หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 8
ท้ายที่สุด โรแลนด์ก็จัดการมื้อนี้เสร็จอย่างลำบากด้วยส้อมและมีด แม้ว่าเขาจะรู้สึกยินดีกับของขวัญที่ชาวบ้านเตรียมไว้ให้เขา แต่พูดตรงๆ อาหารนั้นไม่ได้รสชาติดีนัก มันน่าจะสุกเกินและมีอะไรผิดเพี้ยนในสูตร
สเต็กปลากับเห็ด และ ไก่ฟ้ากับมะเขือเทศนึ่ง…. โรแลนด์คงจะคว่ำโต๊ะทิ้งแน่ๆถ้ามันมาเสิร์ฟในร้านอาหารจริงๆ ทว่าเมื่อเขาอยู่ในเกม เขาก็ต้องรับกับมันให้ได้
นอกจากนี้ส้อมและมีดยังทำมาจากไม้ มันทื่อจนทำให้โรแลนด์รู้สึกลำบากในมื้ออาหารแสนสุขของเขา อันที่จริงแล้วภายในเกมนี้มีเพียงแค่ผู้มีอิทธิพลและเหล่าขุนนานเท่านั้นที่จะมีมีดและส้อมเหล็ก
แม้กระทั่งจานยังทำจากไม้ มันคาดเดาถึงความยากจนของเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้ไม่ยาก ครอบครัวของเด็กสามคนนั้นคงต้องพยายามอย่างมากในการทำมื้ออาหารอันยอดเยี่ยมให้โรแลนด์
หลังจากมื้อเที่ยง ดีบัฟอ่อนแรงของโรแลนด์ก็หายไป โรแลนด์รู้สึกกระฉับกระเฉงและเต็มไปด้วยพลังงานอีกครั้ง
มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด เมื่อตอนเขาอยู่ในสถานะอ่อนแรง ราวกับทั้งร่างถูกปิดไว้ด้วยม่าน ทว่าเมื่อสถานะอ่อนแรงหายไป ไม่เพียงแต่ม่านนั้นจะหายไป แต่ทุกอย่างกลับดูสว่างไสวยิ่งกว่าเดิมราวกับมีสปอตไลท์ส่องลงมายังบนโลก
ตอนนี้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก และสบายใจขึ้น โรแลนด์เริ่มสังเกตกระท่อมของตัวเองด้วยความสนใจ ภายในตัวบ้านมีพื้นที่ราวๆ 30 ตารางเมตร นอกจากเสาหลักของตัวบ้านที่ทำจากไม้แล้ว บ้านทั้งหลังถูกสร้างขึ้นจากหญ้าแห้ง แม้กระทั่งพื้นของตัวบ้านก็ยังทำมาจากหญ้า
หญ้าแห้งเป็นสีเหลืองทองและยังคงมีกลิ่นของแสงอาทิตย์ ในความเป็นจริงบ้านแบบนี้คงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ทว่าที่นี่มันก็เป็นเพียงแค่กระท่อมธรรมดา
ตู้เสื้อผ้าและเตียงก็เรียบง่าย พวกมันประกอบจากแผ่นไม้หลากหลายแผ่นและมีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของงานไม้อยู่
โรแลนด์รู้สึกขอบคุณพวกชาวบ้านเป็นอย่างมาก เขาคงต้องเสียเวลาเป็นวันถ้าเขาต้องสร้างมันขึ้นมาเอง ทว่าพวกชาวบ้านกลับทำเสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ตอนนี้เขาก็มีที่พักแล้ว โรแลนด์จึงไม่รีบร้อนไปที่เมืองอีกแต่อย่างใด เขาตัดสินใจจะอยู่ที่นี่และหางานเพื่อเลี้ยงชีพก่อน เขาคงจะยังไม่ออกเดินทางไปไหนจนกว่าจะคุ้นชินกับเวทย์ทั้งสามของเขาก่อน
นอกจากนี้เขาอาจจะถูกฆ่าอีก ถ้าพบกับสัตว์ประหลาดแบบเจ้าแมงมุมยักษ์นั้น
โรแลนด์นอนพักอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปทางด้านหลังของโบสถ์ เพื่อฝึกร่ายเวทย์
เขาเรียกหนังสือเวทมนตร์จากระบบ และมองไปที่เวททั้งสามของเขา
บอลเพลิงนรก (เวทย์ระดับ 1)
มือเวทมนตร์ (เวทย์ระดับ 0)
ความเข้าใจทางภาษา (เวทย์ระดับ 2)
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเปิดใช้งานบอลเพลิงนรก เหมือนกับครั้งแรกที่เขาใช้ความเข้าใจทางภาษา วงกลมประหลาดที่เต็มไปด้วยจุดสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาหัว จุดเริ่มต้นนั้นดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่าจุดอื่นๆ กำลังกระจายเส้นสีแดงไปยังจุดอื่นๆ
เหมือนกับครั้งแรก เส้นสีแดงแตกออกหลักจากสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ต่างกันตรงที่ผลกระทบเบากว่าครั้งที่แล้วมาก หัวของเขาไม่ได้ระเบิดออก เขายังคงมีชีวิตอยู่มีเพียงแค่อาการปวดหัวเล็กน้อย
“เกมนี้แม้งโคตรสมจริง น่าท้าทายมาก” โรแลนด์ช่วยไม่ได้ที่จะวิจารณ์ออกมา “แล้วนักเวทจะอยู่กันยังไงละเนี่ย ถ้าแม้งร่ายเวทย์ยากขนาดนี้?”
แต่ก็ทำได้เพียงแค่บ่น สุดท้ายเขาก็ทดลองซ้ำอีกหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งที่อาการปวดหัวหายไป แต่ก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดี ผ่านไปกว่าสิบนาทีความพยายามของเขาก็ยังคงล้มเหลว
หลังจากร่ายเวทย์ซ้ำๆนับสิบครั้ง จมูกของโรแลนด์ก็เริ่มจะมีเลือดไหลออกมา ทว่าโรแลนด์กลับเพียงแค่ปิดจมูกและหัวเราะออกมาเบาๆ เป็นเรื่องจริงสินะที่เขาว่ากันว่าความล้มเหลวเป็นมารดาของความสำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะยังร่ายเวทย์ไม่สำเร็จ ทว่าเขาก็ได้ค้นพบสิ่งที่คาดไม่ถึง
ทันใดนั้นรัศมีอันสว่างไสวก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของโรแลนด์และครอบคลุมตัวเขา ในไม่ช้าความเจ็บปวดในหัวของเขาก็ถูกบรรเทา เขาหันหลังกลับไปก็พบกับฟอคเคิลกำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“ขอบคุณครับ” โรแลนด์โบกมือไปให้ชายชรา
ฟอคเคิลเดินเข้ามาใกล้โรแลนด์ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ทว่าภายในใจเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาสามารถบอกได้ว่าทันทีว่าโรแลนด์นั้นทั้งฉลาดและเกิดมาเพื่อเป็นนักเวทย์โดยแท้ ทว่าศักยภาพของชายตรงหน้าก็ยังคงเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้
โดยทั่วไปแล้วแล้ว นักเวทย์ส่วนมากจะต้องพักมากกว่า 3 วัน หากพวกเขาร่ายเวทย์พลาด 2-3 ครั้งติดต่อกัน ไม่อย่างนั้นสมองพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าชายหนุ่มคนนี้พลาดไปกี่ครั้งกันแล้ว? ไม่ต่ำกว่า 15 ครั้งแน่นอน เท่าที่เขาเห็น ทว่าเขาก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังถึงแม้ว่าเลือดกำเดาเขาจะไหลอยู่ก็ตาม
พวกบุตรทองคำเป็นสัตว์ประหลาดแบบนี้กันหมดรึเปล่า?
“เจ้าพบอะไรบ้างไหม?” ฟอลเคิลระงับความตกใจของตนไว้ ก่อนถามออกมาด้วยเสียงต่ำ
“ผมรู้แล้วว่าเวทมนตร์คืออะไร”
โรแลนด์กางแขนออกมา และบอลโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา มันดูสวยงามมาก
“พลังงานเวทย์ธาตุไฟ” ฟอลเคิลพึมพำออกมาอย่างอิจฉาและปรารถนา แต่ไม่นานนักเขาก็ระงับอารมณ์ตัวเองลงได้ “ตอนนี้เจ้าเข้าใจเกี่ยวกับพลังเวทย์แล้ว คงจะอีกไม่นานที่จะสามารถร่ายเวทย์ได้”
ทว่าโรแลนด์กลับถอนหายใจออกมา “มันมีจุดมากเกินไปในคาถา ผมคงไม่สามารถจำได้หมดแม้ว่าจะสามารถใช้เวทมนตร์ได้ก็ตาม นอกจากนี้จุดที่ต่างกันก็ให้ผลลัพธ์กับเวทมนตร์ต่างกัน”
ความผิดพลาดของเขาไม่เพียงแต่สอนวิธีการใช้เวทมนตร์ให้แก่เขา แต่ว่ามันยังช่วยทำให้เขารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจุด ทว่าปัญหามันคือมันมีจุดมากเกินไป และมันก็ยังยากที่จะคุมการไหลเวียนของพลัง ซึ่งยิ่งทำให้การร่ายเวทย์ยากยิ่งขึ้นไปอีก
ฟอลเคิลหันกลับไป เขาไม่ต้องการจะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป สิ่งสุดท้ายที่คนธรรมดาอยากจะเห็นก็คงเป็นอัจฉริยะที่เติบโตอย่างรวดเร็วจนพวกเขาต้องอิจฉา ทว่าตามคำสอนของเทพธิดาแห่งชีวิต ความริษยานั้นเป็นบาป
แม้ฟอลเคิลจะเดินจากไปแล้ว แต่เสียงเขาก็ยังคงลอยมาจากที่ไกลอย่างเศร้าสร้อย
“นักเวทย์ฝึกหัดนั้นต้องเริ่มจากท่องบทเวทย์เพื่อร่ายเวทย์”
โรแลนด์แข็งทื่อไปในทันทีราวกับถูกฟ้าผ่า เขาเข้าใจแล้ว
เขาหยิบกิ่งไม้และเริ่มวาดตำแหน่งของจุดต่างๆบนพื้น เขาสังเกตมันอย่างตั้งใจอยู่สักพัก ก่อนจะเริ่มนับจำนวนจุดทั้งหมด เขาเริ่มเข้าใจมันแล้วในตอนแรกแต่หลังจากนั้นเขาก็เงียบไป ในท้ายที่สุดเขาก็โมโหออกมา
เขาโยนแท่งไม้ทิ้งก่อนก่นด่าไปบนท้องฟ้าว่า “ไอพวกหัวกรวยเอ้ยยย นี่มันสูตรคณิตไม่ใช่รึไง? มันจำเป็นรึไง? ที่แกต้องทำออกมาให้ซับซ้อนขนาดนี้? ฉันแค่ต้องการเล่นเกม! พวกแกเกลียดอะไรนักเวทย์กันแน่?”