หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 200 เชื่อใจกู่เหนียงได้หรือ
ตอนที่ 200 เชื่อใจกู่เหนียงได้หรือ
หนิงตงเซิ่งแทบรอไม่ไหว ! เหมือนนกยูงเพศผู้ที่อยากรำแพนเพื่อดูดความสนใจจากนกยูงเพศเมีย สำหรับร้านค้าที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างมา เขามั่นใจเต็มร้อยว่าหลินกู่เหนียงต้องชอบแน่นอน !
เขาคิดว่าหลินกู่เหนียงกับตนต่างหากถึงจะเป็นคนที่เดินบนทางเส้นเดียวกัน บัณฑิตเจียงผู้นั้นเย็นชาและเย่อหยิ่งเกินไป เวลาที่หลินกู่เหนียงอยู่ต่อหน้าก็ต้องระวังเสมอ แม้อนาคตทั้งสองคนจะพัฒนาไปถึงความสัมพันธ์ขั้นสามีภรรยา แต่นางก็อาจจะไม่มีความสุข…นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น !
“น้องหนิง เราเองก็ถือเป็นลูกค้าประจำ เหตุใดเวลาอยากกินขนมร้านเจ้าจึงยากเช่นนี้ ? ” ชายหนุ่มท้ายแถวสะบัดพัดไปมาด้วยความหงุดหงิด
หนิงตงเซิ่งจึงกล่าวกับพนักงานในร้านว่า “ไปชงชาชั้นดีมาให้คุณชายหูถ้วยหนึ่ง ถือเป็นคำขอโทษที่ข้ามีต่อท่านก็แล้วกัน ท่านดูสิ สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าสิ่งใดก็ขาดแคลน วัตถุดิบทำขนมก็เช่นเดียวกัน หาซื้อได้ยากมาก ! ต้องขอให้คุณชายหูอภัยด้วย ! ”
หลังจากสนทนากับลูกค้าประจำเสร็จแล้ว หนิงตงเซิ่งก็พาพวกหลินเว่ยเว่ยสามคนเข้ามาในร้าน หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าไม่อยากให้ลูกค้ารอแล้วเสียเวลาเปล่าก็สามารถทำบัตรคิวขึ้นมาได้ ! หนึ่งคนหนึ่งหมายเลข วันนี้ทำขนมเท่าไรก็ให้บัตรคิวเท่านั้น แบบนี้จะเลี่ยงไม่ให้ลูกค้าด้านหลังต้องต่อคิวนานถึงหนึ่งชั่วยามแต่ไม่ได้ขนมกลับไป ! พอเจอเช่นนี้เข้าสองสามครั้งแม้จะยังอยากกินขนมอยู่ แต่จะไม่เหลือใจให้ไขว่คว้า ไม่แน่ว่าอาจเก็บไปขุ่นเคืองแล้วพลอยว่าร้ายไปทุกที่ด้วย ! ”
“ใช่ ! ความคิดนี้ดี ประเดี๋ยวข้าจะรีบสั่งคนไปทำบัตรคิว ! ” ต่อจากนั้นหนิงตงเซิ่งก็ให้นักบัญชีทำชุดบัตรคิวขึ้นมาแล้วออกไปอธิบายกฎใหม่แก่ลูกค้าที่ต่อแถวอยู่หน้าร้าน
ลูกค้าที่อยู่ด้านนอกล้วนคิดว่าเป็นวิธีที่ดี ตอนนี้ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะผ่านไปแล้ว หากเป็นช่วงกลางฤดูร้อนแสงแดดสาดใส่ผู้ที่ต่อแถวอยู่ เช่นนั้นได้ทรมานกันแน่ หากได้รับบัตรคิวแล้วก็สามารถไปหาที่รอใต้ร่มไม้ใกล้เคียงหรือนั่งรอใต้ชายคา เมื่อถึงคิวของตนก็ค่อยเดินออกมาซื้อขนม
นอกจากนี้หลินเว่ยเว่ยยังชี้ไปตรงทางเท้าริมถนนหน้าร้าน “บริเวณนี้สามารถกางร่มหนังวัวขนาดใหญ่ไว้สักสองสามผืน ใต้ร่มสามารถตั้งพวกโต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่งต่าง ๆ เวลาลูกค้ารอคิวก็จะสามารถเลือกสั่งน้ำชา ถั่วคั่วชนิดต่าง ๆ เพื่อกินหรือดื่มรอ จะได้ไม่ต้องรอจนหงุดหงิด ! ”
“น้องชายท่านนี้คิดได้รอบคอบนัก น้องหนิง เจ้าไปหาขุมทรัพย์เช่นนี้มาจากที่ใด ? ความคิดของเขาแตกต่างจากเจ้าของร้านจริง ๆ หากไม่ได้เป็นเพราะขนมร้านเจ้ามีรสอร่อยและแปลกใหม่ ข้าไม่มีทางมาต่อแถวรอเช่นนี้แน่ ทว่าหากตรงนี้มีที่ให้ข้านั่งแถมยังได้กินไปรอไป ข้าก็คงไม่คิดว่ามันน่าหงุดหงิด ! ” เมื่อคุณชายหูได้รับบัตรคิวแล้วก็สะบัดพัดเดินเข้ามาอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นหนิงตงเซิ่งก็แนะนำหลินเว่ยเว่ยให้คุณชายหูรู้จักด้วยความภาคภูมิใจเป็นพิเศษ “ท่านผู้นี้เป็นถึงหุ้นส่วนของร้านขนมและผลไม้อบหนิงจี้ของพวกเรา ขนมชนิดใหม่มากมายในร้านล้วนเป็นสูตรที่เขามอบให้ทั้งนั้น คุณชายหูกล่าวถูกแล้วว่าเขาเป็นเหมือนขุมทรัพย์อย่างหนึ่ง ยิ่งขุดเท่าไรก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าล้ำค่ามากเท่านั้น ! ”
คุณชายหูมีดวงตาเบิกกว้าง เขามองหลินเว่ยเว่ยอย่างไม่อยากเชื่อสายตา จากนั้นก็พูดกับหนิงตงเซิ่งว่า “น้องหนิง เจ้าเป็นฝ่ายผิดแล้ว นี่เป็นถึงหุ้นส่วนของพวกเจ้าก็เหมือนเป็นเจ้าของร้านคนที่สอง แต่ไม่รู้จักส่งเสื้อผ้าดี ๆ ให้เขาใส่บ้าง”
“เสื้อผ้าเก่าสวมใส่สบาย ! ” หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มและแก้ตัวให้หนิงตงเซิ่ง
หนิงตงเซิ่งเองก็คลี่ยิ้มอย่างอบอุ่น เขากล่าวกับคุณชายหูว่า “พวกเรายังมีธุระอีก ขอเข้าไปในร้านก่อน คุณชายหูรอสักครู่ ขนมอบชุดต่อไปใกล้จะออกจากเตาแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในร้าน ตัวร้านมีสามห้อง ห้องหนึ่งไว้เก็บเมล็ดแตงโม ถั่วและเมล็ดคั่วชนิดต่าง ๆ ห้องที่สองเป็นห้องเก็บผลไม้อบแห้งและแยมผลไม้ นอกจากลูกท้ออบแห้ง บลูเบอร์รี่อบแห้งและเนื้อแผ่นที่มาจากบ้านพวกนางแล้วยังมีสินค้าอีกหลายชนิด แต่คุณภาพและราคาไม่เท่าสินค้าของพวกนาง ห้องสุดท้ายคือห้องเก็บขนมอบชนิดต่าง ๆ
ในร้านขนมมีชั้นวางสินค้า ขนมแต่ละชนิดถูกคลุมด้วยผ้าโปร่งแสงซึ่งมีประโยชน์ช่วยป้องกันแมลงและยังไม่ปิดกั้นมุมมองของลูกค้าด้วย หากลูกค้าชอบขนมชนิดไหน พนักงานก็จะเปิดผ้าคลุมออกแล้วหยิบขนมใส่กระดาษห่อ จากนั้นก็คิดเงินกับลูกค้าต่อไป แม้จะมีลูกค้าเยอะ แต่พวกพนักงานก็ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทั่วทั้งร้านดูเป็นระเบียบเรียบร้อย หลินเว่ยเว่ยจึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าชื่นชม
หนิงตงเซิ่งรับกล่องใบหนึ่งมาถือไว้ เขาเลือกขนมที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ ๆ ออกมาสองสามชนิดซึ่งมีวางจำหน่ายอย่างจำกัด หลังพาทั้งสามคนเข้ามานั่งในห้องแล้วเขายังชงชาด้วยตนเองอีกหนึ่งกาพลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หลินกู่เหนียง รีบชิมเถิด ดูว่ายังมีสิ่งใดต้องปรับปรุงอีกหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยชิมทุกอย่างอย่างละคำ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่เลว การควบคุมไฟและวัตถุดิบทำได้ไม่เลว ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดการค้าของคุณชายจึงดีเช่นนี้ ! ”
“เพราะสูตรที่หลินกู่เหนียงชี้แนะต่างหาก ! ” หนิงตงเซิ่งยกคำชมเชยให้นาง
หลังดื่มชาแล้วหลินเว่ยเว่ยก็ลุกขึ้น นางถามหนิงตงเซิ่งว่า “คุณชายหนิง ข้าขอดูห้องครัวของพวกท่านได้หรือไม่ ? ”
หนิงตงเซิ่งเห็นเจียงโม่หานกับน้องชายหลินกู่เหนียงล้วนกินกันแค่หนึ่งชิ้นก็หยุดมือ จึงรู้ว่าแม่ครัวทำขนมของร้านยังมีฝีมือห่างชั้นกับหลินกู่เหนียง หลังได้ยินเช่นนั้นดวงตาดอกท้อของเขาก็เปล่งประกายความสุขออกมาทันที “ย่อมได้อยู่แล้ว อย่ารอช้าอยู่เลย ! ”
ความประทับใจแรกที่หลินเว่ยเว่ยมีต่อห้องครัวคือ…สะอาดเรียบร้อย พวกแม่ครัวที่กำลังทำขนมอยู่ต่างมีหน้าที่เป็นของตนเองและทำงานกันอย่างเคร่งเครียด ผู้ดูแลห้องครัวคือแม่นมของหนิงตงเซิ่ง นางเป็นสตรีที่ฉลาดหลักแหลมและเข้มงวดคนหนึ่ง
เมื่อเห็นหนิงตงเซิ่งเดินเข้ามา ใบหน้าเคร่งขรึมของนางก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นเล็กน้อย “คุณชายห้า เหตุใดวันนี้ท่านจึงสนใจเข้ามาในครัวเจ้าคะ ? ”
หนิงตงเซิ่งกล่าวกับนางพร้อมรอยยิ้ม “ข้าพาสหายคนหนึ่งมาดูห้องแปรรูปขนมของเรา ! ”
แปรรูปขนม คำนี้ยังเป็นสิ่งที่เขาได้ยินมาจากปากหลินเว่ยเว่ยจึงคิดว่ามันดูแปลกใหม่ดี !
แม่นมรู้สึกประหลาดใจทันที นางมองหลินเว่ยเว่ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า…นี่เป็นเด็กสาวในชุดบุรุษ ! ห้องครัวด้านหลังถูกคุณชายห้าสั่งให้เป็นพื้นที่หวงห้ามมาโดยตลอด แม้คุณชายใหญ่จะมาก็ยังถูกปิดกั้นไว้อย่างเข้มงวด เขาจะพาสตรีที่ไหนไม่รู้เข้ามาได้อย่างไร ? คุณชายห้าของตนคงไม่ได้ไปเที่ยวเล่นแล้วคิดอันใดกับกู่เหนียงคนนี้หรอกกระมัง ?
มารดาของหนิงตงเซิ่งเสียชีวิตไปนานมากแล้ว แม่นมผู้ภักดีจึงเลี้ยงเขาเหมือนบุตรแท้ ๆ ทุกอย่างที่ทำจึงคิดจากมุมมองของเขา คุณชายมีคนที่ชอบแม่นมย่อมดีใจแทน แต่…นางก็ยังกังวลว่าคุณชายใหญ่จะทำเพราะสูตรขนมแล้วใช้อุบายหญิงงามมาหลอกล่อ ด้วยนิสัยของคุณชายใหญ่แล้วสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้จริง
แม่นมจึงลากหนิงตงเซิ่งมายังมุมหนึ่งแล้วกระซิบเบา ๆ ว่า “กู่เหนียงผู้นี้เชื่อใจได้หรือเจ้าคะ ? เหตุใดท่านพานางมายังห้องครัว ที่นี่วุ่นวายจะตาย ถ้าคนอื่นสัมผัสโดนเนื้อตัวของกู่เหนียงเข้าจะไม่ดีเอานะเจ้าคะ ! ”
หนิงตงเซิ่งรู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขาจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แม่นมวางใจได้ ห้องครัวนี้เป็นหัวใจของร้านเรา ข้าจึงเชิญท่านมาจับตาดูไว้ ฐานะของกู่เหนียงผู้นี้ไม่มีปัญหาแน่นอน ท่านเชื่อข้าเถิด ! ”
เมื่อเห็นครีมสดที่ถูกตีจนขึ้นฟูแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา นางพับแขนเสื้อขึ้นแล้วกล่าวว่า “จู่ ๆ ก็อยากกินครีมพัฟขึ้นมา วันนี้วัตถุดิบมีครบ มาดูข้าแสดงฝีมือกันเถิด ! ”
หนิงตงเซิ่งหันมามองด้วยความดีใจ เขารีบสั่งแม่ครัวมือหนึ่งของร้าน “หรงเหนียง เจ้าไปเป็นลูกมือให้หลินกู่เหนียง ! ”