หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 126 บัณฑิตน้อยเท่ที่สุด
ตอนที่ 126 บัณฑิตน้อยเท่ที่สุด
หลังจากหลินเว่ยเว่ยส่งหลิวว่ายจื่อออกไปแล้วก็เห็นบัณฑิตหนุ่มเอาแต่มองหน้าของตน ทำให้นางยื่นมือไปโบกผ่านสายตาของเขาแล้วถามว่า “เป็นอะไรไป ? เจ้าอย่าเอาแต่มองข้าเช่นนี้สิ ข้าจะหลงคิดว่าเจ้ากำลังชอบข้าอยู่ ! ”
“ใช่ ! ข้าชอบ…” ขณะมองท่าทางตกตะลึงของหลินเว่ยเว่ยแล้ว เจียงโม่หานก็ค่อย ๆ อธิบายว่า “ข้าชอบวิธีทำบัญชีของเจ้า ! ”
“ตอนที่เจ้าพูดก็อย่าเว้นช่วงนานได้หรือไม่ ? ข้าตกใจหมด ! ” หลินเว่ยเว่ยลูบหน้าอกของตนแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เจ้าพูดว่าชอบที่ข้าทำ ! แต่ข้ายังไม่เคยเห็นสมุดบัญชีของผู้อื่นเลย เวลาที่พวกเจ้าทำบัญชีเป็นอย่างไร ? ”
“พวกข้าหรือ ? ” เจียงโม่หานพึมพำเบา ๆ ทันใดนั้นเขาก็สงสัยที่มาของนางมากกว่าเดิมเพราะจากถ้อยคำและการกระทำของอีกฝ่าย ซ้ำยังมีข้อมูลที่ถูกเปิดเผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจด้วย ราวกับว่า…นางไม่ใช่คนในโลกใบนี้…เขาเงยหน้ามองฟ้า…ไม่มีทาง จะมีเทพเซียนที่ไม่น่าเชื่อถือลงมาจุติยังโลกมนุษย์ได้อย่างไร ?
เจียงโม่หานจึงพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “วิธีทำบัญชีของเจ้าสะดวกมาก ถ้าใช้กันอย่างแพร่หลาย ผู้คนจำนวนมากก็จะสะดวกสบายมากขึ้น เจ้าอยากเผยแพร่มันออกไปหรือไม่ ? ”
“อยากสิ เหตุใดจะไม่อยาก” หลินเว่ยเว่ยเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“เช่นนั้น…ข้าจะช่วยเจ้าจัดระเบียบมันอีกสักหน่อย จากนั้นก็ให้อาจารย์ฟ่านแนะนำให้แก่ฮูหยินของขุนนางชั้นสูง ไม่แน่ว่าบางทีจะมีรางวัลด้วย…” หลังกล่าวเรื่องพวกนี้จบแล้ว หัวใจของเจียงโม่หานก็เหมือนได้หลุดจากพันธนาการ เขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
หลินเว่ยเว่ยเพิ่งพยักหน้ารับ แต่แล้วนางก็รีบส่ายหน้าพร้อมกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “ไม่ได้ ! ข้าเป็นแค่เด็กสาวบ้านนอกที่ไม่รู้หนังสือแล้วจะสร้างสมุดบัญชีได้เช่นไร ? นั่นจะนำพาข้อสงสัยมาเยือนมากมาย ! เช่นนั้น…เผยแพร่ภายใต้ชื่อบัณฑิตของเจ้าเพราะจะดูน่าเชื่อถือมากกว่า ! ”
“ข้าจะแย่งผลงานของเจ้าได้อย่างไร ? ” เจียงโม่หานขมวดคิ้วมุ่น เมื่อครู่เขาเพิ่งกัดฟันตัดสินใจได้แล้ว ทว่านางกลับมาสั่นคลอนความตั้งใจของเขาเสียได้ !
หลินเว่ยเว่ยตบบ่าของอีกฝ่าย “บัณฑิตน้อย ไม่ต้องคิดมากได้หรือไม่ ? เราสองคนไม่ใช่คนอื่นคนไกล จะมาพูดเรื่องผลงานอันใดอีก แม้จะแย่งผลงานจริง ทว่าข้าก็ยอมให้เจ้าแย่ง…”
บุตรสาวคนโตของตระกูลหลินเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าใส่หญ้ากระต่ายและได้ยินประโยคหลังพอดี นางจึงโมโหจนหน้าแดงก่ำ “บุตรสาวคนรองตระกูลหลิน ! เจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่ ? หากถ้อยคำเหล่านี้แพร่ออกไป ครอบครัวเราจะดูเป็นคนเช่นไร ? ”
“บัณฑิตน้อย นางด่าข้า…” หลินเว่ยเว่ยคร้านจะอธิบายกับพี่สาวจึงหันมาคร่ำครวญกับบัณฑิตหนุ่มแทน
ทันใดนั้นแววตาเย็นชาของเจียงโม่หานก็ปรากฏขึ้น เขาหันไปพูดกับพี่สาวคนโตว่า “เจ้ายังไม่ทราบที่มาที่ไปก็รีบสรุปผล ปั้นน้ำเป็นตัว ด่าประจานนาง ตำหนินาง เสี่ยวเว่ยเป็นน้องสาวของเจ้า พวกเจ้าจะต้องเจริญหรือล่มจมไปพร้อมกันอยู่แล้ว ทว่าเวลาเผชิญปัญหา เจ้าไม่เคยพูดเพื่อปกป้องนาง ตรงกันข้ามยังสาดโคลนใส่นางด้วย ของอร่อยที่นางทำให้กินทุกวันกลับเอาไปป้อนให้คนเนรคุณกินเสียหมด ! ”
หลินเว่ยเว่ยปรบมือและชื่นชมเขาในใจว่า ‘ท่าทางการด่าคนของบัณฑิตน้อยเท่ที่สุด ! เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งบอยเฟรนด์แมทิเรียล ! แต่น่าเสียดายเพราะไม่รู้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้จะโดนหญิงสาวหมู่บ้านไหนครอบครอง เฮ้อ ! หัวใจของคนเป็นแม่อย่างเรารู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ! ’
พี่สาวคนโตโดนต่อว่าจนตาแดงก่ำ นางจึงรีบกล่าวด้วยความลนลาน “ก็เพราะนางเป็นน้องสาว เมื่อนางพูดสิ่งใดผิดหรือทำสิ่งใดผิดไป ข้าต้องสั่งสอนนาง ! บัณฑิตเจียง ถ้าหวังดีต่อน้องสาวข้าจริงก็อยู่ให้ห่างจากนาง อย่าเข้ามายุ่งกับนางมากนัก
เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้างนอกพูดถึงนางอย่างไร ? พวกเขาบอกว่านางไม่รู้จักเจียมตัว ชอบเดินตามบัณฑิตเจียง ฝันจะเป็นภรรยาของบัณฑิตเจียง ช่างเป็นคางคกหมายจะกินเนื้อห่านฟ้า ! ”
“คางคกที่ไม่อยากกินเนื้อห่านฟ้าก็เป็นคางคกที่ไร้ความทะเยอทะยานอยากปีนขึ้นที่สูงน่ะสิ…” หลินเว่ยเว่ยไม่คิดว่าเป็นเรื่องหน้าอายเพราะสิ่งที่คนอื่นพูดไม่ใช่เรื่องจริง แล้วจะโมโหไปเพื่อสิ่งใด ? ถ้าโมโหจนเสียสุขภาพแล้วใครจะมารับผิดชอบ ?
“เจ้าหุบปาก ! แม้จะทะเยอทะยานเพียงใดก็เป็นได้แค่คางคกในโคลนตม ! ส่วนเนื้อห่านฟ้านั้น เจ้าก็ได้แค่มอง ! ” พี่สาวคนโตโมโหจนหันมาตวาดใส่
“เจ้าคิดผิดแล้ว ข้าไม่ใช่คางคกแต่เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ ! ” หลินเว่ยเว่ยส่งสัญญาณว่าอีกฝ่ายระบุสายพันธุ์ผิด พี่สาวจึงกลอกตาใส่…ยังถือว่าพอรู้ตัวอยู่บ้าง รู้ว่าตนเองนั้นอัปลักษณ์ !
“อย่ามองว่าตอนนี้ข้าไม่เหมือนเป็ดตัวอื่นจนโดนดูถูกและกลั่นแกล้ง ทว่าต้องมีสักวันที่ข้าจะเปลี่ยนเป็นหงส์ผู้งดงามแล้วทำให้พวกเจ้าและคนอื่นมองข้าใหม่ ! ” หลินเว่ยเว่ยเต้นบัลเลต์อย่างสง่างาม
“เจ้าฝันไปเถิด ! ” พี่สาวกลอกตาใส่อีกครั้ง
เมื่อหันกลับมามองเจียงโม่หานแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็สบเข้ากับแววตาที่ไม่อาจอธิบายได้ นางแอบหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวอย่างหน้าไม่อายว่า “บัณฑิตน้อย ข้าคิดว่าเจ้าชอบจ้องข้าบ่อย ๆ หรือว่า…เจ้าจะแอบชอบข้าแล้ว ? แต่ยังไม่สามารถพูดมันออกมาได้…”
เจียงโม่หานดึงสายตากลับแล้วทำสีหน้าไร้ความรู้สึก ใครแอบชอบใคร ? เมื่อครู่ยังเอ่ยว่าอยากกินเนื้อห่านฟ้า ตอนนี้มาบอกว่าจะเปลี่ยนตนเองเป็นหงส์เพื่อมาอยู่ข้างกายเขา ไม่ยอมรับผิดแล้วยังเฉไฉไปเรื่องอื่นอีก ! เด็กตัวแสบคุยโวเสียยกใหญ่ เถียงกับนางต่อไปก็มีแต่เสียเวลา !
เช้าวันรุ่งขึ้นมาเยือน หลินเว่ยเว่ยก็ตามหลิวว่ายจื่อเข้าเมือง พวกนางไปจัดการบัญชีตลอดช่วง 10 วันที่ร้านค้าตระกูลหนิงเป็นอันดับแรก สมุดบัญชีของเถียนฟู่กุยไม่ต่างจากสิ่งที่หลิวว่ายจื่อจดไว้แม้แต่น้อย จากนั้นพวกนางก็เดินทางไปแลกตั๋วเงินเป็นเงินอีแปะแล้วไปจ่ายค่าจ้างคนงานก่อสร้างที่ท่าเรือ
ขณะที่กำเงิน 400 อีแปะเอาไว้ หลิวว่ายจื่อก็รู้สึกสับสนในใจสุด ๆ เขามีทั้งความภาคภูมิ ตื่นเต้นและความรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ เขาเปิดปากขึ้นแล้วกล่าวกับหลินเว่ยเว่ยว่า “คุณชายหนิงเชื่อใจเจ้ามาก แม้แต่การจ่ายเงินค่าจ้างก็ยังให้เจ้ารับผิดชอบ”
“ตอนนี้ร้านในตัวอำเภอของคุณชายหนิงงานยุ่งมาก เขาจึงไม่มีเวลามาดูแลอย่างทั่วถึง ! นี่ต้องขอบคุณการสนับสนุนจากคุณชายหนิง…” หลินเว่ยเว่ยเดินตรวจสอบงานก่อสร้าง หลังจากมีหลิวว่ายจื่อคอยคุมคนงานก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับช่างก่ออิฐที่จะอู้งาน ดังนั้นพวกเขาจึงทำงานหนักมากราวกับการก่อสร้างจะเสร็จในอีกช่วงครึ่งเดือนนับจากนี้
ท่าเรือมีปลาขายอยู่จริง หลินเว่ยเว่ยเห็นมันสดใหม่ดีจึงซื้อตัวใหญ่มาสองสามตัว หลังเก็บพวกมันไว้ในถังน้ำแล้ว นางก็เลือกตัวเล็กอีกสองสามตัว เมื่อเดินมาถึงสถานที่ไร้ผู้คนแล้ว นางก็โยนพวกมันเข้าไปในลำธารของมิติน้ำพุวิญญาณ เลี้ยงจนมันเติบโตแล้วอยากกินเมื่อไรก็ค่อยตกขึ้นมา เนื้อต้องอร่อยยิ่งกว่าเดิมแน่นอน
ไม่รอให้หลิวว่ายจื่อขับเกวียนกลับในตอนเย็น หลินเว่ยเว่ยก็นำปลาสองสามตัวที่ซื้อไว้มาถึงหมู่บ้านฉือหลี่โกวก่อนแล้ว ตอนเที่ยงนางทำปลาผัดเปรี้ยวหวานและได้รับคำชมไม่ขาดปากจากเจ้าหนูน้อย ยังมีปลาต้มในน้ำซุปที่แม้บัณฑิตหนุ่มจะไม่กล่าวสิ่งใด ทว่ามองจากการที่เขาไม่หยุดขยับตะเกียบก็แสดงว่าชอบอาหารจานนี้มาก
หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ขึ้นเขาไปท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากบนภูเขามีผลไม้ป่ามากมาย เช่น ลูกท้อ บลูเบอร์รี่ป่า องุ่นป่าและสาลี่ป่าที่สุกกำลังพอดีแล้วยังมีเมล็ดสน เมล็ดต้นเจินและแอปเปิลป่า นับเป็นขุมทรัพย์ที่ไร้วันสิ้นสุดอย่างแท้จริง
หลินเว่ยเว่ยจดบันทึกแหล่งที่ตั้งของผลไม้ป่าและป่าต้นสนแดงที่ค้นพบใหม่เอาไว้ จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินเข้าสู่ส่วนลึกของป่า ตั้งแต่เจ้าเทาได้กลายเป็นจ่าฝูงหมาป่า หลินเว่ยเว่ยก็ได้รับการคุ้มครองเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในภูเขา สำหรับเขตแดนของฝูงหมาป่าแล้ว นางสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
ขณะเก็บบลูเบอร์รี่ในผืนป่าแห่งหนึ่ง หลินเว่ยเว่ยก็ได้พบสหายเก่าซึ่งก็คือ…หมีควายแสนแข็งแกร่งตัวนั้นอีกครา