หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 55
ทหารรับจ้างบางคนกดหัวลงต่ำและเดินออกไปอย่างเงียบๆ ไม่นานทหารรับจ้างคนอื่นๆก็ตามพวกเขาไป
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในโรงเตี๊ยม
การสังหารเทพธิดาถือเป็นการดูหมิ่นศาสนาในโลกนี้ แม้ว่าฮอว์กจะไม่ได้กล่าวถึงชื่อของเทพธิดาคนไหนเป็นเฉพาะ แต่ทุกคนก็รู้สึกไม่สบายใจ
นอกจากนี้ความน่ากลัวของฮอร์กและลิงค์ก็แพร่กระจายไปในใจของทหารรับจ้างอีกครั้ง
ฮอร์กพูดเรื่องกัดลิ้นจนขาดหรือดิ้นจนตายออกมาง่ายๆราวกับปกติ แต่สำหรับคนอื่นๆนั้นมันน่าหวาดกลัวสิ้นดี
พวกเขาไม่ตายหลังจากกัดลิ้นเลือดของพวกเขาพุ่งออกจากปาก จากนั้นทั้งสองก็ดิ้นเหมือนปลาที่เกยตื้นแม้ว่าพวกเขาจะถูกมัดอยู่ก็ตาม
พวกเขาไม่สามารถพูดออกมาได้เมื่อลิ้นขาดออก พวกเขาทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้และดิ้นไปมา พวกเขาดิ้นจนกระทั่งเชือกฝังไปกับเนื้อในร่างของพวกเขา แต่พวกเขาก็หาสนใจไม่และดิ้นต่อไปจนถึงขั้นทำให้ต้นไม้สั่นไหว
แต่นั่นยังไม่หมด พวกเขาก่นด่าพวกขุนนางออกมาด้วยเสียงแปลกๆขณะที่กำลังดิ้นอยู่
เลือดไหลออกจากปากพวกเขาเมื่อพวกเขาส่งเสียงอู้อี้ออกมา และร่างกายของพวกเขาก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาเช่นกัน
พวกทหารของขุนนาง ทหารรับจ้างที่มาดูเพื่อความสนุก และเหล่าขุนนางคนอื่นที่ได้ยินข่าวของบุตรทองคำต่างก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายขณะที่มองพวกเขาถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ จากนั้นเลือดก็หยดลงมาจากเท้าพวกเขากลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ และพวกเขาก็ขาดใจตายไปในที่สุด
จากนั้นสิบนาทีต่อมาทั้งสองก็ฟื้นคืนชีพและพุ่งเข้าจู่โจมพวกทหารของขุนนางด้วยดาบ
บ้าเอ้ย! สองคนนั้นต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ!
แม้แต่พวกสาวกของลัทธิแปลกๆก็ยังคลั่งได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของพวกเขา
จากนั้นขุนนางก็สูญเสียความกล้าหาญและหนีไป
อย่างไรก็ตามบุตรทองคำทั้งสองไม่ปล่อยให้มันไปและติดตามไป
บาร์เทนเดอร์ถูกทิ้งให้ยืนสั่นอยู่คนเดียวในโรงเตี๊ยม โรแลนด์รู้ว่าฮอร์กและลิงค์ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองในเมืองนี้ไว้แล้ว
โรแลนด์วางเหรียญทองหกเหรียญลงบนโต๊ะและยิ้ม “นี่คือเหรียญทองที่เราตกลงกันไว้”
“ขอบใจมาก” ฮอว์กกระโดดลงจากโต๊ะและนั่งลงอีกครั้ง จากนั้นเขาก็จูบเหรียญทองและพูดด้วยความดีใจว่า “ในที่สุดพวกเราก็จะได้ใช้ชีวิตดีๆสักที”
“เราตกลงกันไว้ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกน่า ”โรแลนด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฮอว์กไม่คิดว่าอย่างนั้น “เอาตามจริง ผู้เล่นที่สามารถซื้อแคปซูลเสมือนจริงได้นั้นคงไม่ได้ยากจนในความเป็นจริง แต่การหาเงินในเกมนี้นั้นทำได้ค่อนข้างยาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกคนรวยจำนวนมากจึงหวังที่จะซื้อเหรียญทอง อย่างน้อยนายก็ช่วยขายให้ฉันแทนที่จะเป็นคนอื่น”
ลิงค์ก็พยักหน้า เขาเงียบมาตลอดจนถึงตอนนี้ “เกมนี้สมจริงมากถึงขนาดมีระบบเศรษฐกิจเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ”
น้ำเสียงของเขาค่อนข้างสุภาพและเหมาะกับนิสัยขี้อายของเขา
“จริงสิต่อจากนี้พวกเรามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันไหม ”โรแลนด์เสนอออกมา “ฉันน่าจะอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ไปอีกนาน หากพวกนายต้องการความสามารถทางภาษาก็มาหาฉันได้”
หลังจากนั้นโรแลนด์ก็ร่ายความสามารถทางภาษาให้กับพวกเขา “ตอนนี้ฉันอยู่เลเวลสี่ ดังนั้นความสามารถทางภาษาของฉันจึงอยู่ได้แค่สิบเอ็ดชั่วโมง มาหาฉันได้ถ้าหากพวกนายต้องการบัฟเพิ่ม”
“ขอบคุณมาก!!” ฮอว์กจับมือของโรแลนด์และเขย่าอย่างแรง “นายต้องนึกไม่ออกแน่ว่ามันทรมาณขนาดไหนที่ไม่สามารถพูดภาษาของชาวเมืองได้”
“ฉันรู้น่าว่ามันเป็นยังไง” โรแลนด์พูดอย่างเคืองๆ “ตอนที่หัวของฉันระเบิดครั้งแรกก็เพราะพยายามร่ายความสามารถทางภาษาที่เกินระดับของฉันไปนั่นแหละ”
ฮอร์กตกตะลึงชั่วครู่ก่อนหัวเราะออกมา
มื้อเย็นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้ทำความรู้จักกัน ดังนั้นพวกเขาจึงสนิทกันมากขึ้น
พวกเขาแลกเปลี่ยนข้อมูลพื้นฐานซึ่งกันและกัน
เขาพบว่าฮอร์กและลิงค์มาจากกิลด์ที่ชื่อปีกเงินซึ่งค่อนข้างมีอิทธิพลในหมู่ผู้เล่นเกมทั้งหลาย และในตอนนี้เกมเสมือนจริงเกมแรกได้เปิดตัวขึ้นเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเข้ามาสำรวจและวางรากฐาน
ฮอร์กเป็นรองกิลด์ของปีกสีเงิน
“โรแลนด์นายยังไม่มีกิลด์ใช่ไหม? นายลองเข้ากิลด์พวกเราไหม? มีสาวสวยมากมายภายในกิลด์ที่ฉันสามารถแนะนำนายได้” ฮอว์กเสนออย่างเจ้าเล่ห์
โรแลนด์ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “โทษที แต่พอดีฉันว่างแผนว่าจะสร้างกิลด์อยู่กับเพื่อนหนะ”
“น่าเสียดายจัง มันคงจะดีมากหากมีนักเวทย์คนแรกเข้ามาร่วมกิลด์กับพวกเรา!”
ฮอว์กไม่ได้พยายามตื๊อต่อ เขาเปลี่ยนประเด็นไปพูดเกี่ยวกับเรื่องของเมืองนี้
ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้โรแลนด์ได้รู้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มขึ้น
ประมาณสองชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็แยกย้ายกัน
โรแลนด์กลับไปที่หอคอยเวทมนตร์ เมื่อเห็นว่ายังเช้าอยู่เขาจึงเรียกนักเวทย์ฝึกหัดทั้งหมดไปที่ห้องทดลองที่ชั้นห้าสิบ
ในชั้นนี้มีห้องอยู่เพียงห้องเดียว เพดานและพื้นทำจากวัสดุป้องกันเวทมนตร์ที่สามารถต้านทานการระเบิดหรือการถูกทำลายเมื่อทำการทดลองเวทมนตร์ล้มเหลว
พื้นสีดำมีหลุมเล็กๆอยู่ซึ่งมันคือค่ายกลเวทย์แบบง่ายที่ถูกติดตั้งไว้เพื่อยกเลิกเวทมนตร์
โรแลนด์รู้สึกอึดอัดทันทีเมื่อเขาเข้ามาในห้องนี้ราวกับว่ามีใครสักคนใส่กุญแจมืออันหนักอึ้งให้กับเขา
เขายืนอยู่ที่ใจกลางของห้องล้อมรอบไปด้วยผู้ฝึกเวทที่จ้องมองเขาด้วยความหวังและความตื่นเต้น
เด็กฝึกงานเวทมนตร์เหล่านั้นไม่ได้โง่ เขารู้ว่ารักษาการเรียกพวกเขามาเพื่อสอนเวทมนตร์
“ฉันไม่รู้เกี่ยวกับความรู้ของพวกนาย ดังนั้นทุกคนช่วยบอกถึงเวทย์และวิธีการเรียนรู้ของพวกนายที”
นักเวทย์ฝึกหัดต่างตอบกลับออกมาด้วยเวทย์ที่พวกเขาคิดว่าใช้ได้ดีที่สุด
โรแลนด์รู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่ามีเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถใช้เวทย์ระดับศูนย์อย่างบอลแสงหรือแขนเวทย์ได้ ส่วนที่เหลือพวกเขาทำได้ดีที่สุดก็แค่สัมผัสเวทมนตร์
นอกจากนี้เวทย์ของพวกเขาก็อยู่ได้ไม่นานและให้ผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
อย่างแขนเวทย์ที่โรแลนด์สามารถควบคุมขนาดของมันได้ โดยสามารถเปลี่ยนจากมือมนุษย์ไปเป็นมือของไททันได้อย่างอิสระ
แต่แขนเวทย์ของนักเวทย์ฝึกหัดนั้น… มันคงเป็นปาฏิหาริย์ถ้าพวกเขาสามารถใช้มันยกของหนักห้าสิบกิโลได้
ต้องรู้ว่าแขนเวทย์นั้นเป็นเวทย์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้นักเวทย์สามารถหยิบจับสิ่งของต่างๆ
เนื่องจากร่างกายของนักเวทย์นั้นค่อนข้างอ่อนแอ พวกเขาจึงต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก
แขนเวทย์ของโรแลนด์สามารถรับน้ำหนักได้กว่าสามตันในตอนนี้
ช่องว่างระหว่างพวกเขาใหญ่เกินไป
โรแลนด์ถอนหายใจกับการร่ายเวทย์ที่แสนน่าเบื่อของนักเวทย์ฝึกหัด “ฉันจะเริ่มจากสอนแขนเวทย์ให้พวกนายแบบละเอียด”
นักเวทย์ฝึกหัดเกือบทั้งหมดรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
โดยปกติที่นักเวทย์มักจะดูถูกเวทย์ระดับศูนย์
พวกนักเวทย์ฝึกหัดก็ไม่ต่างกัน
เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของพวกเขาโรแลนด์ยิ้มก็ยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าพวกนายจะไม่เข้าใจจนกว่าฉันจะแสดงให้เห็น”