอกและนำดาบยาวเก็บเข้ากระเป๋ามิติและพูดว่า “มันน่าจะเป็นมอนสเตอร์ประเภทหนึ่ง มันน่าจะกันการโจมตีทางกายภาพทั้งหมด ผมพยายามจะฟันขามันตอนที่ผมผ่านมันไป แต่เหมือนว่าการโจมตีของผมจะไม่ส่งผลกับเจ้าวิญญาณนั่น”
โรแลนด์พยักหน้ารับและกล่าวว่า “อ่าห์ก็คงเหมือนเกมอื่นๆที่วิญญาณจะแพ้การโจมตีทางเวทย์”
“ครั้งหน้าผมจะเผาพวกมันด้วยเพลิงมังกร” เบทต้าดูแค้น “ผมน่าจะใช้มันเลยตั้งแต่มันมา ผมเกือบสลบไปเพราะชนกำแพงเมื่อกี้”
โรแลนด์เกือบหลุดขำออกมาเมื่อเขานึกถึงตอนที่เบทต้ากลิ้งราวกับบอลที่กรีดร้องออกมา
เมื่อเห็นท่าทางของโรแลนด์เบทต้าก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “ถ้าพี่จะขำพี่ก็ขำออกมาเถอะครับ แต่พี่ไม่ได้แกล้งผมใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่!” โรแลนด์ตะโกนกลับมาโดยไร้ความลังเล
“ลืมมันเถอะครับ” เบทต้ามองที่โรแลนด์และพูดว่า “พวกเรามาแบ่งเหรียญกันเถอะครับ ผมไม่คิดว่าวิญญาณร้ายจะมาทวงกระเป๋าตังค์ต่อแล้ว”
โรแลนด์เห็นด้วย
เมื่อเก็บเงินส่วนของตัวเองเข้าไปยังกระเป๋ามิติ โรแลนด์ก็ฝังสุสานด้วยแขนเวทย์
จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆกลับไปยังถนนหลัก
ในตอนนี้นั้น มันมืดเป็นอย่างมาก พระจันทร์ถูกบดบังโดยเมฆ ทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรในป่าได้เลย
ต้องขอบคุณที่โรแลนด์สามารถสร้างบอลแสงได้ เขาสร้างบอลแสงขึ้นมาสี่ลูกเพื่อส่องแสงไปโดยรอบ
ยามมืดมิดนั้นถูกปกครอบไปด้วยสัตว์กลางคืน และพวกมันหลายชนิดล้วนเป็นนักล่าที่ดุร้าย
พวกสัตว์กลางคืนส่วนมากนั้นจะกลัวแสง ขณะที่โรแลนด์และเบทต้าเดินทางอยู่ ก็มีสิ่งมีชีวิตที่มีดวงตาสีเขียวร้องออกมาก่อนจะหลบเข้าไปในป่าใกล้ตัวมันและจากไป
หลังจากเป็นแบบนั้นอยู่หลายครั้ง เบทต้าก็พูดออกมาว่า “พวกมันเป็นกลุ่มหมาป่าน่ะครับ ทั้งรวดเร็วและตอบสนองใช้ได้”
โรแลนด์มองไปทางที่มืดและถามออกมาอย่างประหลาดใจว่า “นายมองเห็นพวกมันด้วย?”
“ในฐานะที่เป็นพ่อมดสายเลือดมังกร ผมมีความสามารถมองเห็นในที่มืด +2 ครับ” เบทต้าอธิบายออกมา “มันช่วยให้ผมสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ในระยะห้าสิบเมตร”
โรแลนด์เดาะลิ้นออกมา “ขุนนางผู้สูงศักดิ์มีพรสวรรค์ที่หลากหลายจริงๆ”
“แล้วพี่เลือกพรสวรรค์อะไรมาเหรอครับ?” เบทต้าถามด้วยความอยากรู้
“ยกเลิกท่าทางในการร่ายเวทย์และควบคุมพลังเวทย์” โรแลนด์อธิบายออกมา “พรสวรรค์แรกก็ตรงตัวเลย ส่วนควบคุมพลังเวทย์คือเพิ่มจำนวนองค์ประกอบเวทย์ที่พี่สามารถควบคุมได้… แต่จริงๆแล้วมันก็แปลกๆ การควบคุมเวทย์เป็นพรสวรรค์ที่ถูกบังคับให้เลือกและไม่สามารถเปลี่ยนได้ ดังนั้นจริงๆแล้วพี่ได้เลือกแค่พรสวรรค์เดียว”
เบทต้างุนงงเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าทุกอาชีพต่างเลือกได้สองพรสวรรค์เหรอครับ”
“นั่นแหละที่พี่สงสัยบางทีอาจจะเป็นเพราะพรสวรรค์นี้ที่ทำให้พี่สามารถรวบรวมพลังเวทย์ทั้งหมดไว้ในเวทย์บทเดียวได้” โรแลนด์ยักไหล่และพูดว่า “มีอีกหลายสิ่งในเกมเลยที่พวกเราจะต้อง….พวกเราถึงแล้ว”
พวกเขาทั้งคู่พูดไปด้วยเดินไปด้วย โดยไม่รู้ตัว พวกเขาก็ออกมาจากป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นที่ราบ
บนขอบฟ้ามีแสงที่คลุมเครือและสั่นไหวอยู่
มันเป็นภาพลวงตาที่เกิดขึ้นเมื่อคบไฟบนกำแพงเมืองถูกลมพัด
มันคือเมืองเดลพอน!