หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 73
จริงๆแล้วสโมสรเกมพวกนี้รวยขนาดไหนกันแน่
โรแลนด์ไม่มั่นใจในเรื่องนี้นัก ทว่าเขาก็รู้ว่าพวกเกมเมอร์ส่วนใหญ่ที่รวยๆนั้นมักจะมาจากสโมสรเกม หรือกระทั่งบางคนอาจจะเป็นผู้สร้างสโมสรเกมขึ้นเองด้วยซ้ำ
พวกคนรวยพวกนี้มักจะเป็นมหาเศรษฐีในชีวิตจริง ทว่าพวกเขาไม่สามารถหาสิ่งที่ตื่นเต้นทำได้ พวกเขาไม่สูบบุหรี่หรือเล่นการพนัน พวกเขาทำเพียงแค่ลงเงินไปกับเกมออนไลน์เท่านั้น
พวกเขายอมจ่ายเพื่ออุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมในราคากว่าแสนเหรียญอย่างง่ายดายราวกับกินข้าวหรือดื่มน้ำ
โรแลนด์เคยได้ยินข่าวที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือได้ว่า ในเกมเทิร์นเบสซึ่งมีเนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากการเดินทางสู่ตะวันตกนั้น มีผู้เล่นที่ร่ำรวยบางคนยอมจ่ายกว่าล้านเหรียญเพื่ออุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งไม่มีข้อจำกัดด้านเลเวลและการันตีคริติคอลจากบ้านประมูล
และจากคำพูดที่ผู้เล่นที่ร่ำรวยคนนี้บอกไว้ เขาหมดเงินไปกับเกมนี้กว่าสิบล้านหยวนแล้ว
นี่เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มของผู้เล่นที่ร่ำรวยภายในเกม
เศรษฐีคนนี้นั้นเป็นผู้เล่นเดี่ยวในขณะที่มีเศรษฐีบางคนเลือกที่จะรับสมัครผู้เล่นคนอื่นๆและสร้างเป็นกลุ่มองค์กรณ์เล็กๆโดยมีตนเองเป็นศูนย์กลาง และถ้าหากว่ามันได้รับการจัดการที่ดีพอละก็จากองค์กรณ์มันก็จะเปลี่ยนเป็นสโมสรเกม
เมื่อได้ยินคำพูดของฮอร์ก โรแลนด์ก็รู้ได้ทันทีว่าหัวหน้าของสโมสรเกมปีกสีเงินนั้นก็เป็นเศรษฐีเช่นเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจาณาจากการซื้อเหรียญทองของฮอร์กก่อนหน้านี้ หมอนี่ก็น่าจะเป็นคนรวยเหมือนกัน
“แต่ฉันไม่มีเหรียญทองมากมายในทุกเดือนหรอกนะ” โรแลนด์กล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ทว่าฮอร์กกลับหัวเราะ “ก็ใช่ ตอนนี้นายอาจจะไม่มีเงินมากนัก ทว่านายจะมีเงินมากมายในอนาคต ตราบใดที่มีนักเวทย์อยู่ พวกนั้นจำเป็นต้องจ่ายเหรียญทองให้แก่นายเป็นเครื่องบรรณาการ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ในอนาคตบางทีนายอาจจะเป็นคนที่รวยที่สุดในเกม”
จ่ายบรรณาการงั้นเหรอ…ฟังดูน่าอายเป็นบ้า
โรแลนด์ครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “ก็ได้ถ้าในอนาคตฉันมีเหรียญทองมากมายจริงๆฉันจะขายให้พวกนายในราคาตลาด”
เมื่อเห็นว่าโรแลนด์ตอบตกลงฮอร์กก็หัวเราะอย่างมีความสุขและกล่าวว่า “ขอบใจมากและยินดีที่ได้ร่วมมือกับนายนะ อ้อจริงสิ หัวหน้าของพวกเราขอให้ฉันชวนนายเข้ากิลด์ปีกสีเงินอีกครั้งน่ะ พวกเราสามารถเจรจาเรื่องเงินกันได้นะ”
“โทษทีนะแต่พอดีฉันมีกิลด์แล้ว”
ทันใดนั้นการแสดงออกของฮอร์กก็กลายเป็นสับสนทันที มีไม่กี่สโมสรกิลด์ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในโลกแห่งเกม พวกเขานั้นอยู่ในระดับกลางๆ ไม่มีชื่อเสียงมากนักทว่าก็มีตัวตนอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามหัวหน้ากิลด์ของพวกเขานั้นมีความสามารถในการคาดเดาอนาคตที่แข็งแกร่ง เขารู้สึกได้ว่าเกมนี้เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงได้กว้านซื้อแคปซูลเสมือนจริงเอาไว้ให้เพื่อสำหรับผู้เล่นหลายคนภายในสโมสร
ในขณะที่หลายๆสโมสรคิดว่าเพนกวินคอโปเรชั่นนั้นน่าจะโฆษณาอย่างเกินจริงและหลอกลวง พวกเขาก็ได้รวบรวมคนไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาหาเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งจากนั้นก็เช่าตึกขนาดใหญ่ไว้เป็นสาขาใหญ่ของสโมสรอย่างชั่วคราว สมาชิกทั้งหมดที่มีแคปซูลเสมือนจริงต่างอาศัยอยู่ที่นั่น
ทุกคนต่างเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่ม
ตามความคิดแบบเดิมของหัวหน้ากิลด์คือการใช้ประโยชน์จากการรวมตัวกันเพื่อทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่หรือการยึดทรัพยากรภายในเกม
อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคาดคิดว่าจุดเกิดของผู้เล่นทุกคนจะถูกสุ่ม
ยิ่งไปกว่านั้นคือพื้นที่ภายในเกมนั้นกว้างเป็นอย่างมาก
สมาชิกหลายร้อยคนต่างกระจัดกระจายไปทั่วดินแดนฮอลเลวิล ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงยังไม่ได้เริ่มทำอะไรสักที
“กิลด์อะไรงั้นเหรอ?” ฮอร์กอดไม่ได้ที่จะถาม
“F6!”
“โอ้!” ฮอร์กถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ไม่ใช่ศัตรูของพวกเขาโบสถ์แห่งกาแลนด์ จากนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ “เดี๋ยวนะ F6 กิลด์แรกภายในเกมงั้นเหรอ?”
โรแลนด์พยักหน้า
ในขณะนี้เองฮอร์กก็ราวกับสูญเสียอะไรบางอย่าง
การปรากฏตัวของกิลด์ F6 ทำให้หลายคนในโลกของสโมสรเกมสับสน พวกเขาสงสัยว่ากิลด์นี้นั้นอยู่ในเกมไหนกันแน่ ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน
บางสิ่งที่กิลด์ขนาดใหญ่เช่นพวกเขายังไม่สามารถทำได้ กิลด์เล็กๆนี้ทำได้ยังไง?
ก็แค่โชคดีหรือแข็งแกร่งอย่างแท้จริง? มีหลายความคิดปรากฎขึ้นมา
หลังจากเงียบไปพักหนึ่งฮอร์กก็พูดอย่างหน้าด้านขึ้นมาว่า “ในเมื่อนายเป็นคนของ F6 แล้วพวกเขาก็เป็นเพื่อนกันใช่ไหม นายช่วยเปิดเผยวิธีที่พวกนายสร้างกิลด์และทำยังไงถึงสร้างกิลด์ได้เร็วขนาดนี้ทีได้ไหม? แล้วก็ถ้าไม่ว่าอะไรกิลด์มีฟังก์ชั่นพิเศษอะไรบ้าง?”
สำหรับโรแลนด์ฮอร์กนั้นไม่เลวเลยทีเดียว ผู้เล่นคนนี้บางทีอาจจะดีพอที่จะสานสัมพันธ์ไว้
นอกจากนี้นี่ก็ไม่ใช่ความลับที่สำคัญอะไร เพราะถึงยังไงพวกเขาก็ได้รับเกรียติยศสำหรับการเป็นผู้ก่อตั้งกิลเป็นกลุ่มแรกเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้บางทีการทำให้ฮอร์กติดบุญคุณไว้อาจจะมีประโยชน์มากกว่า
จากนั้นโรแลนด์ก็เล่าสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับกิลด์ให้ฮอร์กฟัง
หลังจากที่ฮอร์กฟังจบเขาก็ลุกขึ้นยืนทันทีและกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับข้อมูลของนาย ฉันขอตัวกลับก่อนเพื่อสส่งข้อมูลให้กับกิลด์ ขอตัวก่อนนะ”
โรแลนด์โบกมือลา
ฮอร์กหันและจากไปโดยไม่รอช้า
ตอนนี้นอกเหนือจาก F6 แล้ว ก็มีเพียงปีกสีเงินเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับความจริงที่ว่ากิลด์มีฟังก์ชันการสื่อสาร
ฟังก์ชั่นนี้มีความสำคัญมากอย่างน้อยในมุมมองของฮอร์ก มูลค่าเชิงกลยุทธ์ของมันก็เทียบเท่ากับออกคำสั่งระยะไกล มันจำเป็นต้องได้รับอย่างรวดเร็วที่สุด
หลังจากรอให้ฮอร์กออกไปโรแลนด์ก็ส่ายหัวออกมา
เขาใช้ฟังก์ชั่นแชทของกิลด์อยู่เสมอ แต่ด้วยความที่ว่าสมาชิกของ F6 คุ้นเคยกันมาก ดังนั้นถ้าไม่สำคัญจริงๆพวกเขาไม่มีทางที่จะคุยกันไม่หยุด
พวกเขาจะทิ้งเฉพาะข้อมูลหรือข้อความที่ค่อนข้างสำคัญไว้ในห้องสนทนา
ตัวอย่างเช่น…ราฟเทลเห็นทาสเอลฟ์ในเมืองเมื่อสองวันก่อน เขาถามว่าชัคและเบทต้าว่า “คนรวย” พวกนายต้องการซึ้อพวกเธอไหม พวกเธอสวยมาก
ในไม่ช้าหลี่หลินก็รีบไปหาราฟเฟิล – ทั้งสองคนนั้นเกิดค่อนข้างใกล้กัน และในวันที่สองที่คำว่า “เจ๋ง” ถูกทิ้งไว้บนอินเทอร์เฟซของแชทกิลด์
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเขาก็ทิ้งข้อความไว้อีกว่า “ฉันเห็นว่าทาสเอลฟ์หญิงคนนี้ค่อนข้างน่าสงสารฉันจึงปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้ว”
คนที่เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทองนั้นล้วนแต่อยากลิ้มลองของใหม่อยู่ตลอด
ในเวลานั้นโรแลนด์ถามโดยสัญชาตญาณว่า “นายใช้เงินไปกี่เหรียญทองเพื่อซื้อทาส?“
“แปด!”
อ่า…โรแลนด์เองก็ไม่เข้าใจโลกของคนรวยเช่นกัน
โรแลนด์เปิดห้องแชทของกิลด์อีกครั้ง แม้ว่าจะมีข้อความอีกสองสามข้อความ แต่ก็ไม่มีข้อความไหนที่เกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นเขาจึงศึกษาความสามารถทางภาษาต่อ
ในครั้งนี้เขาต้องการผสานความสามารถทางภาษาและความสามารถทางอักขระเข้าด้วยกัน
ไม่อย่างงั้นมันก็จะกลายเป็นว่า เขาสามารถเข้าใจคำพูดได้แต่ไม่สามารถอ่านได้ หรือสามารถอ่านได้แต่ไม่เข้าใจคำพูด การที่ต้องร่ายเวทย์กลับไปกลับมานั้นถือว่าเป็นปัญหาอย่างใหญ่หลวง
เมื่อได้ผลประโยชน์จากผนึกพลังแห่งโรแลนด์ ในตอนนี้เขาสามารถฟื้นฟูพลังจิตได้อย่างรวดเร็ว
และด้วยจำนวนการทดลองที่มากขึ้นก็ทำให้การทำงานของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับการผสนเวทย์มนตร์วิเวียนก็เข้ามาอีกครั้ง
“ขออภัยค่ะ ท่านจอห์นจากสภานายกอยากพบท่าน”
โรแลนด์เงยหน้าขึ้น เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก วันนี้มันวันอะไรกัน? ทำไมถึงมีแต่คนอยากเจอเขา
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องไปพบกับจอห์น
ท้ายที่สุดเขาก็เป็นขุนนาง
หลังจากผ่านไปหลายนาที จอห์นก็นั่งลงในห้องวิจัย จากนั้นเขาก็สำรวจดูโรแลนด์อย่างครุ่นคิดหลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “มิสเตอร์โรแลนด์การที่จะพบเจอคุณนั้นช่างยากลำบากเสียจริง”
โรแลนด์ขมวดคิ้วกับคำพูดนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่คำพูดเหล่านั้นก็มีคำตำหนิอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ เขามองไปที่ชายอีกคน พร้อมยิ้มบางๆออกมาก่อนจะตอบไปว่า “มิสเตอร์จอห์นถ้าคุณหมายถึงเรื่องงานเลี้ยงนั่นต้องขออภัยด้วย พอดีฉันมีปัญหานิดหน่อยเกี่ยวกับเวทมนตร์ ฉันเลยไม่ได้มีอารมณ์ที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยง”
“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น” จอห์นมีดวงตาสีฟ้าและผมสีบลอนด์เขาดูหล่อเหลามาก แต่เมื่อเทียบกับชัคแล้วเขายังห่างอีกหลายชั้น “ข้าแค่อยากจะบอกว่ามิสเตอร์โรแลนด์เป็นเวลานานแล้วที่คุณมาที่เดลพอนแห่งนี้ แต่คุณมักจะอยู่ในหอคอยเวทมนตร์นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักเวทที่ดีควรทำ”
โรแลนด์สะดุ้งไปชั่วขณะ “แล้วนักเวทย์ที่ดีควรทำตัวยังไงล่ะ?”