หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 37
ผู้เล่นนั้นไม่จำเป็นต้องนอนภายในเกม กลางวันและกลางคืนเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเท่านั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเช้าแล้วก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกง่วงแต่อย่างใด พวกเขามาถึงเมืองเดลพอนในที่สุด
พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าเดลพอนนั้นกว้างใหญ่ขนาดไหน จนพวกเขาใกล้เข้ามา
สายตาของพวกเขามองไปยังกำแพงที่ราวกับไร้ที่สิ้นสุดซึ่งสร้างจากหินขนาดยักษ์
มีคบเพลิงถูกตั้งไว้อยู่ในทุกๆสิบเมตรของกำแพงเมือง มันอาจจะไม่สว่างเท่าบอลแสงของโรแลนด์ ทว่ามันกลับแผ่กว้างอย่างน่าอัศจรรย์ราวกับมังกรเพลิง
กลุ่มทหารกำลังเฝ้าระวังอยู่ที่กำแพงเมือง พวกเขาส่วนใหญ่เริ่มจับจ้องมาที่โรแลนด์และเบทต้า
ที่ปลายของทางเดินนั้นคือประตูเข้าเมือง มีกลุ่มคนหลายกลุ่มกำลังนั่งผิงกองไฟกันอยู่ตามถนน และมีบางคนพูดคุยกัน
โรแลนด์และเบทต้านั้นดึงดูดความสนใจของทุกคนเมื่อพวกเขามาถึง ยังไงก็ตาม บอลเวทย์ทั้งสี่ส่องสว่างรอบๆตัวพวกเขาไม่มีทางไม่เป็นจุดสนใจได้หรอก เมื่อพวกเขาใกล้เข้ามา ประตูเมืองก็สว่างราวกับกลางวัน พวกนักเดินทางทั้งหลายต่างเริ่มแสบตา
ทหารบนรอบกำแพงเมืองเริ่มรู้สึกวิตกกังวล ผู้ใช้เวทย์นั้นมักจะเป็นสัญลักษณ์ของพลังและความลึกลับเสมอ
เมื่อโรแลนด์และเบทต้ามองไปยังพวกเขา พวกเขารีบหลบสายตาไปทันที
พวกเขาไม่กล้าที่จะยั่วยุผู้ใช้เวทย์และขุนนางหนุ่ม
โรแลนด์และเบทต้านั่งอยู่ตรงมุมที่ว่าง แถวยังอีกยาว เกือบทุกเมืองนั้นจะปิดในยามค่ำคืนและที่นี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากนั่งลงพวกเขาก็เริ่มสังเกตไปรอบๆ
มีเกวียนกว่าสิบคันอยู่ในแต่ละกลุ่ม ถึงแม้ว่าเกวียนพวกนั้นจะถูกปิดไว้ด้วยผ้าน้ำมัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีของอยู่ด้านใน
นักเดินทางส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นเพศชาย ในรอบมีผู้หญิงอยู่เพียงแค่คนเดียวซึ่งนั่งผิงกองไฟถัดออกไปจากโรแลนด์และเบทต้า ผู้หญิงคนนั้นทั้งสูงและเต็มไปด้วยมัดกล้ามหากไม่ได้สังเกตุหน้าอกที่นูนออกมานั่นคงไม่มีใครคิดว่านี่เป็นผู้หญิง
พวกนั้นเป็นพ่อค้าและผู้คุ้มกัน?
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก พวกเขานั้นปล่อยให้โรแลนด์และเบทต้าสำรวจพวกเขา
เสียงกระซิบพูดคุยกันก่อนหน้าหายไป เหลือเพียงเสียงลมและเสียงประทุของเปลวเพลิง
โรแลนด์และเบทต้าไม่ได้พูดคุยและทำอะไรกัน เพราะพวกเขากำลังโดนครอบงำอยู่โดยบรรยากาศโดยรอบ
เมื่อเบทต้าเริ่มเบื่อเขาก็หยิบฟืนและงูที่เขาเก็บได้ตามทางออกมา เขาก่อกองไฟด้วยเพลิงมังกร
จากนั้นเขาก็เริ่มแล่เอาเกล็ดงู ก่อนที่จะนำไปเสียบไม้และย่าง
โรแลนด์ถึงกับหมดคำพูดเมื่อเห็นเบทต้าทำมันอย่างคุ้นชิน
นอกจากนี้เขาไม่ใช้เพลิงมังกรในการต่อสู้ เพียงเพื่อต้องการใช้มันทำอาหาร
เสียงกระซิบรอบข้างเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ โรแลนด์หันไปรอบๆและมองพวกเขา เสียงเหล่านั้นเงียบลงในทันทีราวกับกดปิดทีวี
โรแลนด์จ้องไปที่พวกเขาและหลังจากนั้นก็หันกลับมาสนใจเนื้อ
หลายคนถอนหายใจออกมา
จากที่โรแลนด์ได้ยินดูพวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
“โอ้พระเจ้า นั่นมันอุปกรณ์มิติ”
“ขุนนางหนุ่มคนนี้มาจากไหนกัน?”
“ไม่ใช่ว่ามันน่าเสียดายเหรอที่เก็บของพวกนั้นไว้ในอุปกรณ์มิติ”
หลังจากโรแลนด์จ้องไปยังพวกเขา พวกเขาก็หยุดพูดกันทันที
นี่พวกเรามีปัญหาแล้วรึเปล่าที่เปิดเผยสมบัติไป? โรแลนด์นั้นกังวลทว่าจากนั้นเขาก็คิดถึงเรื่องอื่น
เขาเป็นผู้เล่นที่ไม่มีวันตาย นอกจากนี้กระเป๋ามิตินั้นถูกมอบให้โดยระบบ และจะไม่มีอะไรดรอปออกมาเมื่อเขาถูกฆ่า เขาสามารถตามล้างแค้นได้เมื่อเขาเกิดใหม่
หลังจากคิดได้เขาก็เลิกสนใจพวกนั้นและสังเกตไปยังสภาพแวดล้อมโดยรอบ
มันเป็นที่ราบเตียนมีแม่น้ำอยู่ด้านหลังของเมือง ภายใต้ความมืดมิดมีแสงปรากฏอยู่ในระยะไกลๆ
มีเพียงสถานที่ที่มีน้ำมากเพียงพอเท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่านี่เป็นเมืองที่ดูสง่างาม
หลังจากนั้นเนื้องูก็สุก เบทต้าก็เริ่มทาเกลือลงบนเนื้อ
เขายื่นให้กับโรแลนด์
โรแลนด์ต้องยอมรับว่าเบทต้านั้นทำได้ดี เนื้องูนั้นทั้งกรอบและอร่อย
ทว่ามันก็ไม่ได้รสชาติอร่อยเหมือนกับเนื้องู
หลังจากพวกเขาอิ่มท้อง เบทต้าก็เริ่มฝึกเพลงดาบ
เขานั้นไม่ใช่คนที่ฉลาดนัก ทว่าเขาก็เป็นคนที่มักจะได้เกรดดีเพราะพยายามอย่างหนัก ด้วยความคิดของเขา มันไม่น่าจะยากนักที่เขาจะสามารถเข้ามหาลัยดังๆได้
ความขยันนั้นเป็นนิสัยของเขา แต่ว่ามันน่าอายออกไม่ใช่เหรอที่จะต้องฝึกดาบต่อหน้าคนแปลกหน้า?
แน่นอนว่าไม่! เขาเคยเข้าร่วมการประกวดสุนทรพจน์ในโรงเรียนมาแล้วหลายครั้ง
สำหรับเบทต้าการพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ดูเกินจริงต่อหน้าผู้ฟังนับร้อยนั้นเป็นประสบการณ์ที่น่าอายมาก
อย่างไรก็ตามเขาก็ผ่านพ้นมันมาได้อย่างสวยงาม ดังนั้นการฝึกดาบต่อหน้านักเดินทางเหล่านี้ไม่ได้ท้าทายอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย
ในที่อีกฝ่ายหนึ่งโรแลนด์นั้นกำลังเริ่มฝึกความสามารถทางภาษา
ทุกครั้งที่ล้มเหลวพลังเวทย์จะกระจายออกไปซ้ำไปซ้ำมา นักเดินทางคนอื่นต่างมองโรแลนด์ที่หอบออกมาด้วยความเจ็บปวดโดยไม่ต้องพูดอะไรออกมา โรแลนด์นั้นไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะมองเขายังไงตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในเมืองเรดเมาน์เทนแล้ว
ในสถานการณ์ปกติ นักเวทย์มักจะหมดสติไปเมื่อล้มเหลวติดต่อกัน
ทว่าโรแลนด์กลับยังคงแข็งแรง เขาพักเพียงครู่เดียวและเริ่มฝึกฝนต่อ
เหล่าพ่อค้าและผู้คุ้มกันต่างขบขันไปกับการออกกำลังกายยามดึกของเบทต้าและโรแลนด์
พวกเขาจะเบ่งให้ใครดูกัน?
ทว่าเมื่อสี่ชั่วโมงผ่านไป พวกนักเดินทางทั้งหลายต่างชื่นชนออกมา
พวกเขาอาจจะไม่รู้อะไรหลายๆอย่าง ทว่าพวกเขารู้ดีว่าการฝึกฝนอย่างหนักนั้นดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
และเวลารุ่งสางก็มาถึง พวกยามนำคบเพลิงออกจากกำแพงและเปิดทางเข้าเมือง
ทุกคนต่างลุกขึ้นยืน โรแลนด์และเบทต้าต่างก็หยุดซ้อม
พวกเขารอให้พวกพ่อค้าไปก่อน เพราะถึงอย่างไรพวกนั้นก็มาก่อน
ทว่าน่าประหลาดที่พวกพ่อค้าและผู้คุ้มกันต่างไม่ขยับและมองไปยังโรแลนด์และเบทต้า
“หรือพวกเขาพยายามจะส่งสัญญาณให้พวกเราไปก่อน?” เบทต้าถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“พวกเขาอาจจะเกรงใจในตัวตนของขุนนางแบบนาย” โรแลนด์พูดออกมา “ลำดับชั้นนั้นมีผลอย่างมากในโลกนี้ ในฐานะสามัญชนพวกเขาคงไม่กล้าเดินนำหน้านาย”
พวกนักเดินทางต่างมองมาอย่างเงียบๆ เบทต้ารู้สึกไม่สบายใจ “นี่มันไม่ถูกต้อง”
“ไปเถอะน่านายน้อย” โรแลนด์ยิ้มและพูดออกมา “นายจะยิ่งทำให้พวกเขาเสียเวลาถ้านายอืดอาด”
“ครับ!” เบทต้าถอนหายใจและเดินเข้าเมือง
โรแลนด์เดินตามเขาไป
เหล่าพ่อค้าและผู้คุ้มกันต่างรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเข้าเมืองไปในที่สุด