หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 141 บัณฑิตน้อย เจ้าฉลาดมาก
ตอนที่ 141 บัณฑิตน้อย เจ้าฉลาดมาก
แววตาของผู้ใหญ่บ้านฉายประกายบางอย่างออกมา “คนจริงไม่พูดอ้อมค้อม หลินเว่ยเว่ย พันธุ์ข้าวสาลีของบ้านเจ้าไม่เลวเลย ผลผลิตที่ได้ก็สูง เจ้าสามารถแบ่งขายให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยคำนวณเมล็ดพันธุ์ที่บ้านของตนจำเป็นต้องใช้อยู่ครู่หนึ่งจึงตอบว่า “บ้านข้ามีที่ดิน 3 หมู่ ผลผลิตที่ตากอยู่นี้ไม่รู้จะได้เมล็ดพันธุ์สักเท่าไร ถ้าปู่ผู้ใหญ่บ้านต้องการไม่เยอะล่ะก็ ข้าสามารถรับปากท่านตอนนี้ได้เลย แต่ถ้าต้องการเยอะก็…ต้องรอให้ข้าสีออกมาก่อนแล้วถึงจะตัดสินใจได้อีกที”
ผู้ใหญ่บ้านเป็นชาวนามืออาชีพ แค่มองปราดเดียวเขาก็สามารถคำนวณผลผลิตต่อหมู่ได้อย่างรวดเร็ว เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “จากการประเมินแล้ว อย่างน้อยบ้านเจ้าก็ได้ผลผลิตมากกว่า 500 ชั่งแน่นอน ! เมล็ดพันธุ์ทั่วไปแม้จะอยู่ในฤดูที่อุดมสมบูรณ์ก็ให้ผลผลิตได้มากสุดสองร้อยกว่าชั่งต่อหมู่ ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรเมล็ดพันธุ์บ้านเจ้าก็ดีกว่าจริงหรือไม่ ? ข้าไม่ต้องการเยอะหรอก เก็บไว้ให้ข้าสัก 5 หมู่ได้หรือไม่ ? ”
มีเมล็ดพันธุ์บางชนิดที่ให้ผลผลิตได้ดีในปีแรก ทว่าในปีที่สองกลับมีปริมาณลดลง ผู้ใหญ่บ้านมีที่นากว่า 20 หมู่ การได้เมล็ดพันธุ์ใหม่มาทดลองปลูก 5 หมู่ก็ถือว่าทำให้เขามีแรงเพิ่มขึ้นแล้ว
หลังตากข้าวสาลีไว้ตลอดทั้งบ่ายกับอีกหนึ่งคืนแล้ว พวกมันก็แห้งจนสามารถนำมาสีได้ หลินเว่ยเว่ยลากลูกกลิ้งหินไปมารอบลานตากข้าว เมื่อลูกกลิ้งหินกดทับข้าวสาลีแล้วเปลือกก็จะมีรอยร้าว จากนั้นข้าวสาลีก็จะแยกออกจากเปลือก…
ลูกกลิ้งหินนี้แม้จะเป็นบุรุษตัวโตสองคนก็ยังต้องใช้แรงที่เยอะในการลากและเมื่อลากไปได้ประมาณ 2 เค่อก็จะต้องพักเอาแรง แต่หลินเว่ยเว่ยลากลูกกลิ้งหินด้วยมือเพียงข้างเดียว นางทำราวกับว่ากำลังจูงลูกสุนัขตัวน้อยไม่มีผิด เหมือนไม่ต้องใช้แรงแม้แต่น้อยเพราะแค่ลากมันเบา ๆ เท่านั้น
พอชาวบ้านที่มาเกี่ยวข้าวสาลีในทุ่งเห็นฉากนี้เข้าก็เบิกตาโตทันที พวกเขาได้เห็นถึงพละกำลังของหลินเว่ยเว่ยอีกครั้งแล้ว นางแข็งแกร่งยิ่งกว่าวัวของผู้ใหญ่บ้านเสียอีก !
ดูนั่นสิ เพิ่งผ่านไปไม่นานนางก็สีข้าวจนเสร็จแล้ว ทว่าการฝัดข้าวต้องอาศัย ‘เทคนิค’ เนื่องจากเทคโนโลยีด้านการเกษตรในชาติที่แล้วพัฒนาไปไกลมาก หลินเว่ยเว่ยจึงไม่สามารถลงมือในขั้นตอนนี้ได้เองเพราะก็ไม่เคยฝัดข้าวแบบโบราณมาก่อน
ขณะที่นางเลือกเมล็ดข้าวแยกออกจากแกลบด้วยใบหน้ากระอักกระอ่วนก็มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่กำลังมองเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก…หลินเว่ยเว่ยไม่ได้เก่งนักหรอกหรือ ? ยังมีเรื่องที่เจ้าทำไม่ได้อยู่อีกหรือ ?
หลิวต้าซวนคอยให้คำแนะนำอยู่ด้านข้าง หลังเห็นว่านางฝัดข้าวไม่เป็นจริง ๆ เขาก็รับสีฝัดข้าวมาจากมือนางแล้วช่วยนางฝัดข้าวสาลี
หมูไปไก่มา1 เมื่อถึงเวลาที่บ้านป้ากุ้ยฮวาต้องสีข้าว หลินเว่ยเว่ยก็มาช่วยลากลูกกลิ้งหินให้บ้าง บ้านอื่นต้องทำถึง 1 วันเต็ม ๆ แต่นางสามารถทำมันเสร็จในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ส่วนพวกชาวบ้านที่เคยหัวเราะเยาะนางต่างก็ไส้บิดจนหน้าเขียว….เพราะเมื่อเทียบกับการลากลูกกลิ้งหินแล้ว การฝัดข้าวถือเป็นงานที่สบายกว่ากันเยอะ พวกเขาจึงเริ่มเสียใจว่าเหตุใดตอนนั้นไม่เข้าไปช่วยตระกูลหลิน
หลังข้าวสาลีถูกบรรจุงลงในกระสอบแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็จะนำตราชั่งขนาดใหญ่มาชั่ง…600 ชั่ง ! นี่คือผลผลิตข้าวจากที่นาเพียงครึ่งเดียวของบ้านตระกูลหลินและยังอยู่ในช่วงภัยแล้งอันรุนแรง หากฝนตกต้องตามฤดูกาลล่ะก็ มันจะไม่…
ผู้ใหญ่บ้านเริ่มรู้สึกเสียใจ เขาคิดว่าได้จองเมล็ดพันธุ์ไว้น้อยเกินไป เขาควรจะปลูกมันสัก 20 หมู่ไปเลย แม้ผลผลิตในปีถัดไปจะลดลงบ้างก็ยังดีกว่าเมล็ดพันธุ์ธรรมดาทั่วไปอยู่ดี
“หลินเว่ยเว่ย เมล็ดพันธุ์ที่เหลือนี้จะขายให้ข้าได้หรือไม่ ? ” ผู้ใหญ่บ้านอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
แต่หลินเว่ยเว่ยกลับยิ้มอย่างขอโทษ “ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน ท่านพูดช้าไปแล้ว ! เมื่อวานป้ากุ้ยฮวา พี่ซัวถัวแล้วก็ยังมีพี่หยาเอ๋อร์ มาจองเมล็ดพันธุ์ที่เหลือไปหมดแล้ว…”
ข้าวสาลีของตระกูลหลินให้ผลผลิตสูง แค่ใช้สายตามองก็รู้แล้ว บ้านสองสามหลังนี้มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับตระกูลหลิน เมื่อพวกเขาเอ่ยปากขอจองเมล็ดพันธุ์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ ผู้ใหญ่บ้านจึงได้แต่เสียใจและไม่พูดสิ่งใดอีก
ในปีที่มีภัยแล้งเช่นนี้ ข่าวเรื่องผลผลิตข้าวสาลีของตระกูลหลินได้ถึง 600 ชั่งต่อหมู่ครึ่งถูกแพร่ออกไปสู่ชาวบ้านในหมู่บ้านฉือหลี่โกวอย่างรวดเร็ว มีชาวบ้านที่อยากซื้อ (แลกเปลี่ยน) เมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีกับนางเยอะมาก แต่พอรู้ว่าเมล็ดพันธุ์ของบ้านนางถูกจับจองไปหมดแล้วก็มีชาวบ้านไม่น้อยที่หงุดหงิดเพราะคิดว่าเหตุใดตนถึงไม่คิดให้เร็วกว่านี้
และมีบางคนที่หันไปสนใจข้าวโพดในที่ดินของตระกูลหลินแทน ไม่เอ่ยถึงก็คงจะไม่ได้ว่าฝีมือการเพาะปลูกของหลินเว่ยเว่ยดีมาก แม้โรยเมล็ดข้าวโพดด้วยระยะห่างมากผิดปกติแต่ปลูกออกมาได้ดี ลำต้นอวบใหญ่ ใบหนาเต็มไปด้วยสารอาหาร ดูท่าทางเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งแม้แต่น้อย ตอนนี้ฝักข้าวโพดออกมาให้เห็นแล้ว ทุกลำต้นจะมีฝักข้าวโพดแตกออกมาหลายฝัก…มองแล้วปริมาณข้าวโพดก็ไม่มีทางตกต่ำแน่นอน !
ในเมื่อจองเมล็ดข้าวสาลีไม่ได้ อย่างน้อยก็คงแย่งเมล็ดข้าวโพดมาได้บ้าง ผ่านไปไม่นานข้าวโพดหมู่ครึ่งก็ถูกคนในหมู่บ้านจับจองตั้งแต่ยังไม่สุกงอม
หลินเว่ยเว่ยขายเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีและข้าวโพดตามราคามาตรฐานของร้านค้าเมล็ดพันธุ์ในตัวอำเภอ หากใครใช้เงินซื้อได้ก็ใช้เงิน หากไม่มีเงินก็เขียนสัญญาหนี้ไว้แล้วใช้เมล็ดพันธุ์จำนวนสองเท่ามาจ่ายคืน
หลังเก็บเกี่ยวข้าวสาลีเสร็จแล้ว ทุกคนมักจะปลูกผักกาดขาว หัวไชเท้า มันฝรั่งและผักอื่น ๆ แต่ภัยแล้งของปีนี้รุนแรงมาก มีความเป็นไปได้มากที่แม้แต่เงินค่าเมล็ดพันธุ์ก็จะหามาคืนไม่ได้ แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ยังลังเลที่จะปลูก
ปีนี้ย่ำแย่ มีหลายคนในหมู่บ้านเริ่มประหยัดโดยการขุดหาของป่าประทังชีวิต ในอดีตหลังจ่ายภาษีเสร็จแล้วชาวบ้านก็ยังพอมีข้าวเหลือเก็บอยู่บ้าง ถ้าปลูกผักที่ทำให้อิ่มท้องเพิ่มอีก เช่น มันฝรั่งและหัวไชเท้า พวกเขาก็จะยังพอผ่านฤดูหนาวไปได้ ทว่าตอนนี้…เฮ้อ ! ไม่รู้มีกี่ครอบครัวที่ต้องขายบุตรขายหลาน และไม่รู้ว่ามีอีกกี่คนที่ไม่รอดจากปีแห่งหายนะนี้…
ในระหว่างที่พวกชาวบ้านกำลังลังเล หลินเว่ยเว่ยก็เริ่มออกไปไถพรวนดินแล้ว หลังจากได้รู้ถึงความวิตกกังวลของคนในหมู่บ้านจากปากพี่หยาเอ๋อร์ นางก็ขมวดคิ้วพลางจมดิ่งสู่ความคิดตลอดทั้งคืน ต่อจากนั้นนางก็ไปหาบัณฑิตหนุ่ม “บัณฑิตน้อย เจ้ามีวิธีที่จะนำน้ำจากบนเขาลงมาหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานเข้าใจว่านางต้องการผ่อนแรงจึงวาดกังหันวิดน้ำที่เคยเห็นในชาติที่แล้วออกมา “กังหันวิดน้ำสามารถดึงน้ำจากต้นน้ำ จากนั้นก็เชื่อมท่อไม้ไผ่มายังแปลงนา…”
“จริงสิ ! เหตุใดข้าคิดไม่ออก ? บัณฑิตน้อย เจ้าฉลาดมาก แม้แต่ภาพกังหันวิดน้ำก็วาดออกมาได้ ! ” แม้นางจะรู้จักคำว่ากังหันวิดน้ำ แต่มันมีหน้าตาเช่นไรและมีหลักการทำงานอย่างไรก็ไม่ได้อยู่ในเรื่องที่นางชำนาญ
เจียงโม่หานฉลาดตั้งแต่เด็ก อักษรที่ผู้อื่นใช้เวลาจดจำถึงครึ่งวัน เขามองแค่สองรอบก็แทบจดจำได้แล้ว ภาพกังหันวิดน้ำเป็นประเภทใช้เท้าขับเคลื่อนง่ายที่สุด ในชาติก่อนหลังจากเขาสอบติดแล้วก็ถูกส่งตัวไปอยู่ชนบทประมาณ 2-3 ปี เขาจึงมีเวลาได้พัฒนามันร่วมกับช่างฝีมือประจำท้องถิ่นคนหนึ่งจึงเป็นธรรมดาที่จะจดจำมันได้อย่างแม่นยำ
บอกว่าจะทำก็ลงมือทำทันที หลังจากหลินเว่ยเว่ยปลูกผักเสร็จแล้วก็เริ่มพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อเลื่อยไม้แล้วนำไปตากแดด…นางทำงานหามรุ่งหามค่ำ แม้แต่การค้าของบ้านก็ไม่สนใจ นางกลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่เอาแต่ออกคำสั่ง
ในที่สุดหลิวต้าซวนก็จัดการที่นาของบ้านตนเองเสร็จ ขณะมองหลินเว่ยเว่ยแบกท่อนไม้และไม้ไผ่ลงจากเขาต้นแล้วต้นเล่า เขาก็เข้าใจผิดว่านางจะสร้างบ้านจึงพาบุตรชายมาช่วยงาน
ผู้ใหญ่บ้านจึงอดไม่ได้ที่จะถามนาง “หลินเว่ยเว่ย นี่เจ้ากำลัง…”
“ผู้ใหญ่บ้าน ข้าจะลองทำกังหันวิดน้ำ ดูว่าจะดึงน้ำบนเขาลงมาได้หรือไม่” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง ถ้าทำสำเร็จแล้วทั่วทั้งหมู่บ้านก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย
เป็นอย่างที่คิดไว้ พอผู้ใหญ่บ้านได้ยินเช่นนั้นก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เจ้า…เจ้าทำกังหันวิดน้ำเป็นหรือ ? ”
“ไม่เป็น ! ”
ผู้ใหญ่บ้านมีปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนโดนเทน้ำแข็งใส่ศีรษะ มันหนาวจนจับขั้วหัวใจ…ไม่เป็นแล้วยังคุยโวว่าจะทำกังหันวิดน้ำ นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือ ?
1 หมูไปไก่มา หมายความว่า ดีมาดีตอบ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน