หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 186 เรื่องระหว่างเจ้าสองคน
ตอนที่ 186 เรื่องระหว่างเจ้าสองคน
นายทหารหนุ่มเมื่อครู่ทูลขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ทูลองค์ชายเจ็ด โกดังนี้ต้องใช้เงิน 10 ตำลึงต่อหนึ่งหลังพ่ะย่ะค่ะ คิดเป็นรายวันทั้ง 16 หลังก็เป็นเงิน 160 ตำลึง ! นี่ถือเป็นเงินก้อนโตในขณะที่แคว้นกำลังลำบากพ่ะย่ะค่ะ ! ”
เงินก้อนโตในขณะที่แคว้นกำลังลำบากอันใดกัน นายของพวกเจ้าวางมาดถึงเพียงนี้แล้วยังต้องกลัวอันใดอีก ?
หลินเว่ยเว่ยจึงรีบกล่าวว่า “องค์ชายผู้สูงศักดิ์ เมื่อครู่พระองค์ตรัสว่าจะสอบสวนเรื่องที่เจ้าเมืองจงโจวปิดบังเหตุภัยแล้ง จริงหรือไม่เพคะ ? ”
องค์ชายเจ็ดรีบรับคำ “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เจ้าคิดว่าองค์ชายว่างจนมีเวลามาล้อเจ้าเล่นหรือไร ? นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับราษฎรหมู่มาก ดังนั้นเปิ่นหวางต้องจัดการแน่นอน ! ”
หมินอ๋องซื่อจื่อมองอีกฝ่ายแล้วกล่าวพร้อมคิ้วที่ขมวด “พระองค์ไปบรรเทาทุกข์ทางตะวันตก ประเดี๋ยวข้าอยู่จัดการที่นี่เอง ! ”
องค์ชายเจ็ดตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่แล้วมีคนพุ่งเป้าไปที่เสบียงบรรเทาทุกข์ระหว่างทาง เปิ่นหวางจะทำเช่นไร ? ”
“ข้าขอเพียงผู้ช่วยสองคนไว้ที่นี่ ส่วนพระองค์ก็นำทหารหลายพันนายที่เหลือไปด้วย เช่นนั้นจะมีปัญหาอันใดอีก ? ” หมินอ๋องซื่อจื่อยืนกรานว่าจะไม่เปิดโอกาสให้องค์ชายเจ็ดหลุดรอดเด็ดขาด !
องค์ชายเจ็ดเข้าไปอยู่ข้างอีกฝ่ายแล้วแย้มพระโอษฐ์เหมือนปิศาจร้าย “สำหรับองค์ชายแล้ว ทหารหลายพันนายก็สู้จินเฉิงคนเดียวไม่ได้…”
“องค์ชายเจ็ดตรัสเช่นนี้จะทำให้เหล่าทหารหมดกำลังใจเอาได้ ! ”
ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยเป็นประกายมากขึ้นเรื่อย ๆ ไอหยา องค์ชายทรงเสน่ห์ใช้ความงามเป็นอุบาย ส่วนซื่อจื่อผู้เย่อหยิ่งก็มีหัวใจแกร่งดั่งเหล็ก ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ละครน่าตื่นเต้นมากขึ้นแล้ว !
องค์ชายเจ็ดเห็นว่าแผนการไม่สำเร็จจึงวางแผนใหม่อีกครั้ง แต่แล้วพระองค์ก็หันไปเห็นหลินเว่ยเว่ยที่กำลังตื่นเต้นต่อบางสิ่งบางอย่างอยู่ พระองค์จึงตรัสกับหมินอ๋องซื่อจื่อว่า “เอาเช่นนี้ดีกว่า ! สายตาของสามัญชนมักซื่อตรง ดังนั้นก็ให้กู่เหนียงตัดสินว่าเปิ่นหวางผู้นี้หรือเจ้าซื่อจื่อควรอยู่ต่อ ? ”
หืม ? เรื่องระหว่างเจ้าสองคน เหตุใดลากข้าไปเกี่ยวเสียได้ ? นี่ไม่ใช่ว่าแกล้งตายอยู่แต่ยังโดนยิงอีกหรือ ? หลินเว่ยเว่ยจึงตอบโต้ไปอย่างไม่รีบร้อน “ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายหรือใต้เท้าซื่อจื่อ ขอเพียงนำเสบียงบรรเทาทุกข์ออกมาแจกจ่ายราษฎรเขตเริ่นอันได้ หม่อมฉันก็ยอมยกโกดังให้ใช้โดยไม่คิดเงิน ! ”
หลิวว่ายจื่อที่หลบอยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตกใจ ว่าอย่างไรนะ ? ให้เช่าโดยไม่คิดเงิน ? ไม่ได้เงินกลับมา แล้วคุณชายหนิงจะไม่ตำหนิว่าข้าทำงานไม่ได้เรื่องและไล่ข้าออกหรือ ? ข้าเพิ่งแตะประตูของการเป็นผู้ดูแลใหญ่ได้เอง ข้าไม่อยากโดนไล่ออกเพราะเรื่องนี้ !
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ชายและซื่อจื่อ แม้เขาจะเต็มไปด้วยความวิตกกังวลก็ไม่อาจแสดงออกมาได้ นางหนูรองหนอนางหนูรอง เหมือนในนิทานพื้นบ้านไม่มีผิด…สำเร็จก็เพราะเจ้า ล่มจมก็เพราะเจ้า !
“ไม่เป็นไรจริงหรือ ? นี่คือเงินร้อยกว่าตำลึงเชียว ! เจ้าไม่จำเป็นต้องปรึกษากับผู้ใหญ่ในตระกูลก่อนหรือ ? ” ดวงเนตรอันทรงเสน่ห์ขององค์ชายเจ็ดสำรวจตัวหลินเว่ยเว่ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
จากประสบการณ์อ่านความนึกคิดของผู้คน ( เดาใจสตรี ) ที่ได้สั่งสมมานานหลายปี แม้จะบอกว่ากู่เหนียงนางนี้มีรูปร่างสูงโปร่ง ใจเด็ด ใบหน้ากลมมนแฝงความเยาว์วัยพอสมควรและแววตาอันไร้เดียงสาคู่นั้นจึงมั่นใจเต็มร้อยว่าเด็กคนนี้มีอายุไม่มาก เสื้อผ้าบนตัวนางก็มีฝีมือเย็บปักและเนื้อผ้าธรรมดา ไม่เหมือนสตรีจากตระกูลร่ำรวย ทว่าผู้ใดให้ความกล้านี้แก่นางจนมาคุยโวว่าจะไม่เก็บเงิน 160 ตำลึงต่อวันจากพวกพระองค์ ?
หรือว่า…กู่เหนียงน้อยคนนี้ดูถูกพระองค์ ไม่คิดว่าจะสามารถนำเสบียงบรรเทาทุกข์ออกมาแจกจ่ายเมืองจงโจวได้ ?
หลินเว่ยเว่ยเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องปรึกษาหรอกเพคะ ! เรื่องเล็กน้อยแค่นี้หม่อมฉันตัดสินใจเองได้ ! ถ้าคนในบ้านทราบถึงการตัดสินใจของหม่อมฉันก็ไม่เพียงเห็นด้วย แต่ยังสนับสนุนอีกแรง ! ”
“ได้ ! ถือว่าเขตเริ่นอันมีราษฎรที่ภักดีเยี่ยงเจ้า ขอแค่เป็นอย่างที่เจ้ากล่าวมาว่าเหตุภัยแล้งในเมืองจงโจวเกิดขึ้นจริง องค์ชายต้องพยายามนำเสบียงออกมาแจกจ่ายอย่างสุดความสามารถ หากฟู่หวง1ไม่สนับสนุน เปิ่นหวางก็จะควักเงินในคลังส่วนตัวมาซื้ออาหารให้พวกเจ้าเอง ! ! ” องค์ชายเจ็ดเก็บพัดพร้อมหยุดตรัสอยู่ที่ตรงนี้ !
หลินเว่ยเว่ยเผยฟันอันขาวสวยราวหิมะ “แม่ทัพน้อย ท่านมัวยืนนิ่งเพื่อเหตุใด ! รีบขนย้ายเสบียงสิ ! ”
ต่อจากนั้นนางก็หมุนตัวไปทูลกับองค์ชายเจ็ด “ตกลงกันให้ชัดเจนก่อนเพคะ หม่อมฉันให้ใช้แค่โกดัง ยังไม่รวมบริการด้านอื่น เสบียงที่พระองค์เก็บรักษาเป็นอาหารที่ใช้บรรเทาทุกข์ ! งานเฝ้าระวังจึงไม่อยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของพวกเรา ! ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ! ” องค์ชายเจ็ดหันไปตรัสกับหมินอ๋องซื่อจื่อ “จินเฉิง นั่งเรือมานานถึงเพียงนี้ สนใจจะควบม้าออกไปนอกเขตกับเปิ่นหวางหรือไม่ ? จะได้ยืดเส้นยืดสายกันหน่อย”
หมินอ๋องซื่อจื่อเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่ออย่างรวดเร็วจึงรีบพยักหน้ารับ “ข้าต้องไปเป็นเพื่อนพระองค์อยู่แล้ว ! ”
ใช้โอกาสระหว่างขนเสบียงเข้าโกดัง บุรุษทั้งสองก็ออกไปขี่ม้าสำรวจหมู่บ้านใกล้เขตเริ่นอัน ในพื้นที่เพาะปลูกไม่มีแม้แต่หญ้าขึ้น บ้าน 10 หลังจะว่างถึง 9 หลัง แม่น้ำแห้งเหือด ดินแตกระแหง นอกเมืองมีการรวมตัวของผู้ประสบภัยมากมายและมีคนตายทุกวัน…
เมื่อกลับจากนอกเมืองแล้ว องค์ชายเจ็ดและหมินอ๋องซื่อจื่อก็มีสีหน้าหมองคล้ำราวกับท้องฟ้าก่อนที่จะเกิดพายุโหมกระหน่ำ เจ้าเมืองจงโจวมัวทำสิ่งใดอยู่ ? ขุนนางที่มาตรวจตราภัยแล้งก่อนหน้านี้ก็ตาบอดกันหรือไร ?
“หม่าชิงฮุ่ยเก่งเสียจริง แม้แต่คนที่ฟู่หวงส่งมาก็ยังกล้าซื้อตัว ! ” องค์ชายเจ็ดบีบพัดจนเสียรูปทรง !
พระองค์รีบร่างฎีกาหนึ่งเล่มแล้วรีบให้ม้าเร็วส่งไปยังเมืองหลวง ฎีกาเล่มนี้ต้องถึงเมืองหลวงก่อนค่อยถูกส่งกลับมา อย่างน้อยต้องใช้เวลาครึ่งเดือน ไม่รู้ว่าชาวบ้านในเมืองจงโจวต้องอดตายอีกเท่าไร…
องค์ชายเจ็ดจึงเสด็จไปหานายอำเภอหวางแล้วสั่งให้เขาเปิดคลังบรรเทาทุกข์เพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
นายอำเภอหวางเผยสีหน้าย่ำแย่ “ทูลองค์ชาย หากไม่มีพระราชโองการจากฝ่าบาท กระหม่อมจะกล้าเปิดคลังได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ? นะ…นี่เป็นโทษประหารชีวิตเลยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
องค์ชายเจ็ดทราบว่าฮูหยินของอีกฝ่ายจัดงานชมบุปผาขึ้นแล้วเชิญภรรยาของพ่อค้าต่าง ๆ มาร่วมสังสรรค์ เพื่อรวบรวมเงินซื้อข้าวสารแล้วต้มโจ๊กเพื่อแจกจ่ายอยู่นอกเมือง ผู้ประสบภัยที่อยู่นอกเมืองล้วนซาบซึ้งในบุญคุณของนายอำเภอ แม้คนผู้นี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าเป็นขุนนางที่ดีซึ่งทำงานเพื่อราษฎร !
องค์ชายเจ็ดทุบพระอุระเพื่อเป็นการรับประกัน “เปิ่นหวางได้ถวายฎีกาเรื่องภัยแล้งของอำเภอเป่าชิงไปยังราชสำนักแล้ว เสบียงบรรเทาทุกข์กำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง เจ้าเปิดคลังก่อน หากเกิดปัญหาแล้ว เปิ่นหวาง…กับหมินอ๋องซื่อจื่อจะช่วยกันรับผิดชอบเอง ! ”
หมินอ๋องซื่อจื่อถึงขั้นพูดไม่ออก
เจ้าเป็นคนตัดสินใจทำเองแล้วเหตุใดจึงลากข้าไปเกี่ยวด้วย ? อยากให้ข้ารับปัญหาแทนเจ้าอีกแล้วสิท่า ?
นายอำเภอหวางหันไปมองหมินอ๋องซื่อจื่อที่ดูมีความชอบธรรมและน่าเกรงขามครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าพึ่งพากว่ามาก ! ไม่ได้แปลว่าหมินอ๋องซื่อจื่อพึ่งพาได้ แต่หมายถึงตำแหน่งในหทัยของฮ่องเต้ที่แตกต่างจากผู้อื่น
เนื่องจากหมินอ๋องคือหนึ่งในทหารร่วมรบของฮ่องเต้ที่ยังมีชีวิตจนถึงบัดนี้ ในสนามรบได้ช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้หลายต่อหลายครั้ง ไม่เพียงเท่านี้คือเมื่อ 15 ปีก่อน แม้แต่หมินหวางเฟย2ที่กำลังใกล้คลอดบุตรก็สวมฉลองพระองค์ของฮองเฮาเพื่อช่วยหลอกล่อกบฏออกไปและแบกรับหายนะแทนฮองเฮาที่กำลังตั้งครรภ์องค์รัชทายาทเอาไว้
และหมินหวางเฟยยังให้กำเนิดทารกในสนามรบซึ่งมีโอกาสรอดตายน้อยมาก ต่อมาหมินหวางเฟยได้กลับไปตามหาตัวบุตรชาย ทว่ากระทั่งบัดนี้นางก็ยังหาตัวบุตรชายไม่พบ ร่างกายของหมินหวางเฟยได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังสูญเสียบุตรไปอีกจึงส่งผลกระทบต่อจิตใจ นางจึงมีสติบ้างสับสนบ้างเป็นครั้งคราว ต้องใช้ชีวิตอย่างมืดมนมาถึง 15 ปีแล้ว
สามารถกล่าวได้ว่าด้วยผลงานของหมินอ๋องและหมินหวางเฟย ขอแค่ทั้งสองไม่คิดก่อกบฏ ไม่ว่าบรรดาเจ้านายทั้งหลายของจวนหมินอ๋องทำผิดอันใด ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางเอาชีวิตพวกเขาแน่นอน !
ด้วยเหตุนี้สำหรับนายอำเภอหวางแล้ว ป้ายแสดงฐานะของหมินอ๋องซื่อจื่อจึงดูน่าเชื่อถือกว่าการทุบอกรับประกันขององค์ชายเจ็ด…เกรงว่าภาพลักษณ์องค์ชายเจ้าสำราญจะหยั่งรากลึกในจิตใจของผู้คนมากเกินไป
1 ฟู่หวง คือ คำที่พระโอรสหรือพระธิดาใช้เรียกพระบิดาที่เป็นองค์ฮ่องเต้
2 หวางเฟย คือ พระชายาเอกของอ๋อง