หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 203 เขาก็มีวันนี้เหมือนกัน
ตอนที่ 203 เขาก็มีวันนี้เหมือนกัน
“แม้ว่าข้าไม่เคยมอบพื้นรองเท้าแต่ข้าก็ทำของอร่อยให้บัณฑิตน้อยกิน ! อาหารเลิศรส ขนมหอมหวาน…เจ้าก็กินแล้วไม่ใช่หรือ ? อาหารอร่อยที่ข้าเคยทำ พวกสุนัขกินหมดเลยหรือ ? เหตุใดจึงเลี้ยงสุนัขเนรคุณอย่างเจ้าออกมาได้นะ แถมยังรังเกียจที่ข้าไม่ใช่หญิงปักผ้า ! ” ครีมพัฟที่ทำในวันนี้ก็เป็นเขาที่กินเยอะสุด ฮึ ! นางยังเก็บใส่กล่องของขวัญไว้ตั้งหลายกล่อง พอกลับไปแล้วไม่มีส่วนของเจ้าแน่ !
เจียงโม่หานถึงขั้นพูดไม่ออก
บอกว่าทำของอร่อยให้เขากินแล้วยังบอกว่าเอาไปให้สุนัขกิน…อย่าโจมตีไม่เลือกเช่นนี้ได้หรือไม่ ? บัณฑิตหนุ่มเผยท่าทางว่าโดนทำร้ายและถ้าไม่มีครีมพัฟเขาก็คงไม่ดีขึ้น !
“คุณชายรองฉิง เหตุใดอยู่ดี ๆ ก็หยุดส่งสินค้าให้ร้านตระกูลอู๋ของเรา ? ถ้ามีปัญหาเรื่องราคา พวกเราคุยกันได้ ! ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยแต่ใบหน้าแตกต่างออกไป คาดไม่ถึงว่าอู๋ปัวที่คอยวางมาดเดินอวดบารมีในเขตเริ่นอันมาโดยตลอดก็มีวันที่ต้องใช้น้ำเสียงขอร้องผู้อื่นเหมือนกัน !
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายรองฉิงกำลังยืนอยู่บนบันไดหน้าร้านหยวนเค่อหลาย เขาก้มมองอีกฝ่ายอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า มุมปากค่อย ๆ โค้งมนขึ้น “ตระกูลอู๋ของพวกเจ้า…ไปผิดใจกับใครมาหรือไม่ ? ไม่ขายสินค้าให้ตระกูลอู๋ของเจ้าก็เป็นความคิดบิดาข้า เจ้ามาหาข้าก็ไม่มีประโยชน์อันใดหรอก ! ”
“นายท่านฉิงน่ะหรือ ? เป็นไปไม่ได้ แม้แต่หน้าตาของบิดาท่าน ข้ายังไม่เคยเห็นเลย จะไปทำให้เขาขุ่นเคืองได้อย่างไร ? ” หรือเขาทำตัววางอำนาจเกินไป แล้วไม่ระวังไปขัดตานายท่านฉิงเข้า
คุณชายรองฉิงทำท่าทางอยากช่วยแต่ช่วยไม่ได้ “เรื่องในร้าน ข้าไม่เคยยุ่ง ! ท่านพ่อเป็นคนตัดสินใจและไม่ยอมให้ใครเข้าไปแทรกแซงด้วย ข้าขอแนะนำเจ้าว่าหากไม่อยากปิดกิจการก็หาช่องทางซื้อสินค้าใหม่เถิด ! ”
“คุณชายรองฉิง…คุณ…” ตระกูลฉิงคือตระกูลพ่อค้าผ้าไหมรายใหญ่ที่สุดในอำเภอเป่าชิง แม้แต่ทั่วทั้งเมืองจิงโจวก็สามารถพูดได้ว่าราคาซื้อและขายผ้าไหมยุติธรรมที่สุด ลวดลายหลากหลาย ด้านคุณภาพก็มีการรับประกัน ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้าอื่นก็เกรงว่า…
ราคาแพงเป็นเรื่องรอง ได้กำไรน้อยหน่อยก็ยังถือว่าได้อยู่ แต่เรื่องประเภทและคุณภาพไม่มีการรับประกัน ! อู๋ปัวกะพริบตาปริบ ๆ พลางมองคุณชายรองฉิงขึ้นไปชั้นบน จากนั้นก็ก้มหน้าเดินจากไปอย่างท้อแท้
“ฮ่าฮ่า ! เจ้าแซ่อู๋ไม่ได้ชอบวางอำนาจมาโดยตลอดหรือ ? ทำตัวราวกับเง็กเซียนฮ่องเต้องค์ที่สองบนโลก เขาก็มีวันนี้เหมือนกัน ! ” เมื่อเห็นภาพนี้หลินเว่ยเว่ยก็เหมือนได้กินไอศกรีมในวันที่อากาศร้อนถึง 39 องศาเซลเซียส
เจียงโม่หานเลิกคิ้วขึ้น “อู๋ปัวเคยหาเรื่องเจ้าหรือ ? ”
“ไม่เคย ! แต่เขามาหาเรื่องเจ้าก็ยากที่ข้าจะทนรับไหว แค่เห็นเขาแล้วหงุดหงิด ! ดูท่า…ตระกูลอู๋จะซวยแล้ว ! ”
“คราวก่อนที่อู๋ปัวบาดเจ็บ เป็นฝีมือของเจ้าหรือไม่ ? ” เจียงโม่หานมองดวงตาของนางขณะถาม
หลินเว่ยเว่ยทำดวงตาเล็กเรียวเป็นเส้นราวกับจิ้งจอกน้อยจอมซน “เจ้าทายสิ ? ”
เจียงโม่หานมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วจึงถามต่อ “ที่ร้านขายขนมและผลไม้อบอู๋จี้ต้องปิดกิจการเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่ ? ”
“เจ้า…ลองทายอีกสิ ! ” หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มจนหน้าบานกว่าเดิม !
“โง่ ! ” ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาถูกนางยั่วโทสะจนไม่น่ามองแม้แต่น้อย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าโดนอู๋ปัวทำร้าย ? ”
“หืม ? คราวก่อนเจ้าโดนคนแซ่อู๋ทำร้ายหรือ ? ทนไม่ได้ ไป…ข้าจะพาเจ้าไปจับเขายัดใส่กระสอบ…” ท่าทางและน้ำเสียงของหลินเว่ยเว่ยดูเกินจริงเป็นอย่างมาก
เจียงโม่หานกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “คราวก่อนที่อู๋ปัวโดนหักขาก็โดนคนเอากระสอบคลุมศีรษะไว้ ! ”
“ฮ่าฮ่า ! ดูเหมือนจะมีคนคิดเหมือนข้า เจ้าแซ่อู๋หาเรื่องโดนทุบเอง น่าจะหักขาทั้งสองข้างของมัน ดูสิว่ายังจะกล้าออกมาทำตัวอวดเบ่งอีกหรือไม่ ! ” หลินเว่ยเว่ยเผยท่าทาง…แม้ตายข้าก็ไม่ยอมรับ เจ้าจะทำอันใดข้าได้
ทันใดนั้นเสียงของเจียงโม่หานก็แฝงไปด้วยความทอดถอนใจ “เจ้าช่วย…อย่าออกหน้าแทนคนอื่นได้หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยบ่นพึมพำ “เจ้าไม่ใช่คนอื่น…”
“เจ้าทำเช่นนี้เหมือนทำให้ข้าไร้ประโยชน์…” เจียงโม่หานรู้สึกคันไม้คันมือ เขาจึงเอื้อมไปลูบผมของนาง…มันนุ่ม นุ่มมาก รู้สึกดีไม่น้อย !
“ถ้าเช่นนั้น…ก็ได้ ร้านขายผ้าตระกูลอู๋ก็เก็บไว้ให้เจ้าแก้แค้นเองแล้วกัน ! ที่จริงการปิดกิจการของร้านขายขนมและผลไม้อบอู๋จี้เกี่ยวข้องกับข้า แต่ร้านขายผ้านั้นข้าไม่รู้ไม่เห็นจริง ๆ ข้ากับคุณชายหนิงยังไม่ทันลงมือเลยด้วย ! ” หลินเว่ยเว่ยสารภาพตามตรง
“ข้าทำเอง ! ” ท่าทางและน้ำเสียงของเจียงโม่หานแสนเรียบเฉยคล้ายกำลังพูดว่าอากาศวันนี้ดีใช้ได้ อู๋ปัว ตระกูลอู๋ ! รอให้โดนถีบลงในโคลนตมแล้วไม่มีวันกลับมาเชิดหน้าชูตาได้ตลอดกาลเถิด !
หลินเว่ยเว่ยยกมือขึ้นแล้วดึงมือของเขาออกจากศีรษะ จากนั้นตบที่หลังมือของเขาเบา ๆ “อย่างเราเรียกว่าใจตรงกันหรือไม่ ? เรื่องทำลายตระกูลอู๋ เราจริงจังกันทั้งคู่ ! ”
“ก็แค่ตระกูลเล็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องจริงจังถึงเพียงนั้นหรอก ! ” รอยยิ้มเหยียดหยามของเจียงโม่หานทำให้หลินเว่ยเว่ยยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล !
“ใช่ ! ตระกูลอู๋ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง ! ไป ไปร้านหนังสือกัน อย่าให้เป็นเพราะคนไร้ค่าคนหนึ่งมาทำให้แผนการของเราวุ่นวาย ! เขาไม่คู่ควร ! ” หลินเว่ยเว่ยอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ที่แท้นางกับบัณฑิตหนุ่มก็มีความคิดเหมือนกัน นางคาดเดาไว้แล้วว่าบัณฑิตหนุ่มไม่ใช่คนเห็นแก่หน้าตาแล้วจะยอมให้เจ้าแซ่อู๋มาคอยรังแกตลอดไป แต่ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนทำสิ่งใด ? บางทีเขาคงเริ่มลงมือแล้ว…คาดไม่ถึงว่าดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ เย่อหยิ่งและเยือกเย็นของบัณฑิตหนุ่มก็มีด้านมืดเช่นกัน…อยากรู้จริง ๆ ว่าเขาทำสิ่งใดได้บ้าง ?
ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยเหมือนติดอยู่กับเจียงโม่หาน ส่วนบัณฑิตหนุ่มพุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การเลือกตำรา ขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังเกาศีรษะอยู่ด้านหลัง มุมปากของเจียงโม่หานก็ยกยิ้มอย่างที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้เล็กน้อย
หลินเว่ยเว่ยมองบัณฑิตหนุ่ม ราวกับเขาได้เข้าสู่โลกของตำราแล้ว เมื่อเหลือบไปมองน้องชายของตน ดวงตาก็ไม่ละจากตำราเช่นกัน เฮ้อ น่าเบื่อ…นางจึงเริ่มเดินไปมาในร้านหนังสือ หลังหยิบบันทึกท่องเที่ยวเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกดู นางก็ถูกแม่น้ำและภูเขาอันกว้างใหญ่ในคำบรรยายพร้อมเรื่องราวประหลาดน่าสนใจจากในบันทึกดึงดูดอย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุดก็เป็นเจียงโม่หานที่เข้ามาตบบ่านาง ทำให้นางละสายตาออกจากหนังสือนั้นได้
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดแล้วหลินเว่ยเว่ยลูบท้องที่ไม่หยุดร้องของตนและรีบวางบันทึกท่องเที่ยวกลับที่เดิม “หิวมาก พวกเจ้าเลือกกันเสร็จหรือยัง ? เสร็จแล้วเราจะได้ไปกินอาหารมื้อใหญ่ที่หยวนเค่อหลาย ! ”
พนักงานร้านขายหนังสือจ้องพวกเขาอย่างหมดความอดทนนานแล้ว เสื้อผ้าบนตัวทั้งสามคนถูกใส่จนเก่า โดยเฉพาะหลินเว่ยเว่ยที่บนเสื้อยังมีรอยปะด้วย ร้านหนังสือรังเกียจคนประเภทไหนมากสุดน่ะหรือ ? ก็คนที่ดูแต่ไม่ซื้อและบัณฑิตยากจนที่มาถูไถหนังสือเล่น !
ไม่รู้ว่าพนักงานกลอกตาให้หลินเว่ยเว่ยกี่ครั้งแล้ว…เท้าเปื้อนโคลน เจ้าอ่านออกหรือ ? แสร้งได้เหมือนเชียวนะ ! เมื่อเห็นนางวางบันทึกกลับเข้าที่เดิม เขาก็มุ่ยปากทันที…เป็นอย่างที่คิด แค่อ่านแต่ไม่ซื้อ !
เจียงโม่หานเดินมายังชั้นหนังสือด้านข้างแล้วหยิบบันทึกการท่องเที่ยวที่หลินเว่ยเว่ยอ่านไม่จบเล่มนั้นรวมเข้ากับตำราอีกสองสามเล่มที่ตนเลือก “คิดเงิน ! ”
หลินจื่อเหยียนมองชุดตำราแสนตระการตา เขาไม่รู้จะเลือกเล่มไหนดีจึงเลือกมาสองสามเล่มที่เหมือนกับเจียงโม่หาน
เจียงโม่หานกวาดตามองหนังสือที่อีกฝ่ายเลือกแล้วเอ่ยว่า “เอากลับไปวางที่เดิม ! ตำราเหล่านี้ไร้ประโยชน์ต่อการสอบถงเซิงของเจ้า…”
จากนั้นเขาก็เดินมาที่ชั้นเพื่อเลือกตำราสองเล่มแล้วยื่นให้หลินจื่อเหยียน “เจ้าอ่านสองเล่มนี้ก่อน ส่วนพวกนั้นรอให้ข้าเขียนสรุปเสร็จแล้วเจ้าค่อยเอาไปอ่าน ! ”