หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 47
ที่นี่เป็นสลัมมีคนยากไร้ในชุดขาดวิ่นเต็มไปหมด ในขณะที่โรแลนด์และเบทต้านั้นอยู่ในชุดคลุมเวทย์และชุดขุนนาง พวกเขาดูต่างออกไปจากที่นี่โดยสิ้นเชิง ดังนั้นคนอื่นๆโดยรอบจึงจ้องมองมาที่พวกเขา ทว่าเมื่อพวกเขาหันกลับไปมองคนเหล่านั้น พวกนั้นก็จดจ่ออยู่กับงานราวกับว่าไม่เคยจ้องมองมายังพวกเขา
บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด
โรแลนด์ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “พี่จะไปลงทะเบียนที่สมาคมนักเวทย์ก่อน ส่วนนายก็ดูแลเด็กสาวต่อไปสักอีกสองสามวัน ถ้าเป็นไปได้นายแนะนำให้พวกเขาย้ายไปเมืองอื่นดีกว่านะ”
เบทต้าเหม่อมองบนฟ้าและพูดอย่างลังเล “ผมกลัวว่าพวกเขาจะไม่ฟังผมนะสิครับ”
“ถ้าพวกเขาไม่ฟังก็ไม่เป็นไร” โรแลนด์พูดออกมาแบบง่ายๆ “พวกเราไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ตลอดชีวิต ถ้าหากพวกเขาไม่เต็มใจที่จะย้ายมันก็เป็นความผิดของพวกเขาเองหากมีอะไรเกิดขึ้น และสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเราสามารถทำให้พวกเขาคือล้างแค้นให้พวกเขาเมื่อพวกเรามีเวลา”
เบทต้ามองมาทางเขาด้วยความแปลกใจ “พี่โรแลนด์ดูค่อนข้างไม่สนใจพวกเขาเลยนะครับ”
โรแลนด์ยิ้มและพูดว่า “เราไม่สามารถมอบความเมตตาและความจริงใจทั้งหมดให้กับคนแปลกหน้าได้ หากเราพยายามเต็มที่เพื่อคนแปลกหน้า แล้วเราจะแสดงท่าทียังไงกับคนที่เรารักเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้า”
เบทต้าคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ผมจะปกป้องพวกเขาอีกสองวันและพยายามเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาย้ายออกไป ถ้าพวกเขาไม่ฟังผมก็คงแค่เดินออกมา”
เมื่อเห็นว่าเบทต้าทำตามคำแนะนำของเขา โรแลนด์ก็เดินแยกออกไป
ยี่สิบนาทีต่อมาเขาก็มาถึงยังหอคอยเวทย์
หอคอยสีงาช้างนั้นดูทั้งงดงามและลึกลับยามกระทบเข้ากับสงอาทิตย์ที่ตกดิน
โรแลนด์เดินไปยังทางเข้าและถูกยามสองคนขัดขวางอีกครั้ง
แต่คราวนี้โรแลนด์นำตราทองแดงออกมา
เมื่อเห็นลายเปลวเพลิงบนตราทองแดงทหารยามก็เคลื่อนตัวหลีกไปทันที
เขาตบเบาๆไปยังเสื้อคลุมของตัวเองก่อนเดินเข้าไปในหอคอยเวทย์และพบว่ามันสว่างราวกับกลางวัน
ใต้เท้าของเขานั้นเป็นพื้นเรียบราวกับกระจก จนเขาสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองได้
คริสตัลแวววาวที่เป็นเอกลักษณ์ถูกติดไว้ตรงผนังทุกๆสิบเมตร
ในพื้นที่โถงกลางนั้นแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากบันไดสีเทาตรงกลางซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ชั้นสอง
โรแลนด์เดินไปที่บันได แต่กลับมีคนลงมาอย่างรวดเร็วว
เขาเป็นชายหนุ่มอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบสามปี
เขามีผมสั้นสีดำดวงตาสีน้ำตาลจมูกคล้ายเหยี่ยวและมีท่าทีแข็งแกร่ง เขาตกตะลึงชั่วครู่เมื่อเห็นโรแลนด์ก่อนที่เขาจะถามอย่างสงสัยว่า “คุณเป็นใครกัน?”
เขาไม่คิดว่าโรแลนด์เป็นผู้บุกรุก
ที่นี่คือหอคอยเวทย์ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่กล้าหาเรื่องดินแดนของนักเวทย์
นอกจากนี้โรแลนด์ยังสวมเสื้อคลุมเวทย์ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าเขานั้นเป็นนักเวทย์
ดังนั้นชายหนุ่มจึงค่อนข้างเป็นมิตรกับเขา
โรแลนด์หยิบตราสีทองแดงออกมาอีกครั้ง “ฉันมาที่นี่เพื่อลงทะเบียน”
เมื่อเห็นตราและได้ยินคำพูดของโรแลนด์ ชายหนุ่มก็ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “คุณคือบุตรทองคำที่จะมาเข้าร่วมกับพวกเราใช่ไหม?”
“ฉันโรแลนด์” โรแลนด์รับตรากลับคืนพร้อมถามกลับด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วนายล่ะ?”
“ข้าคลาอัส” ชายหนุ่มยังดูตื่นเต้นอยู่ “ท่านโรแลนด์พวกเรากำลังรอท่านอยู่เลย โปรดตามข้ามา”
เขานำทางและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ท่านโรแลนด์รู้ไหมว่าตอนนี้สมาคมนักเวทย์เราขาดแคลนสิ่งใด?”
“ขาดแคนเหรอ…พวกนายขาดเงินทุน?”
โรแลนด์มองไปโดยรอบ ทั้งคริสตัลที่ใช่เป็นตะเกียงและพื้นทางเดินที่ดูคลาสสิก สมาคมแบบนี้จะขาดเงินได้จริงๆเหรอ?
“ไม่ได้เกี่ยวกับเงินทองหรอก” คลาอัสพูดออกมาขณะเดินนำทาง “เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคลากรครับ ประธานของพวกข้านั้นยุ่งอยู่ตลอดและแทบจะไม่มีเวลามาสอนพวกเราเลย นักเวทย์ฝึกหัดกว่าสิบคนต้องนั่งเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ด้วยความที่เวทมนตร์นั้นยากเกินไป พวกข้าจึงแทบจะไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย”
ตอนนี้โรแลนด์ขึ้นมาอยู่บนชั้นสองแล้ว
โรแลนด์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนถามออกมา “คุณกำลังจะบอกว่าฉันนั้นต้องสอนพวกคุณ?”
“ใช่แล้ว” คลาอัสกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ท่านอัลโด้ได้แจ้งให้เราทราบถึงการมาของท่าน พวกเรากำลังรอท่านอยู่เลย”
โรแลนด์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “แต่ฉันก็ยังใหม่กับเวทมนตร์เหมือนกัน ฉันไม่มั่นใจนักว่าจะสอนพวกนายได้อย่างไร”
ทันใดนั้นคลาอัสก็หันกลับมาและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงนักเวทย์ฝึกหัดและไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนดั่งท่าน แต่ข้าก็เห็นด้วยกับคำพูดของท่านอัลโด้ที่ว่าเวทมนตร์นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้นัก”
อืม…ก็จริงอยู่
อันที่จริงฉันเข้าร่วมกับพวกนายเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม” โรแลนด์รู้สึกว่าเขาควรพูดให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวังในภายหลัง “ฉันไม่ได้รู้เกี่ยวกับเวทมนตร์มากนัก นายยังอยากจะเรียนรู้กับฉันอยู่ไหม?”
แม้ว่าจะมีเวทย์อีกมากมายที่เขายังไม่รู้จัก แต่โรแลนด์ก็มีความมั่นใจ หลังจากได้ฝึกฝนอย่างหนักและได้รับประสบการณืมากมายในการควบคุมเวทย์และการสร้างแบบจำลองเวทย์
หากพวกเขาต้องการเรียนรู้จริงๆ เขาก็จะไม่ลังเลที่จะสอน
“แน่นอน! ท่านถ่อมตัวเกินไปแล้วท่านโรแลนด์” คลาอัสกล่าวอย่างคาดหวัง “ท่านอัลโด้บอกว่าท่านเป็นนักเวทย์แท้จริงที่เข้าใกล้ระดับแนวหน้าและพวกข้าเป็นแค่นักเวทย์ฝึกหัดเท่านั้น ท่านแข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก”
ต่างจากชั้นแรกที่ว่างเปล่า ในชั้นที่สองนั้นมีห้องอยู่มากมายทำให้โถงกลางนั้นเล็ก และแน่นอนตรงกลางของชั้นมีบันไดเพื่อขึ้นไปสู่ชั้นที่สาม
“ได้โปรดรอสักครู่!”
คลาอัสใช้พลังเวทย์ลั่นระฆังที่ส่องแสงอยู่ตรงเคาน์เตอร์ข้างบันได
เสียงดังก้องกังวาน
ในไม่ช้าเสียงเดียวกันก็ดังขึ้นจากชั้นสามและชั้นสี่
เสียงสะท้อน?
ขณะที่โรแลนด์กำลังคิดอยู่นั้นประตูในห้องต่างๆก็เปิดออกและมีคนต่างวัยและต่างเพศสองสามคนในชุมคลุมเวทย์เดินออกมา
นอกจากนั้นเขายังได้ยินเสียงฝีเท้าจากบันได
นักเวทย์ฝึกหัดสองคนรีบวิ่งลงมาจากทางบันได
ในไม่ช้าพวกเขานั้นก็มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าโรแลนด์และคลาอัส
พวกเขามองไปยังโรแลนด์ด้วยความหวังและความตื่นเต้นราวกับพบเจอสมบัติล้ำค่า