หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 142 ผลประโยชน์ในอนาคต
ตอนที่ 142 ผลประโยชน์ในอนาคต
ทว่าคำพูดต่อจากนั้นของหลินเว่ยเว่ยช่วยดึงจิตใจที่จมสู่ก้นเหวของเขากลับมาได้อีกครั้ง “แต่บัณฑิตน้อยวาดวิธีทำกังหันวิดน้ำไว้แล้ว ต้นไม้บนภูเขาของเราไม่ต้องเสียเงินซื้อ และการหาช่างไม้มาสักสองคนก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากด้วย ! ”
ทันใดนั้นผู้ใหญ่บ้านก็รีบกล่าวว่า “ถ้ากังหันวิดน้ำนี้สร้างเสร็จ มันจะกลายเป็นพรอันยิ่งใหญ่ของหมู่บ้านฉือหลี่โกว แล้วจะให้พวกเจ้าออกเงินบ้านเดียวได้อย่างไร ? หลินเว่ยเว่ย เจ้าสนใจแค่ตัวงานก็พอ ไม่ว่าเงินจำนวนเท่าไหร่ ทั้งสามสิบแปดครัวเรือนจะช่วยกันจ่ายเอง ! ”
ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวนี้ ผู้ใหญ่บ้านยังถือว่ามีความน่าเกรงขามอยู่มาก แม้จะมีพวกต่ำทรามอยู่บ้างก็ไม่กล้าคัดค้านเรื่องนี้ เนื่องจากนี่เป็นงานใหญ่ที่ทำให้ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมู่บ้าน !
พ่อของซัวถัวเป็นช่างไม้เพียงคนเดียวในหมู่บ้าน ซัวถัวก็เคยเรียนกับพ่อมา 2 ปี เครื่องเรือนธรรมดาก็สามารถทำออกมาได้หมด หลังรู้ว่าหลินเว่ยเว่ยต้องการทำกังหันวิดน้ำ แม่ของซัวถัวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเพราะรีบเรียกผู้ชายบ้านตัวเองกลับมาจากในเขตเริ่นอันทันที…ปีแห่งภัยแล้งเช่นนี้ภายในเมืองก็เหลืองานให้ทำไม่มาก !
พ่อซัวถัวไม่เข้าใจภาพวาด เจียงโม่หานจึงค่อย ๆ อธิบายให้ฟังทีละจุด เจ้ากังหันวิดน้ำเท้าถีบมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า กังหันน้ำกระดูกมังกร โครงสร้างค่อนข้างเรียบง่าย ส่วนหัวใช้ไม้ทำ ส่วนหางแช่อยู่ในน้ำ ปลายอีกด้านติดอยู่บนโครงไม้ของคันกั้นน้ำ เมื่อจะใช้งานให้ยกเท้าถีบไม้จนทำให้เพลาล้อใหญ่หมุน พารางน้ำให้ยกขึ้นแล้วน้ำก็จะไหลลงท่อไม้ไผ่
สำหรับช่างไม้แล้ว ส่วนอื่นไม่ใช่เรื่องยาก มีเพียงเพลาที่ต้องใช้ทักษะอยู่บ้าง โชคดีที่เจียงโม่หานอธิบายอย่างละเอียดและยังแกะสลักแบบจำลองอันเล็กออกมาให้เห็น เมื่อพ่อซัวถัวพยายามศึกษาอย่างยากลำบากแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
ซัวถัวเดินตามหลินเว่ยเว่ยเพื่อไปจัดการไม้ไผ่ที่นางตัดเอาไว้ เขาใช้สายตาชื่นชมมองหลินเว่ยเว่ยตัดลำไผ่ที่หนาเท่าน่องอย่างง่ายดายราวกับตัดต้นอ้อย หลังจากนั้นก็แบกลงภูเขาอย่างง่ายดาย เขาทดสอบน้ำหนักมันในสถานที่ไม่มีคนอยู่พักหนึ่งก็พบว่าแม้แต่ผู้ใหญ่สามคนรวมกันก็ไม่สามารถแบกมันได้ เสี่ยวเว่ยกลับแบกมันด้วยไหล่ข้างหนึ่งแต่ก็ยังลงเขาได้ราวกับโบยบิน
ซ่วนเหมียว สหายที่เติบโตกับเขามาตั้งแต่เด็กเคยแอบฟังมารดาของเขาแล้วรีบวิ่งมาบอกให้ฟังว่าท่านแม่อยากให้หลินเว่ยเว่ยมาเป็นภรรยาของเขา และซ่วนเหมียวยังมองหน้ากันด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจอีกด้วย
ซ่วนเหมียวบอกว่าหลินเว่ยเว่ยสามารถฆ่าหมูป่าตายด้วยหมัดเดียว ถ้าซัวถัวแต่งกับนางล่ะก็ ในภายภาคหน้าจะต้องเป็นหายนะของสามี จะต้องถูกเด็กโง่หลินเว่ยเว่ยกดขี่จนตาย หากเป็นเช่นนั้นสู้ไม่มียังดีเสียกว่า ไม่อย่างนั้นซี่โครงอาจโดนทุบจนหักเป็นหลายท่อน…และยังบอกว่าหลินเว่ยเว่ยเป็นคนปัญญาอ่อน บางทีบุตรในภายภาคหน้าของพวกเขาก็อาจเกิดมาเป็นคนปัญญาอ่อนอีกด้วย !
ซัวถัวที่มีอายุ 15 ปี ถึงวัยควรมีความรักกับสาวน้อยแล้ว แต่ละปีคุณหนูหวังบุตรสาวของเศรษฐีหวังจะมาอยู่บ้านประมาณ 2-3 ครั้ง ผิวพรรณของนางขาวผ่อง ท่าทางสง่างามทำให้คนหวั่นไหว เด็กหนุ่มในหมู่บ้านล้วนขนานนามกันเองว่านางเป็นนางฟ้านางสวรรค์และได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
ยังมีหลานสาวคนเล็กของผู้ใหญ่บ้านที่มีดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย รูปร่างสะโอดสะอง คือเป้าหมายที่หนุ่มน้อยทั้งหลายแย่งชิง…ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าใครจะโชคดีได้แต่งเป็นหลานเขยของผู้ใหญ่บ้าน
แต่ซัวถัวไม่เหมือนคนอื่น แม้สตรีเหล่านั้นจะหน้าตาดี ใส่เสื้อผ้างดงาม แต่มีประโยชน์อันใด ? หากแต่งภรรยาเช่นนี้เข้าบ้าน ไหล่แบกของไม่ได้ มือก็ทำสิ่งใดไม่เป็น แถมยังต้องหาของกินดี ๆ มาคอยเอาใจอีก
มารดาของเขาเคยกล่าวไว้ว่าเขามีนิสัยอ่อนโยนมากเกินไป จะโดนคนอื่นรังแกได้ง่าย ดังนั้นควรแต่งกับภรรยาที่แข็งแกร่งและมากความสามารถถึงจะดูแลบ้านได้
ซัวถัวมองหลินเว่ยเว่ยอีกครั้ง…ความสามารถของหลินเว่ยเว่ยเป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้าน แม้สมัยก่อนจะอ้วนไปหน่อย ทว่าตัวนางที่ผอมลงมาแล้ว ถ้าแต่งตัวอีกนิดก็จะไม่ต่างอันใดกับหลานสาวคนเล็กของผู้ใหญ่บ้านเลย ถ้าตัดเรื่องที่นางสนิทสนมกับบัณฑิตเจียงออกไป เขาก็จะพอใจในตัวนางมาก…
“ซัวถัว เจ้ามัวยืนนิ่งทำไม ? เจ้าผ่าลำไผ่ออก ตัดข้อต่อข้างในให้หมด ทำไม้ไผ่สองท่อนให้มีช่องเสียบเข้าด้วยกัน…เจ้าทำได้หรือไม่ ? ช่องเสียบต่อกันต้องแน่นด้วยนะ ห้ามให้น้ำรั่วออกมาเด็ดขาด ! ” หลินเว่ยเว่ยถลึงตาใส่ซัวถัว เจ้านี่มาทำอันใดกันแน่ ? อะไรก็ไม่ทำสักอย่าง ยืนนิ่งอยู่ได้…หรือกำลังแอบอู้งานอยู่ ?
ในที่สุดซัวถัวก็ได้สติ เขามีสีหน้าแดงก่ำแล้วตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าเคยเรียนทำถังเก็บน้ำกับท่านพ่อแล้ว น่า…น่าจะไม่มีปัญหา…กระมัง ? ”
“อย่า ‘น่าจะ’ เพราะต้อง ‘ไม่มี’ จะปล่อยให้มีปัญหาอันใดไม่ได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยเริ่มเหนื่อยหน่าย เหตุใดซัวถัวคนนี้ทำตัวเหมือนสาวน้อยไม่มีผิด ยังไม่ทันทำอันใดก็หน้าแดงแล้ว !
“ดะ…ได้ ! ” ซัวถัวหยิบมีดขึ้นมา สำหรับไม้ไผ่ยาวหลายสิบหมี่แล้ว เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากตรงไหนก่อน
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็แย่งมีดมาจากมือเขาแล้วบอกให้เขาไปกดไม้ไผ่ไว้แทน หลังจากหามุมที่เหมาะได้แล้วนางก็ลงมือราวกับสับเต้าหู้ นางจัดการผ่าลำไผ่ตั้งแต่หัวจรดปลาย ส่วนด้านบนที่ถูกตัดออกจะเล็กกว่าเล็กน้อย ส่วนไม้ไผ่ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งถูกตัดเป็นครึ่งวงกลมขนาดใหญ่
ไม้ไผ่แต่ละลำถูกตัดเป็นครึ่งวงกลม หลินเว่ยเว่ยตัดไม้ไผ่หลายสิบลำเสร็จในเวลาเพียงครึ่งวัน ต่อจากนั้นนางก็ตบบ่าซัวถัวแล้วกล่าวว่า “งานที่เหลือยกให้เจ้าหมด ! ”
งานของซัวถัวก็ไม่เบาเหมือนกัน เขาต้องเลาะข้อต่อในไม้ไผ่ออกให้หมดและต้องทำช่องเสียบระหว่างไม้ทั้งสองท่อนด้วย
หลินเว่ยเว่ยก็ไม่ได้ว่างงาน หลังสำรวจบนภูเขาเสร็จแล้วนางก็เลือกเส้นทางเหมาะสมที่สุดในการวางท่อไม้ไผ่ขึ้นมา จากนั้นก็ลงสิ่วบนหินเพื่อทำชั้นวาง ตัดพุ่มไม้…งานก็ไม่เบาเหมือนกัน ! บนพื้นก็ต้องขุดยกร่อง…
ในเมื่อผู้ใหญ่บ้านกล่าวแล้วว่าหากต้องการความช่วยเหลือก็เอ่ยปากได้เลย หลินเว่ยเว่ยก็ไม่ได้บอกไปแล้วหรือ…ว่าให้เรียกเด็กหนุ่มและชายวัยกลางคนทั้งหมดในหมู่บ้านมาช่วยกันขุดยกร่อง
การขุดคูน้ำและสร้างระบบชลประทานถือเป็นงานช้างที่สร้างผลประโยชน์ในอนาคต ผู้ใหญ่บ้านจึงรีบเรียกทุกคนในหมู่บ้านมาช่วยกันทำกังหันวิดน้ำโดยดึงน้ำจากบนเขาและบอกถึงข้อดีเกี่ยวกับการชลประทานนี้แก่ทุกคน พอพวกชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตกใจทันที
ภัยแล้งในปีนี้รุนแรงมาก ธารน้ำสายเล็กที่ไหลอยู่ข้างหมู่บ้านล้วนแห้งเหือดไปนานแล้ว บ่อน้ำตรงตีนเขาก็ใกล้จะเห็นก้นบ่อ หากไม่ได้เป็นเพราะบนเขามีแหล่งน้ำไม่แห้งเหือดตลอดปี พวกเขาก็คงเป็นเหมือนหมู่บ้านอื่นที่แม้แต่การบริโภคน้ำก็กำลังเกิดปัญหา
แหล่งน้ำบนภูเขากับแปลงนาห่างกันเป็นระยะทาง 5 ลี้ การแบกถังน้ำขึ้นลงเขาจึงใช้ระยะเวลา 2 เค่อ ( 30 นาที ) หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันสามารถรดน้ำได้แค่ประมาณ 2 หมู่เท่านั้น หากบ้านใดมีผู้ชายเยอะก็ว่าไปอย่าง ยังสามารถผลัดกันระหว่างกลางวันกลางคืนไปหาบน้ำได้ แต่ถ้าบ้านไหนมีแรงงานน้อยก็ได้แต่มองพืชผลในไร้เหี่ยวตายเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นบ้านตระกูลหลิน ตอนเจ้าเด็กโง่ยังไม่หายก็มีเพียงนางหวงที่พาบุตรสาวคนโตไปทำงานในนาเท่านั้น นางเหนื่อยจนล้มป่วยแต่ก็รักษาผลผลิตไว้ได้แค่หนึ่งหมู่กว่า ๆ เท่านั้น
หลังจากที่หลินเว่ยเว่ยกลับมาเป็นปกติแล้วยังมีพละกำลังมหาศาลอีก แม้ว่าในแต่ละวันจะยุ่งเพียงใด นางก็จะรดน้ำในแปลงนาทั้งเช้าและเย็นจึงทำให้ผลผลิตไม่ลดลง…เมล็ดพันธุ์ของบ้านนางก็ดี น่าเสียดายที่พวกเขาไปช้าเกินไป พวกมันต่างถูกผู้ใหญ่บ้านและครอบครัวที่สนิทแลกเปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าปีหน้าจะหาซื้อเมล็ดพันธุ์เช่นเดียวกันได้จากในเมืองหรือไม่
ถ้ามีกังหันวิดน้ำรวมกับการขุดคูน้ำเพื่อนำน้ำเข้าสู่แปลงนาของทุกครัวเรือน แม้ภัยแล้งจะยังดำเนินต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องผลผลิตอีก
หลังคิดได้เช่นนี้ทุกคนในหมู่บ้านก็กระตือรือร้นในการช่วยกันขุดคูน้ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน