หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 106 ฮึ บุรุษหลายใจ
ตอนที่ 106 ฮึ บุรุษหลายใจ
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ยกหูหมูน้ำแดงและพะโล้จานรวมเข้ามาในลานบ้าน “ตอนนี้ถึงเวลากินข้าวแล้ว หากคุณชายยืนยันจะจากไปก็แสดงว่ารังเกียจสุราอาหารของคนชนบท ไม่เห็นชาชั้นล่างและอาหารรสอ่อนของพวกเราอยู่ในสายตาใช่หรือไม่ ? ”
เมื่อคืนเจ้าหนูน้อยอ้อนอยากกินหัวหมู หลินเว่ยเว่ยจึงนำหัวหมูป่าสองหัวในห้องใต้ดินมาตุ๋นพะโล้ เนื่องจากใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ทางฝั่งคุณชายหนิงจึงสั่งให้นางทำเนื้อแผ่นเพิ่มอีกหน่อย ส่วนพวกป้ากุ้ยฮวาและหยาเอ๋อร์ก็ทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นมาสองวันติดแล้ว หลินเว่ยเว่ยจึงคิดที่จะตบรางวัลให้พวกนางเป็นเนื้อหัวหมูคนละ 2 ชั่ง
ทว่าเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้น วันนี้บ้านตระกูลเจียงมีแขกมาเยี่ยมพอดี นางจึงถือโอกาสยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วสองจานนี้มาให้พวกเขา
เฝิงชิวฟานมองเด็กสาวข้างบ้านคนนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองบ้านจะไม่ธรรมดา แม้ว่าเขาเป็นแขกของบ้านตระกูลเจียง ทว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้เห็นเขาเป็นคนนอกแต่อย่างใด
หรือว่า…สาวน้อยคนนี้คือลูกสะใภ้ที่ตระกูลเจียงจับจองเอาไว้ ? หากเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าไม่น่าแปลก เพราะถึงอย่างไรว่าที่ลูกสะใภ้ก็ถือเป็นเจ้าบ้านครึ่งหนึ่งใช่หรือไม่ ? เข้าใจแล้วว่าเหตุใดบัณฑิตเจียงจึงพูดปกป้องนางยิ่งนัก !
“กู่เหนียงพูดเกินไปแล้ว ข้าแค่ไม่อยากสร้างปัญหาให้บัณฑิตเจียงเท่านั้น ! ” ขณะที่คิดเช่นนี้เฝิงชิวฟานก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
หลินเว่ยเว่ยจึงฉีกยิ้มจนตาปิด “ไม่มีปัญหาอันใดหรอก อาหารทำเสร็จหมดแล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายชอบกินรสชาติอย่างไร ? ”
เฝิงชิวฟานชอบกินเผ็ด เมื่อเห็นหูหมูน้ำแดงที่ทั้งแวววาวและมีสีแดงสดใสแล้วเขาก็แอบกลืนน้ำลาย จากนั้นก็ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ไม่ได้ชอบอันใดเป็นพิเศษหรอก”
พอหลินเว่ยเว่ยจากไปแล้ว เฝิงชิวฟานก็หันไปมองเจียงโม่หาน “เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าต้องขอรบกวนแล้ว ! ”
“ศิษย์พี่เพิ่งเดินทางกลับมาจากท่องเที่ยวก็รีบมาเยี่ยมข้าเลย หากให้ท่านกลับไปทั้งที่ท้องยังว่างก็จะดูเสียมารยาทมากเหลือเกิน”
เจียงโม่หานฉีกยิ้ม แต่ในใจเค้นเสียงดัง ฮึ นางตัวแสบคิดเองเออเอง ขยันนักเชียว ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไรว่าจะรั้งแขกไว้ ? ในชาติที่แล้วเฝิงชิวฟานแย่งโชคของข้าไป การให้ทนหิวยังถือว่าเป็นโทษสถานเบาด้วยซ้ำ !
หลังกลับมาแล้วหลินเว่ยเว่ยก็ไปเก็บผักสดจากแปลงผักแล้วนำไปผัดมะเขือยาวใส่กระเทียม ซุปมะเขือเทศใส่ไข่และแกงบวบ สำหรับชาวบ้านในหุบเขาแล้ว อาหารเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ทำกินได้ยากมาก
หลังจากดื่มเหล้าเหลืองและกินพะโล้จานรวมที่มีเอกลักษณ์ รสเปรี้ยวหวานที่ตัดกันพอดีของซุปมะเขือเทศใส่ไข่และยังมีรสหอมเผ็ดของหูหมูน้ำแดงแล้ว เฝิงชิวฟานก็พอใจเป็นพิเศษ
หลังดื่มกันได้สามจอก เฝิงชิวฟานผู้เมามายเล็กน้อยก็ลอบยิ้มให้เจียงโม่หาน “ศิษย์น้อง แม้เราจะยังไม่สนิทกันมาก แต่เจ้ากับสาวน้อยข้างบ้านคนนั้น เป็น…”
“พวกข้าสองบ้านมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ข้าเห็นนางเป็นน้องสาวที่อยู่ข้างบ้านเท่านั้น ! ” เป็นอันใดกันเล่า ? ข้ากับเด็กตัวแสบเป็นอันใดกันจะต้องรายงานเจ้าหมดเลยหรือ ? เก็บสายตาคลุมเครือของเจ้าเถิด เห็นทุกคนเป็นเหมือนเจ้าที่เห็นสาวงามแล้วจะก้าวไม่ออกน่ะหรือ ?
“ฝีมือการทำอาหารของกู่เหนียงไม่เลวเลย นางเคยเรียนมาก่อนหรือไม่ ? ” แม้เป็นส่วนผสมธรรมดาแต่ทำออกมาให้มีรสชาติที่หลากหลายได้ เฝิงชิวฟานตักแกงบวบ รสสัมผัสเบาแต่ไม่จืดและมีกลิ่นหอมเป็นธรรมชาติ ดี ดียิ่งนัก !
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เอ่ยถึงสาวน้อยบ้านข้าง ๆ เจียงโม่หานก็เริ่มพูดด้วยความไม่พอใจ “นางเคยเรียนมาหรือไม่ ข้าจะรู้ได้อย่างไร ? ”
“ก็จริง ! ในสายตาของเจ้านอกจากตำราแล้วก็คงไม่มีเวลาสนใจเรื่องเหล่านี้” เฝิงชิวฟานดื่มเหล้าเหลือง แม้แต่กลิ่นปากก็ยังเป็นกลิ่นสุรา “สุราดี ! น่าเสียดายที่ศิษย์น้องยังบาดเจ็บ รอให้วันหน้าเจ้าหายดีแล้วค่อยมาร่ำสุรากับข้าสักสามร้อยจอก ! ศิษย์น้อง เจ้าไปซื้อสุรามาจากที่ใด ? รสดีเหลือเกิน ! ”
เจียงโม่หานคิดในใจ ‘ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางตัวแสบซื้อมาจากที่ใด ? เจ้าดื่มของเจ้าไปก็พอแล้ว จะถามให้มากความเพื่อเหตุใด ? ’
“ดูเหมือนว่าสาวน้อยข้างบ้านจะถึงวัยออกเรือนแล้ว ศิษย์น้อง เจ้าไม่ได้คิดอันใดกับนางจริงหรือ ? ” เฝิงชิวฟานใช้โอกาสตอนที่ยังพอมีสติส่งสายตาให้อีกฝ่าย “กู่เหนียงมีทั้งรูปโฉมที่งดงาม รูปร่างก็กำลังดีและทำอาหารเก่งมาก ถ้าแต่งเป็นภรรยาเจ้ายังขาดไปอีกหน่อย แต่ถ้ารับมาเป็นอนุยังถือว่าทำได้ ! ”
มุมปากของเจียงโม่หานกระตุกทันที จะเอาเด็กที่มีพลังประหลาดมาเป็นอนุภรรยาน่ะหรือ ? เฝิงชิวฟานคิดไม่ตกหรืออย่างไร ? หรือไม่อยากให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่ออีกยาวนาน ? แค่คิด เจียงโม่หานก็เห็นภาพสวนหลังบ้านที่โดนนางเด็กตัวแสบเหยียบย่ำจนเละเทะไปหมดแล้ว
“หากยังไม่ประสบความสำเร็จ ข้าก็จะไม่คิดเรื่องอื่น ! ” เจียงโม่หานมุ่งมั่นเด็ดขาด คราวนี้ท่าทางของเขาเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าปกติ
เฝิงชิวฟานเหลือบมองครู่หนึ่ง หลังใช้เหล้าเหลืองล้างคอแล้วก็ส่ายศีรษะพลางเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้ม “ตั้งตัวสร้างครอบครัวก่อนแล้วค่อยสร้างผลงานก็ได้ ! รับอนุไม่ใช่แต่งภรรยา อย่างน้อยข้างกายก็มีคนดูแลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ! ”
เจียงโม่หานจึงย้อนถาม “ศิษย์พี่ก็ยังไม่ได้แต่งงานไม่ใช่หรือ ? ”
ทันใดนั้นเฝิงชิวฟานก็ยิ้มกว้าง “มารดาของข้าได้หาคู่ให้แล้ว เพียงรอให้ข้าสอบติดซิ่วไฉแล้วจึงจะไปสู่ขอนาง สตรีนางนั้นเป็นไข่มุกในมือเศรษฐีหลิวแห่งตัวอำเภอ นางมีรูปโฉมงดงามและมีพรสวรรค์ ตอนยังไม่มีผู้ใดทำสัญญาหมั้นหมาย หน้าบ้านนางก็มีคนเข้ามาสู่ขอไม่หยุดไม่หย่อน แต่ก็โดนไล่ออกไปหมด…”
“ศิษย์พี่มีรูปโฉมโดดเด่นและมีปัญญาเหนือกว่าผู้ใด จะต้องเป็นตามที่ท่านปรารถนาแน่นอน ! ” เจียงโม่หานก้มหน้ากินหูหมูน้ำแดง แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องการปกปิดสายตาดูหมิ่นในดวงตาเอาไว้
เมื่อชาติก่อน หลังจากเฝิงชิวฟานสอบซิ่วไฉได้แล้วก็หมั้นหมายกับบุตรีเศรษฐีหลิวคนนั้น แต่หลังจากที่เขาได้รับการยอมรับจากจวนหมินอ๋องเพราะจี้หยกแสดงฐานะและถูกฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง เมื่อถึงเวลาแต่งงานกับสตรีนางนั้น เขาก็ให้ม้าเร็วไปส่งจดหมายถอนหมั้นแก่ตระกูลหลิวทันที
บุตรีเศรษฐีหลิวคิดไม่ตกจึงผูกคอฆ่าตัวตายในคืนเดียวกัน ส่วนบุรุษหลายใจคนนี้กลับเอาชนะใจสาวงามในเมืองหลวงและเพลิดเพลินกับการโอบกอดพวกนาง…
หลังมื้ออาหารจบลง เฝิงชิวฟานก็ตัวอ่อนราวกับโคลน เขาถูกบ่าวรับใช้ประคองขึ้นรถม้าและกลับเรือนไปอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อฤดูร้อนจบลง ฝูงหมูป่าก็จะออกมารับลม ส่วนหลินเว่ยเว่ยที่ปีนอยู่บนต้นไม้ก็สังเกตเห็นฝูงหมูป่ามีจำนวนน้อยลงเรื่อย ๆ นางจึงหงุดหงิดขึ้นมาทันที
นางทำธุรกิจเนื้อแผ่นได้ 1 เดือนแล้ว ทุกสามวันนางต้องมาล่าหมูป่าหนึ่งตัว ดังนั้นฝูงหมูป่าที่มีหมูโตเต็มวัยกว่า 30 ตัวจึงเหลือเพียงหมูน้อยประมาณ 20 ตัวซึ่งถือว่าหายไปหนึ่งส่วนสามแล้ว อย่างมากสุดนางก็ใช้ได้ไม่เกิน 2 เดือนแล้วต้องหาฝูงใหม่แทน !
ท้ายสุดก็เป็นจ่าฝูงเจ้าเทาที่นำสัตว์ป่ามาส่งบ้านตระกูลหลินบ่อยครั้ง ไม่อย่างนั้นหมูป่าฝูงนี้ก็คงโดนใช้จนมีไม่พอถึงสองเดือน !
เมื่อนึกถึงเจ้าเทาขึ้นมา ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยก็กลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวในทันทีเพราะในทุกสามหรือห้าวัน มันจะคาบกวางมาวางไว้ที่ประตูหลังบ้าน บางครั้งก็เป็นกวางแดง กวางดาว กวางเรนเดียร์หรือกวางชะมด ครั้งหนึ่งมันเคยนำกวางมูสที่มีเขายาวมากกว่า 2 หมี่มาให้ด้วย
ในคืนวันนั้น เสียงหอนของฝูงหมาป่าดังขึ้นคราแล้วคราเล่า ทำให้คนในหมู่บ้านตกใจจนรีบปิดประตูหน้าต่างทันที ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้านอนตลอดทั้งคืน พอวันรุ่งขึ้นมาถึงผู้ใหญ่บ้านก็พาเหล่าชายฉกรรจ์ ถือจอบ ถือเคียวออกไปเดินลาดตระเวนแถบภูเขาบริเวณใกล้เคียงทันที
พวกเขาพบมูลของหมาป่าจำนวนมากบริเวณภูเขาหลังบ้านตระกูลหลินและยังมีรอยลากสัตว์ป่าขนาดใหญ่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน พวกชาวบ้านจึงตื่นตกใจกันมาก ! เพราะฝูงหมาป่าลงเขามายังไม่พอ พวกมันยังเคยมาเยือนหมู่บ้านอีกด้วย !