หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 1 จำต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้หรือ
ตอนที่ 1 จำต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้หรือ ?
“เจอแล้ว ! หาเจอแล้ว ! น้าหวง เจ้าเด็กโง่ลูกของน้าตกลงไปในสระน้ำ ! ” ซัวถัววิ่งออกมาจากพุ่มไม้พร้อมยกแขนขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าพลางตะโกนเสียงดังลั่น
“อยู่ที่ใด ? ลูกของข้าอยู่ที่ใด ? ”
“ท่านดูด้านนั้นสิ ! คนที่ลอยอยู่ในสระน้ำใต้ภูเขาใช่ลูกสาวคนรองของตระกูลหลินหรือไม่ ? ”
ทันใดนั้นคนที่ตาดีหน่อยก็ชี้ไปที่สระน้ำแล้วตะโกนเสียงดัง
นางหวงรีบแหวกพุ่มหญ้าแล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู เป็นอย่างที่เจ้าเด็กคนนั้นเอ่ยไว้จริงเพราะมีบางอย่างลอยอยู่ในสระน้ำ รูปร่างเช่นนี้นอกจากเด็กโง่บุตรคนรองของนางแล้ว ยังจะเป็นผู้ใดอีก ?
คนโง่มักไร้ความยับยั้งชั่งใจในการกิน ยามที่บิดาของเด็กโง่ผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ ฐานะทางบ้านของพวกนางค่อนข้างดี เป็นเหตุให้เด็กโง่ผู้นี้ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจจึงทำให้มีรูปร่างสูงใหญ่ทั้งที่นางเพิ่งมีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น
นางหวงวิ่งลงเขาไปอย่างทุลักทุเล ภายใต้การช่วยเหลือของชาวบ้านในหมู่บ้าน สุดท้ายพวกเขาก็ช่วยพาเด็กโง่ขึ้นมาจากสระน้ำได้
“คาดว่านางคงสะดุดแล้วกลิ้งตกมาจากภูเขา นี่ก็ผ่านมานานมากแล้ว มิรู้ว่านางยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่…” เวลานี้มีหลายคนพากันถอนหายใจออกมาเพราะคิดว่านางคงไม่รอดแล้ว
นางหวงดึงตัวบุตรสาวเข้ามากอดไว้แนบอก มือของนางสั่นเทาอย่างรุนแรงขณะที่ยื่นไปอังจมูกของบุตรี ทันใดนั้นนางก็ร้องไห้พลางตะโกนออกมาว่า “นางยังมีลมหายใจอยู่ ! เด็กโง่ของข้ายังมีลมหายใจอยู่ ! ! เพื่อนบ้านคนใดพอจะมีเมตตาช่วยไปตามหมอเหลียงมาให้ข้าได้บ้าง ! ? ”
“ข้าเอง ! ” ซัวถัวรีบวิ่งไปยังหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่างภูเขาอย่างรวดเร็ว
“แค่กแค่กแค่ก…” เด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของนางหวงสำลักน้ำออกมาพร้อมไออย่างรุนแรง
“ฟื้นแล้ว ! นางลืมตาแล้ว ! ! เจ้าเด็กนี่ช่างโชคดีเสียเหลือเกิน โชคดีที่นางตกน้ำไปแล้วยังนอนลอยคอเงยหน้ามองท้องนภา มิเช่นนั้นนางคงขาดอากาศหายใจตายไปนานแล้ว ! ” ชายชราคนหนึ่งที่มีอายุมากพอสมควรเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกตกตะลึง
หลินเว่ยเว่ยสำลักอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันนางก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาพลางคิดในใจว่า
‘อ่า…นี่ฉันไม่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางไปฝึกงานในฟาร์มซึ่งตั้งอยู่กลางป่าลึกหรอกหรือ ? ภูเขาลูกนั้นทั้งสูงทั้งชัน อีกทั้งรถยังพลิกคว่ำตกไปในเหวลึก มันมีโอกาสรอดน้อยมากเลย หรือว่า…ฉันยังไม่ตายแล้วโชคดีมีคนมาช่วยชีวิตไว้ได้ ? ’
“เด็กโง่ของแม่ เจ้าเด็กโง่ เจ้ายังมิตาย…สวรรค์ช่างมีความเมตตาเสียเหลือเกิน ! ” นางหวงเห็นว่าบุตรสาวคนรองลืมตาขึ้นมาแล้วความกดดันและความกังวลทั้งหมดจึงคลายลงในที่สุด นางกอดบุตรสาวไว้แน่นพร้อมกับร้องไห้โฮออกมา
บรรดาเพื่อนบ้านที่มาช่วยก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เข้าก็อดรู้สึกตื้นตันใจมิได้ ต่อให้บุตรโง่เขลาเพียงใดทว่าก็เป็นสายเลือดของมารดา ดังนั้นนางหวงย่อมรักและทะนุถนอมบุตรสาวแน่นอนอยู่แล้ว !
‘อะไร ? ใครคือเด็กโง่ ? แม่หรือ ? ฉันโตมาในสถานเลี้ยงรับเด็กกำพร้านี่ ฉันไปมีแม่ตั้งแต่เมื่อไรกัน ? ’
ดังนั้นเธอจึงค่อย ๆ มองสังเกตไปรอบตัวและพบว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบแลดูซอมซ่อ นี่มันปี 2021 แล้ว ต่อให้คนที่อาศัยอยู่บนภูเขาจะยากจนแค่ไหนก็คงไม่ถึงขั้นต้องเย็บซ่อมผ้าแบบปะแล้วปะอีกหรอก จริงไหม ?
จากนั้นเธอก็หันไปมองบรรดาผู้หญิงผู้ชายที่กำลังมุงดูเธออยู่ ทุกคนล้วนไว้ผมยาวทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย อีกทั้งการแต่งกายก็ออกแนวคุมโทนสีน้ำตาลดูย้อนยุคสุดๆ ไปเลย หรือว่าฉันได้รับการช่วยเหลือจากคนในกองถ่ายละคร ? แต่จะมีผู้กำกับคนใดบ้ามาถ่ายทำละครในป่าลึกที่แม้แต่นกก็ยังไม่กล้าบินเข้ามาแบบนี้ ?
“เด็กโง่ของแม่ เจ้ามิต้องกลัวไปหรอก แม่จะพาเจ้ากลับบ้านเอง ! ” นางหวงไม่สามารถอุ้มบุตรสาวขึ้นหลังได้จึงหันไปหาบุตรสาวคนโตที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านข้าง “ลูกแม่…เจ้ามาช่วยแม่หน่อยสิ”
ทว่าบุตรสาวคนโตของนางหวงไม่ยอมขยับเขยื้อน ดวงตาของนางจับจ้องไปที่น้องสาวผู้โง่เขลาอย่างมิวางตาพร้อมเสียงตะโกนที่ปะทุอยู่ในใจว่า ‘เหตุใด ! เหตุใดเจ้าเด็กโง่นี้ถึงไม่จมน้ำตายไปเสีย ? เหตุใดต้องช่วยนางขึ้นมาด้วย ? นางยังเป็นภาระของที่บ้านไม่พออีกหรือ ? ’
“ให้ต้าซวนช่วยเถิด ! ” คนที่เอ่ยคือพี่สะใภ้แซ่ฮวาซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับน้องสามีเยี่ยงนางหวง พอจ้องมองรูปร่างที่ผอมบางของนางหวงแล้วก็สลับไปมองบุตรสาวคนรองที่เจ้าเนื้อมาก อีกทั้งยังสูงกว่านางหวงอยู่หลายฉื่อ นางจึงใช้ศอกกระทุ้งไปที่สามีของตน
จนกระทั่งถูกลุงต้าซวนแบกขึ้นหลังแล้วเดินออกไป หลินเว่ยเว่ยถึงค่อยได้สติกลับมา เธอสอดส่ายสายตาไปรอบด้านก็พบว่าไม่มีกล้อง ผู้กำกับหรือนักแสดงคนใดอยู่เลย หรือว่าพวกเขาไม่ได้กำลังถ่ายทำละคร…แต่เป็นฉันที่ทะลุมิติมายังโลกใบนี้ ?
หลินเว่ยเว่ยแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตนได้เพราะที่ผ่านมาเธอคิดมาตลอดว่า ‘การย้อนเวลาหรือการทะลุมิติ’ ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระที่ชาวเน็ตหรือนักแต่งนิยายสร้างมันขึ้นมา นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ ?
จากสระน้ำไปหมู่บ้านหลินวาต้องใช้เส้นทางบนภูเขา ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มแล้ว ลุงต้าซวนเดินไปเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้าโดยมีนางหวงเดินตามหลังไปติด ๆ นางหวงกุมมือของบุตรสาวคนรองที่เย็นเฉียบเอาไว้อย่างอ่อนโยนราวกับต้องการปลอบประโลม
ส่วนบุตรสาวคนโตก็เอาแต่เดินก้มหน้าอยู่ด้านหลังจึงทำให้มิเห็นสีหน้าที่ฉายออกมา
“หมูป่า ! พวกเรารีบหนีเร็วเข้า ! หมูป่ามาแล้ว ! ! ” มิรู้ว่าเป็นเสียงของผู้ใดที่ดังขึ้นมา บรรดาชาวบ้านที่เดินตามอยู่ด้านหลังต่างพากันวิ่งหนีเข้าไปในหมู่บ้านอย่างบ้าคลั่ง
ลุงต้าซวนเดิมทีกำลังจะวิ่งหนีไปพร้อมกับชาวบ้านตามสัญชาตญาณ ทว่าบัดนี้เขากำลังแบกเด็กสาวที่หนักกว่าหนึ่งร้อยจินไว้บนหลัง แล้วเขาจะวิ่งได้อย่างไรกัน ? ครานี้หลินเว่ยเว่ยได้ยินเสียงร้องคำรามอย่างดุร้ายของหมูป่าที่เริ่มเข้ามาใกล้ทุกที !
มนุษย์ย่อมมีสัญชาตญาณและความสามารถในการแสวงหาสิ่งดีที่สุดให้ตนเองและหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำร้ายตนเพื่อความอยู่รอด ลุงต้าซวนจึงวางตัวหลินเว่ยเว่ยลงพื้น จากนั้นเขาก็รีบวิ่งหนีตามชาวบ้านคนอื่นไป !
เมื่อนางหวงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกร้อนใจมากนัก มือข้างหนึ่งของนางจับมือบุตรสาวคนโตเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างก็จับมือบุตรสาวคนรองไว้เช่นกัน จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “เด็กโง่ของแม่รีบหนีไปเร็ว ! อย่าให้หมูป่าไล่ตามเจ้าทัน รีบหนีไปเสีย ! ”
หลินเว่ยเว่ยถูกมารดาลากไปทั้งอย่างนั้น แต่ความเร็วของสตรีสามคนจะเร็วเท่าหมูป่ากลัดมันได้อย่างไร ?
นางหวงกัดฟันกรอดแล้วนำมือของเด็กโง่ยัดใส่มือของบุตรสาวคนโต จากนั้นก็ตะโกนสั่งบุตรสาวคนโตว่า “พาน้องของเจ้าหนีไป ! วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะวิ่งได้ ! ”
ส่วนนางหวงหยุดฝีเท้าลง จากนั้นนางก็หันไปกางแขนออกแล้วใช้ร่างกายแสนบอบบางของตนขวางทางหมูป่าไว้แทน นางตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตถ่วงเวลาให้บุตรีทั้งสองได้หนีไป !
ทว่าบุตรสาวคนโตของนางสะบัดมือของหลินเว่ยเว่ยออก จากนั้นก็วิ่งมาดึงตัวนางหวง “ไม่ ท่านแม่ ! ไปกันเถิด พวกเราหนีไปด้วยกันเถิด…”
ทว่ายังมิทันที่นางจะได้เอ่ยจนจบ หมูป่าก็วิ่งตะบึงมาถึงเบื้องหน้าของพวกนางแล้ว ด้วยความตกใจกลัวบุตรสาวคนโตของนางหวงจึงผลักหลินเว่ยเว่ยไปเบื้องหน้า แล้วดึงมารดามาอยู่ด้านหลังแทน
หลินเว่ยเว่ยพูดไม่ออก ‘…’
ทันทีที่ถูกผลักมาอยู่เบื้องหน้า การปรากฏตัวของหมูป่าก็ขยายใหญ่ขึ้นในรูม่านตาของนาง เขี้ยวใหญ่ดูเหมือนจะเล็งเข้าที่หน้าอกและท้องของนาง…
ด้วยความตื่นตกใจ หลินเว่ยเว่ยจึงยื่นมือไปคว้าเข้าที่เขี้ยวหมูป่าโดยมิรู้ตัวและได้ทำใจที่จะโดนหมูป่าพุ่งชนใส่
แต่ดูเหมือนว่าหมูป่าจะมิได้มีความแข็งแกร่งเหมือนที่นางคิด มันดันหลินเว่ยเว่ยที่กำลังจับเขี้ยวของมันไปด้านหลัง ทว่ามันสามารถทำให้นางเซถอยหลังไปเพียงมิกี่ก้าวเท่านั้น หลินเว่ยเว่ยสูดหายใจเข้าลึก แววตาดูแน่วแน่เป็นอย่างมาก จนกระทั่งเท้าของนางถอยไปเหยียบหินจึงมิได้ถอยหลังต่อและนางก็มิได้สังเกตว่าหินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของตนได้แตกออกทันทีที่เหยียบมัน
หลินเว่ยเว่ยยังจับเขี้ยวของหมูป่าเอาไว้แน่น นางปล่อยให้มันดิ้นสะบัดได้ตามอำเภอใจ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่สามารถสะบัดเอามือของหลินเว่ยเว่ยออกจากเขี้ยวได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันมิอาจเข้าประชิดตัวของนางได้ด้วย…
หลังจากตื่นตระหนกในตอนแรกเริ่มนางก็พบว่าหมูป่ามิได้น่ากลัวมากเพียงนั้น นางจึงออกแรงผลักมันและมันก็มิสามารถทำอันใดนางได้ !
“เด็กโง่ ! เจ้าอย่ากลัวไปเลย แม่มาแล้ว ! ! ” นางหวงสะบัดมือของบุตรสาวคนโตออก จากนั้นก็วิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แล้วเบียดเข้าแทรกกลางระหว่างหลินเว่ยเว่ยและหมูป่าพร้อมทุบตีและเตะต่อยหมูป่าอย่างอุตลุด
มือของหลินเว่ยเว่ยลื่นจนเกือบทำให้เขี้ยวของหมูป่าจมเข้าในเนื้อของนางหวง ‘เฮ้ ! คุณอย่าเข้ามาเพิ่มความยุ่งยากให้ฉันได้ไหม ? ’
หลินเว่ยเว่ยยังจับเขี้ยวของหมูป่าเอาไว้แน่น จากนั้นก็ออกแรงผลักมันไปด้านหลัง
นางหวงยังใช้กำปั้นที่แสนอ่อนแอของตนชกไปที่ศีรษะของหมูป่าจนมือของนางถลอกมีเลือดไหลออกมา แต่นางมิได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิดทั้งยังตะโกนเสียงดังอีกว่า “เด็กโง่ รีบหนีไปเร็ว ! แม่จะขวางมันไว้เอง เจ้ารีบหนีไปเถิด ! ! ”