หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 91
กลางดึกสนิท บาร์ดนั่งอยู่ตรงระเบียงห้องของเขาและจ้องมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว
แสงเทียนที่อยู่ในห้องส่องสว่างมาจากทางด้านหลังของเขา แสงส่องลงบนแก้วราคาแพงในมือของเขา
ไวน์ผลไม้สีเหลืองใสสะท้อนแสงที่สวยงามน่ารับประทาน แต่แก้วไวน์นั้นสั่นไม่หยุดหย่อนทำให้ไวน์กระเพื่อม
มือของบาร์ดนั้นสั่นอยู่
รอยยิ้มที่ครุ่นคิดของโรแลนด์และบุตรทองคำอีกสองคนที่ทำแบบเดียวกันยังปรากฎต่อหน้าเขาในตอนนี้
“ฉันรู้ว่ายังมีขุนนางดีๆอยู่อีกมากมาย เหมือนอย่างนายไงมิสเตอร์บาร์ด”
คำพูดเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจของเขา
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมโรแลนด์และบุตรทองคำอีกสองคนถึงยิ้มแบบนั้น!
นั่นคือรอยยิ้มที่จะปรากฎออกมาเมื่อพบเหยื่อที่อ่อนแอ
เหยื่อ!
คนที่อ่อนแอ!
คำพูดและท่าทางเหล่านั้นยังคงวนเวียนและถึงขั้นฝังลึกไปยังสมองของบาร์ด เขานั้นอยากที่จะโกรธ คำราม และทุบแก้วที่ราคาแพงอย่างน่าขันในมือของเขาเป็นชิ้นๆ
อย่างไรก็ตามความกลัวที่สั่นสะท้านไปทั่วทั้งจิตวิญญาณของเขาได้บังคับให้ตัวเขานั้นระงับความโกรธและปล่อยผ่านมันไป
แม้กระทั่งตอนที่เขาทำให้เจ้าชายที่สี่ขุ่นเคืองเมื่อสามปีก่อน เขานั้นยังไม่กลัวมากถึงขนาดนี้
ทั้งสามคนนั้นต้องการฆ่าเขาอย่างแท้จริง พวกนั้นแค่กำลังรอให้เขาพลาดเท่านั้นนั้นเอง
ในสายตาของพวกนั้นไม่ได้มีความเคารพต่อขุนนางเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้กระทั่งเกรงกลัวอำนาจต่างๆ นับประสาอะไรกับความกลัว
มีบุตรทองคำอยู่ทั้งหมดกี่คนกันแน่?
หากมีจำนวนน้อยพวกนั้นก็จะไม่มีอิทธิพลมากนักแม้ว่าพวกนั้นจะสามารถคืนชีพได้เรื่อยๆทว่าอิทธิพลของพวกนั้นก็น้อยเกินไปอยู่ดี
ทว่าหากมีอยู่จำนวนมากละก็…พวกขุนนางคงพบกับปัญหาใหญ่ขึ้นในอนาคต
มีกระทั่งความเป็นไปได้ที่ว่าพวกเขาจะถูกกดดันให้ลงไปเป็นสามัญชนและพวกบุตรทองคำเหล่านั้นก็จะขึ้นเป็นขุนนางกลุ่มใหม่แทนเสียเอง
ด้วยความคิดนี้ที่อยู่ในใจ ทำให้บาร์ดตั้งคำถามกับตัวเองว่าตัวเขานั่นกลัวเกินไปหรือคิดมากเกินไปเองหรือเปล่า
อย่างไรก็ตามมือของเขานั้นก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้และสัญชาตญาณของเขาก็ร้องเตือนว่าความคิดของเขานั้นน่าจะถูกต้อง
“ข้าคงเป็นบ้าไปแล้วสินะ!”
ในทางหนึ่งบาร์ดคิดว่ามันเป็นไปได้ ทว่าในอีกทางหนึ่งจิตใต้สำนึกของเขาบอกเขาว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต
เขาวิตกกังวลกับความคิดทั้งสองที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ในตอนนี้
“เจ้าจะเป็นบ้าไปได้ยังไงกัน?”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลังของบาร์ด
บาร์ดไม่ได้หันกลับมาเขาเพียงแค่มองไปข้างหน้าและถามออกมาว่า “เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”
“ก็เจ้าไม่ได้ล็อกประตูไว้” นักเวทย์ที่เป็นขุนนางอีกคนหนึ่งที่มาที่นี่พร้อมกับบาร์ดเดินเข้ามาและยืนอยู่ข้างๆบาร์ดและมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนเช่นเดียวกับที่บาร์ดนั้นทำ แต่เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันสวยงามเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็ถามบาร์ดอย่างสงสัยว่า “เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า? เจ้าดูท่าทางแปลกๆนะ”
“วันนี้มันมีอะไรเกิดขึ้นนิดหน่อย” บาร์ดไม่รู้ว่าจะบอกสหายของตนอย่างไรเพราะเขากลัวจะถูกหัวเราะเยาะหากเขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
ขุนนางหนุ่งมองไปที่เพื่อนของเขาด้วยความประหลาดใจและถามว่า “แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อไปล่ะ?”
ไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ! บาร์ดถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย “ข้าจะไปที่หอคอยเวทย์ในวันพรุ่งนี้เพื่อดำเนินการรับรองความถูกต้องกับโรแลนด์ จากนั้นข้าจะรีบกลับไปเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด”
ขุนนางหนุ่มขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ตอนบ่ายวันนี้เจ้ายังพยายามจะทำให้โรแลนด์อับอายอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมท่าทีที่ข้าเห็นถึงเป็นเปลี่ยนไปเป็นหดหู่แบบนี้กัน?”
หดหู่? ก็ยังดีกว่าไปรนหาที่ตายละกัน บาร์ดถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “หลังจากวันพรุ่งนี้ในระหว่างที่พวกเราเดินทางกลับเมืองหลวงข้าจะบอกสิ่งที่ข้าคิดให้เจ้าฟัง และทางที่ดีเจ้าควรพยายามไม่หัวเราะข้าไว้ดีกว่า”
นักเวทย์ขุนนางหนุ่มพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ช่างลึกลับเสียจริงนะ ลืมไป! ยังไงเจ้าก็เป็นผู้ตรวจสอบและยืนยันอยู่แล้วนี่ ข้านั้นมาที่นี่ก็เพื่อเที่ยวเล่นเฉยๆ ข้าจะทำตามใจเจ้าละกัน”
บาร์ดยิ้มจางๆ ทว่ารอยยิ้มของเขานั้นดูขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง
โรแลนด์กลับไปที่บ้านของเบทต้า
หญิงสาวสองคนยังคงร้องไห้อยู่ดวงตาของพวกเธอบวมเปล่งราวกับลูกพีช พวกเธอนั้นจ้องมองมาทางเขาด้วยความคาดหวัง
“พ่อแม่ของพวกเธอปลอดภัยดี” โรแลนด์พยักหน้าและพูดว่า “ตอนนี้พวกเขานั้นน่าจะอยู่ที่บ้านแล้ว แต่ถึงยังไงฉันก็แนะนำให้พวกเธอออกไปจากเมืองนี้อยู่ดี เพราะพวกเรานั้นยังไม่ทราบถึงตัวจริงของฆาตรกร”
หญิงสาวทั้งสองคนก้มหัวให้เขาและรีบออกจากบ้านของเบทต้าไปในทันที
ในขณะเดียวกันเบทต้าก็หยิบถั่วทอดเค็มจานหนึ่งจากในครัวพร้อมกับไวน์และวางมันลงบนโต๊ะ “พี่บอกผมหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“นายถึงขั้นเตรียมกับแกล้มมาพร้อมเพื่อคุยเลยรึไง?” โรแลนด์ยิ้มและนั่งลงดื่มไวน์ก่อนจะพูดว่า “เมื่อพวกเราไปถึงที่หมาย ตัวการนั้นก็ถูกฆ่าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าพี่ก็จำคนที่เป็นคนฆ่าตัวการทิ้งได้ เป็นบาร์ดจากเมืองหลวง”
“เขาต้องการลบหลักฐานทิ้งงั้นเหรอ?” เบทต้าถามออกมา
โรแลนด์ส่ายหัว “ไม่หรอก ก่อนที่เขานั้นจะมาที่เดลพอนสาวใช้ของนายก็เจอเข้ากับเหตุการณ์นั้นเสียแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่พยายามสืบการกระทำของพวกเราและจัดการให้เสร็จก่อนพวกเราก้าวหนึ่งเพื่อให้พี่ได้อับอาย”
“หมอนั้น…เป็นพวกมีปัญหา?” เบทต้ากินถั่วไปขมวดคิ้วไป
“คนธรรมดาอย่างพวกเราจะเข้าใจนายน้อยแห่งตระกูลผู้ดีได้ยังไงกัน” โรแลนด์จำได้ว่าบาร์ดกลัวพวกเขาทั้งสามมากและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา “ก่อนที่บาร์ดจะจากไปเขาบอกเราว่าหัวหน้าของพวกกลุ่มอาชญากรรมสารภาพว่าเขาเป็นคนก่อเหตุทุกอย่าง ตามหลักแล้วเรื่องนี้ก็น่าจะจบลงเพียงเท่านี้”
“แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแพะรับบาปชัดๆ?” เบทต้าพูดต่อไป
โรแลนด์พยักหน้า “พวกเราเดาไว้ว่าลิซ่านั้นน่าจะถูกดาบน้ำแข็งแทงทะลุเข้าไปที่ร่างกายนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่มีรอยเลือดอยู่ในที่เกิดเหตุ หัวหน้าของอันธพาลคนนั้นอ้วนเขาและเขาน่าจะเป็นพวกใช้กำลังมากกว่าใช้สมอง ยิ่งไปกว่านั้นพี่ไม่รู้สึกถึงสัญญาณบ่งบอกใดๆหรือแม้แต่เศษเสี้ยวพลังเวทย์ในตัวเขา”
เบทต้านั้นหงุดหงิดออกมา “ถึงทางตันอีกแล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่หรอกมันมีทางใหม่มาแทนต่างหาก” โรแลนด์หัวเราะ “เดิมที่นั้นบาร์ดไม่ได้สนใจพวกเรามากนัก เขาเป็นคนที่หยิ่งผยองและพยายามที่จะปฎิเสธข้อดีต่างๆของพี่ แต่จู่ๆเขาก็มาถามว่าพวกเราเป็นบุตรทองคำหรือเปล่าเหมือนกับว่าเขาพึ่งรู้ความจริงเมื่อไม่นานมานี้ มีคนบอกข้อมูลเกี่ยวกับพวกเราให้เขาฟังอย่างละเอียดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา”
เบทท้าเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะคิดตามโรแลนด์ทัน “สถานที่ที่บาร์ดพึ่งไปพักมาก็คือ…?”
“คฤหาสน์ไง!” โรแลนด์กล่าว “นายกของเมืองนี้ออกเดินทางไปพร้อมกับทหารของเขาแล้วใครกันที่เป็นผู้รับผิดชอบปราสาทในตอนนี้? ใครเป็นคนบอกเขาเกี่ยวกับพวกเราบุตรทองคำ”
ดวงตาของเบทต้าสว่างขึ้น “เขามีร่องรอยของพลังเวทย์รึเปล่าครับ?”
“แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนมันเอาไว้ แต่พี่ก็ยังรู้สึกได้ว่ามันมีอยู่!” นิ้วของโรแลนด์แตะเบาๆที่ขอบแก้วไวน์ ประกายความหวังปรากฎขึ้นในสายตาของเขา “เดิมทีพี่คิดว่าอัลโด้น่าจะเป็นผู้ร้ายมากกว่า แต่ตอนนี้จอห์นก็กลายเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของพี่เช่นกัน”
เบทต้าหายใจเข้าลึก “ชายคนนั้นมีชื่อเสียงที่ดีในหมู่สามัญชนและหลายคนกล่าวว่าเขาเป็นขุนนางที่มีจิตใจดีงาม”
“นั้นมันก็การกระทำแบบผิวเผินเท่านั้น” โรแลนด์หัวเราะเยาะกับคำพูดนั้น “พี่บอกวิเวียนไปว่าถ้าเขาเป็นห่วงประชาชนจริงๆ เขาจะมุ่งเน้นไปที่การลดจำนวนขอทานภายในเมืองและรักษาความปลอดภัยของเมืองแทนที่จะทำตัวเพิกเฉยกับความจริงที่ว่ามีขุนนางบางคนกินหัวใจของประชาชน”
“ผมจะจับตาดูเขาไว้” เบทต้าเคาะแก้วไวน์ในมือของเขาลงบนโต๊ะ