หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 153 ไม่ค่อยปลอดภัย
ณ ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ หนิงตงเซิ่งกำลังเดินอยู่ในร้านและเมื่อเห็นหลินเว่ยเว่ยในชุดสีเขียวอ่อน เขาก็เผยแววตาประหลาดใจและตกตะลึงกับภาพตรงหน้าทันที…คาดไม่ถึงว่าหลินกู่เหนียงในชุดสตรีจะดูโดดเด่นเพียงนี้ !
“หลินกู่เหนียง ไม่พบกันหลายวัน ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง ? ” การแสดงออกของหนิงตงเซิ่งเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่ตัวเองก็ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ
“ทำให้คุณชายหนิงเป็นห่วงแล้ว ทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยดี ! ” หลินเว่ยเว่ยชี้ไปที่ตะกร้าไม้ไผ่แล้วกล่าวว่า “สินค้าที่ส่งมาในครั้งนี้คือแอปเปิลแคระอบแห้ง หากผ่านไปอีกหน่อยจะมีสาลี่ป่าอบแห้งด้วย โชคดีที่คุณชายหนิงอยู่พอดี ลองชิมสินค้าดีหรือไม่ ? ”
“สินค้าของหลินกู่หลินยังมีสิ่งใดให้กังวลอีกหรือ ? ” หนิงตงเซิ่งคลี่ยิ้ม ทว่าภายใต้การยืนกรานของหลินเว่ยเว่ย ท้ายที่สุดเขาก็หยิบแอปเปิลแคระอบแห้งขึ้นมาหนึ่งชิ้น เขามองมันอย่างละเอียดจากนั้นก็ใช้จมูกสูดดม แล้วถึงจะใส่เข้าปาก
“ไม่เลว แอปเปิลแคระมีสีสันสดใส ชิ้นกำลังพอดี กลิ่นหอมของผลไม้เข้มข้น รสหอมหวานสดชื่น สามารถกล่าวได้ว่าสี กลิ่นและรสเป็นหนึ่งเดียวกัน ! ” หนิงตงเซิ่งพอใจจนชมไม่ขาดปาก
“คุณชายหนิงพอใจก็ดีแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยรับสมุดบัญชีมาจากเถียนฟู่กุยจากนั้นก็เริ่มมองอย่างจริงจัง…ไม่จริงจังก็คงไม่ได้เพราะวิธีเขียนบัญชีที่พวกเขาใช้ล้วนเป็นรูปแบบเก่า เวลาอ่านจึงกินพลังงานสุด ๆ หลินเว่ยเว่ยเหลือบมองบัณฑิตหนุ่มครู่หนึ่ง…นางหวังจริง ๆ ว่าอาจารย์ของบัณฑิตหนุ่มจะทำได้มากกว่านี้เพื่อส่งเสริมวิธีการเขียนบัญชีรูปแบบใหม่
ต่อจากนั้นนางก็ลงชื่อในสมุดบัญชีเพื่อรับเงินค่าสินค้าในช่วงยี่สิบกว่าวันนี้ ตอนที่หนิงตงเซิ่งส่งหลินเว่ยเว่ยออกจากร้าน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “หลินกู่เหนียง เจ้าควรกักตุนข้าวสารไว้ที่บ้านแล้วก็ทุกครั้งที่มาส่งสินค้า ทางที่ดีควรส่งคนมาเพิ่มสองสามคนเพราะช่วงนี้นอกเมืองไม่ค่อยสงบ…”
หลินเว่ยเว่ยแสดงท่าทางครุ่นคิด พอมาถึงท่าเรือแล้วนางก็กล่าวกับเจียงโม่หานด้วยน้ำเสียงท้อแท้ว่า “ดูเหมือนโลกกำลังจะวุ่นวาย ! ช่วงนี้เจ้าทำตัวดี ๆ อ่านตำราแต่ในบ้าน ห้ามเดินไปไหนมั่วซั่วเพราะใบหน้าเช่นเจ้าไม่ค่อยปลอดภัย…”
เจียงโม่หานทำสีหน้ามืดมนทันที “ประโยคนี้ข้าควรกล่าวกับเจ้าต่างหาก ! ”
“เฮ้ ! เช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับว่าข้าไม่ได้มีหน้าตาเลวร้ายใช่หรือไม่ ? ต่อไปห้ามเรียกข้าว่าเด็กอ้วนหรือเด็กตัวเหม็นอีกล่ะ ตอนนี้ข้าเปลี่ยนจากลูกเป็ดขี้เหร่มาเป็นหงส์แล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยทำท่าสะบัดผมแล้วขยิบตาให้เขา
เจียงโม่หานทนมองไม่ได้จริง ๆ
“ห้องแถวเหล่านี้เป็นของใคร ? ” ระหว่างที่ทั้งสามคนเพิ่งเดินมาถึงบริเวณใกล้เคียงโกดังก็ได้ยินเสียงคนมาถามถึงเจ้าของโกดัง
หลินเว่ยเว่ยกับเจียงโม่หานหันมาสบตากันทันที…ฮึ ! เวลาทำการค้ามาถึงแล้ว !
หลิวว่ายจื่อรีบเดินขึ้นไปข้างหน้า เขาฉีกยิ้มอย่างกระตือรือร้นเป็นพิเศษ “ห้องแถวเป็นของเจ้านายข้าเอง ลูกค้าท่านนี้ถามไปเพื่อเหตุใดหรือ ? ”
“ห้องแถวของพวกเจ้าปล่อยเช่าหรือไม่ ? ” คนที่กล่าวคือชายวัยกลางคนดูเหมือนผู้ดูแลคนหนึ่ง เขามีหน้าตาที่ฉลาดเฉลียวทีเดียว
“ปล่อยเช่าสิ ขอแค่ราคาสมเหตุสมผล เหตุใดจะไม่ปล่อย ? ” หลินเว่ยเว่ยเดินขึ้นด้านหน้าแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ชายผู้นั้นกวาดตามองนางอย่างเย็นชา เขาเลือกจะพูดกับหลิวว่ายจื่อต่อ “เรียกนายของพวกเจ้ามา บอกว่ามีข้อตกลงจะคุยกับเขา”
“เจ้าเป็นแค่ผู้ดูแลคนหนึ่ง ทว่าใจกล้านัก ! อยากเจอนายข้าหรือ ? ได้สิ ผู้ดูแลหลิว ดูตารางเจ้านายว่าเมื่อไรจะว่าง” หลินเว่ยเว่ยส่งสายตาให้หลิวว่ายจื่อ
พอหลิวว่ายจื่อได้ยินคำเรียก ‘ผู้ดูแลหลิว’ ก็มีความสุขขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเขาก็หยิบสมุดบัญชีของตนออกมาพลิกดู เขาทำท่าทางพลิกกลับไปกลับมาหลายครั้ง จากนั้นก็แสร้งแสดงสีหน้าเสียใจ “ไอหยา พี่ชาย ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ หากเจ้ายืนกรานจะพบเจ้านายของพวกเราให้ได้ก็ต้องขอให้รอไปอีกครึ่งเดือน ได้หรือไม่ ? ”
หลังกล่าวจบหลินเว่ยเว่ยก็เดินมาที่ริมน้ำ เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ว่าระดับน้ำลดลงเยอะมาก จากนั้นนางก็หันไปมองเรือขนสินค้าหนักที่กำลังเกยตื้นอยู่ตรงท่าเรือ…นางไม่กังวลว่าโกดังจะไม่มีคนเช่า แล้วเหตุใดต้องถ่อมตนเพื่อคอยดูสีหน้าของบ่าวรับใช้คนหนึ่งด้วย ?
“หืม ? ผะ…ผู้มีพระคุณเองหรือ ? ชิงเฟิง เจ้ารีบดูสิ นี่คือผู้มีพระคุณของพวกเราใช่หรือไม่ ? ” ทันใดนั้นเสียงแห่งความดีใจก็ดังมาถึงหูของหลินเว่ยเว่ย
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองทางต้นเสียง ขณะมองใบหน้าที่แปลกตาแต่ก็ดูคุ้นเคยนั้น นางเกิดความลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ท่านเองหรือ…พัฒนาขึ้นแล้วนี่ คราวนี้ไม่ได้เล่นมวยปล้ำแล้วสิท่า ! ”
ลู่เหวินจวินใช้พัดถูท้ายทอยของตนด้วยความเขินอาย “ทำให้กู่เหนียงต้องหัวเราะแล้ว…กู่เหนียงเคยช่วยข้าไว้ถึงสองครั้ง ข้ายังไม่ทราบชื่อแซ่ของท่านเลย”
“ข้าก็บอกแล้วว่าเรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจหรอก ท่านแม่สอนข้าตั้งแต่เด็กว่าเวลาทำความดีไม่ต้องแสดงชื่อแซ่ คุณชายไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอก” หลินเว่ยเว่ยโบกมือ ขณะสาวเท้าไปนางก็แอบมองทางบัณฑิตหนุ่มเพราะกลัวว่าเขาจะพ่นถ้อยคำบ้า ๆ อย่างเช่น ‘บุญคุณช่วยชีวิต ต้องอุทิศร่างกายตอบแทน’ ออกมาอีก
เจียงโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย เท่าที่รู้จักเด็กตัวแสบแล้วสายตานี้หมายความว่านางกำลังรู้สึกผิด แต่นางรู้สึกผิดเรื่องใด ? หรือจะเกี่ยวข้องกับหนุ่มน้อยรูปงามตรงหน้านี้ ?
เจียงโม่หานใช้สายตาพิจารณาลู่เหวินจวิน รูปร่างไม่สูงมาก คิ้วก็ไม่ยาวเท่าไร รอยยิ้มก็ดูประจบสอพลอ…บุรุษแต่มีเขี้ยวน่ารักราวกับเสือน้อย กล่าวคือดูอ่อนหวานเกินไป ขาดกลิ่นอายเยี่ยงบุรุษพึงมี !
“คุณชาย นี่ก็ใกล้ยามอู่แล้วขอรับ พวกเรารีบหาที่เก็บของกันเถิด นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่นายท่านมอบให้คุณชายแล้ว อย่าให้ล้มเหลวอีกเลย…” ชิงเฟิงเห็นว่าเจ้านายกำลังเอาแต่นึกถึงความหลังจนลืมงานไปเสียสนิท เขาจึงอดไม่ได้ที่จะร้อนใจแทน
เดิมทีคุณชายของเราก็ไม่ควรมาทำการค้าเลย แต่เขาไม่ยอมนั่งเป็นคุณชายรองดี ๆ ที่บ้าน เขาโวยวายบอกว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระนายท่านและคุณชายใหญ่ แต่ทุกครั้งที่การค้ามาอยู่ในมือก็จะเจอกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่เคยได้เจรจาอย่างราบรื่นสักครั้ง
คราวนี้นายท่านเอ่ยไว้อย่างชัดเจนว่าหากยังทำไม่สำเร็จก็ต้องหยุดอยู่บ้านดี ๆ แล้วต่อไปจะแบ่งพวกร้านค้าและที่ดินให้คุณชายรอง แม้อาศัยแค่ค่าเช่าก็ยังเลี้ยงตัวได้ ส่วนเรื่องทำการค้า…เลิกคิดเสียเถิด !
พอหลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเหินห่างก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นทันที “คุณชายกำลังมองหาโกดังเก็บสินค้าหรือ ? ”
ชิงเฟิงเข้าไปห้ามไม่ทันเพราะคุณชายพยักหน้ารับอย่างโง่งมแล้ว “ใช่ ! ท่านพ่อให้ข้ามาส่งสินค้าไปเมืองหมินโจว แต่ระดับน้ำลดลงกะทันหัน เรือขนสินค้าหลายลำจึงเกยตื้นในแม่น้ำ ด้วยความจนปัญญาก็ต้องขนถ่ายสินค้าออกบางส่วนแล้วเก็บพวกมันไว้ที่ท่าเรือระยะหนึ่งเพื่อเปลี่ยนเป็นการขนส่งสองรอบแทน ! ”
“ไอหยา ! ถือว่าท่านโชคดีที่ได้มาเจอข้า ! ข้ารู้จักโกดังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จพอดี ทั้งแข็งแรง กว้างขวาง แห้งสะอาด…ใช้เก็บสินค้าได้ดีเชียวล่ะ ! ” หลินเว่ยเว่ยยกย่องโกดังของตนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้…ใช่ว่านางต้องการที่จะโอ้อวด ทว่าแม้จะเดินตามหาทั้งท่าเรือนี้แล้วก็ไม่มีโกดังที่กว้างและได้มาตรฐานเหมือนโกดังของนางอีกแล้ว
ลู่เหวินจวินดีใจมาก “เยี่ยมไปเลย รบกวนกู่เหนียงนำทางเลยดีกว่า”
ตอนหลินเว่ยเว่ยพาลู่เหวินจวินมาถึงโกดัง ผู้ดูแลซึ่งไม่ทราบที่มาที่ไปคนนั้นก็ยังทำท่าทางวางอำนาจและเถียงกับหลิวว่ายจื่อไม่จบ
“ผู้ดูแลหลิว ในเมื่อเขาไม่อยากดูโกดังของเราก็เชิญผู้ดูแลท่านนี้ไปหาที่อื่นเถิด คุณชายท่านนี้เป็นคนรู้จักของข้าเอง จงพาไปดูโกดังของพวกเรา ถ้าพอใจก็ให้ราคาพิเศษสำหรับคนกันเอง ! ”