หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 220 ชายหญิงมีใจตรงกัน
ตอนที่ 220 ชายหญิงมีใจตรงกัน
ระหว่างที่หลินเว่ยเว่ยอยู่บนหลังของหลีชิง พอนางฟื้นขึ้นมา นางก็เล่าเหตุการณ์ตกหน้าผาให้ทุกคนฟังอย่างออกรสออกชาติโดยเน้นส่วนสำคัญว่านางใจกล้า ละเอียดรอบคอบมากเพียงใดและฉลาดหลักแหลมแค่ไหนตอนที่นางช่วยบัณฑิตน้อยให้พ้นจากอันตราย…
แต่เมื่อนางเฝิงได้ยินกลับแปลความหมายว่าแม้จะต้องตายบุตรชายก็จะตายไปพร้อมกับเสี่ยวเว่ย เขาไม่ยอมปล่อยมือจากเด็กสาว น่าซาบซึ้งมาก ! ในที่สุดหมูของบ้านตนก็รู้จักเอาใจผักกาดขาวแล้ว ! เรียกว่ารู้หัวใจตนเองหลังผ่านความทุกข์ยาก !
แต่ฝั่งนางหวงกลับกลายเป็นว่าบุตรสาวที่น่าห่วงของตนได้ลากบุตรชายผู้มีอนาคตสดใสของเพื่อนบ้านลงเหวไปด้วย ระหว่างอยู่บนพื้นที่แคบ ๆ ของหน้าผา อีกฝ่ายยังรู้จักดูแลบุตรสาวที่ไร้หัวจิตหัวใจ ไอหยา ! ติดค้างบุญคุณครั้งใหญ่แล้ว !
ด้านเสี่ยวฉาวกลับตีความว่าชายหญิงใจตรงกัน ไม่มีที่ว่างสำหรับพี่ชายแล้ว ! เฮ้อ ! น่าสงสารพี่ชายผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ต้องมาโดนตัดออกตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่นนี้
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว เสี่ยวฉาวก็แทบอดใจรอไม่ไหว เขาไปหาซัวถัวที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ “ท่านพี่ ! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ! ”
ซัวถัวรีบเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้ในแขนเสื้อแล้วหันไปถลึงตาใส่น้องชาย “เป็นอะไร ? เกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้น ? โดนคนเหยียบหางมาหรือ ? ”
“บัณฑิตเจียงชอบพี่รองหลิน เขาแสดงให้เห็นต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวแล้ว ! ” เสี่ยวฉาวทำท่าทางเหมือนว่าฮ่องเต้ไม่ร้อนรนแต่ขันทีร้อนรนแทน
ซัวถัวกลับเผยท่าทางเงียบนิ่งไม่ตกใจแม้แต่น้อย “นี่คือเรื่องดี ! ไม่แน่ว่าปีหน้าเราอาจได้ดื่มสุรามงคลของทั้งสองฝ่ายก็ได้ ! ”
“ท่านพี่ ท่านไม่เสียใจหรือ ? ” เสี่ยวฉาวมองหน้าพี่ชายเพื่อหาร่องรอยของความผิดหวังและไม่พอใจจากอีกฝ่าย
ซัวถัวลูบผ้าเช็ดหน้าที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ จากนั้นก็ลงมือเขกศีรษะน้องชายทันที “เหตุใดข้าต้องเสียใจ ? เจ้าคงไม่ได้เก็บเอาถ้อยคำเรื่องสู่ขอที่ท่านแม่เอ่ยมาคิดเป็นจริงเป็นจังกระมัง ? เจ้าดูบ้านเราสิ มีจุดไหนสามารถเทียบกับตระกูลหลินได้ ? เจ้าเด็กนี่ อยู่กับความเป็นจริงหน่อย ! ”
“ท่านพี่ ท่านไม่ได้คิดอันใดกับพี่รองหลินจริงหรือ ? พี่รองหลินเก่งจะตาย รูปร่างหน้าตาก็ดี ตัวก็สูง เป็นคนสวยที่จิตใจดี ท่านไม่ลองสู้สักหน่อยหรือ ? มันน่าเสียดายมากเลย” เสี่ยวฉาวรู้สึกเสียดายแทนพี่ชาย
ซัวถัวคลี่ยิ้ม “ถ้าเจ้ารู้สึกเสียดายนักก็ให้ท่านแม่ไปขอให้ตนสิ”
เสี่ยวฉาวเกาศีรษะด้วยความเขินอาย “ท่านพี่ ท่านพูดสิ่งใดออกมา ? พี่รองหลินอายุมากกว่าข้าหนึ่งปี ! ”
“สตรีที่โตกว่าสามปีจะมีทั้งความอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจและใส่ใจบุรุษ นี่เพิ่งห่างกันแค่ปีเดียวจะเป็นอะไรไป ? ” ซัวถัวแกล้งหยอก
เสี่ยวฉาวส่ายศีรษะทันที “ไม่ ไม่ ! เรื่องพี่รองหลินชอบบัณฑิตเจียงมีใครในหมู่บ้านไม่รู้บ้าง ? วันนี้บัณฑิตเจียงก็บอกแล้วว่าคนที่เขาชอบคือพี่รองหลิน ทั้งสองมีใจตรงกันแล้ว เราจะเข้าไปแทรกเพื่ออันใด ? ถ้าก่อเรื่องยุ่งแล้ว แม้แต่ฐานะพี่น้องก็ยังเป็นกับหลินจื่อเหยียนไม่ได้ ! ”
ใช่สิ ทั้งสองเรียกว่าคู่รักที่มีใจให้กันตั้งแต่เด็ก เล่นกันโดยไม่ต้องสงสัยสิ่งใด ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าทั้งสองไม่ใช่คนที่เดินบนเส้นทางเดียวกัน ไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน จึงเกิดความคิดเพ้อฝันขึ้นมา โชคดีที่เขาได้สติและเข้าใจว่าสิ่งใดเหมาะสมกับตน !
หลังน้องชายออกไปแล้ว ซัวถัวก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาอีกครั้งพร้อมฉายรอยยิ้มแสนโง่งม รอให้สองขาหายดีเมื่อใด เขาจะให้มารดาไปสู่ขอ !
เวลานี้พวกหลินเว่ยเว่ยก็กลับถึงบ้านแล้ว พอเห็นสภาพเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของพี่รองแล้ว หลินจื่อเหยียนก็ตกตะลึงทันที จากนั้นเขาก็หันไปมองท่าทางอิดโรยของศิษย์พี่เจียง…สองคนนี้ไปเจอสัตว์ร้ายมาหรือ ?
“พี่รอง ท่านเป็นอะไร ? ” เจ้าหนูน้อยแทบจะร้องไห้ออกมาทันที “พี่รอง ท่านมีเลือดไหลเยอะมาก ท่านจะไม่ตายใช่หรือไม่ ? ”
ร่างกายซีกซ้ายของหลินเว่ยเว่ยเจ็บที่สุด เจ็บจนสูญเสียการรับรู้ไปนานแล้ว โชคดีที่บัณฑิตหนุ่มช่วยล้างแผลด้วยน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณ เลือดจึงหยุดไหลไปนานแล้วเหมือนกัน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้และยังอยู่ใต้หน้าผาทั้งวันก็คงทนไม่ไหวจนทรุดหนัก
หลินเว่ยเว่ยใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บลูบศีรษะเจ้าหนูน้อย ขณะที่กำลังจะพูดออกมา นางก็ได้ยินเสียงของหลินจื่อเหยียนที่ดุเจ้าหนูน้อยผู้หวาดกลัวแทนนาง “ถุยถุย คำพูดเด็กไร้เดียงสา ขอให้สายลมพัดพาไป ! พูดเรื่องใครตายไม่ตายได้อย่างไร ? ไม่เห็นหรือว่ามันเป็นลางร้าย ! ”
เจ้าหนูน้อยร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ หลินเว่ยเว่ยจึงพูดปลอบ “พี่รองไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล น้องสี่ช่วยพี่รองหน่อยได้หรือไม่ ? ไปตามท่านหมอเหลียงมาให้พี่รองหน่อย…”
เจ้าหนูน้อยเช็ดน้ำตา หลังจากขานรับสั้น ๆ แล้วเขาก็วิ่งออกไปทันที ผ่านไปไม่นานเขาก็ดึงท่านหมอเหลียงเข้ามา ด้านหลังทั้งสองคนยังมีพี่สาวคนโตที่สีหน้าไม่สู้ดีตามมาด้วย…คาดไม่ถึงว่าคนที่ไปตามท่านหมอคนแรกจะเป็นนาง !
หมอเหลียงถือกล่องยาด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จับมือเจ้าหนูน้อยไว้ เขาเดินสะดุดเท้าตนเองเข้ามาในบ้าน “ข้าว่า…เอ้อร์ฮว๋า เจ้าคงเรียนมาจากพี่รองกระมัง จะให้พวกเราพักกันหน่อยไม่ได้หรือ ? ”
“พี่รองของข้าบาดเจ็บ มีเลือดไหลเยอะมาก ! ” เจ้าหนูน้อยคร่ำครวญ
“เกิดอันใดขึ้น ? ไปเจอสัตว์ร้ายมาหรือ ? ” หมอเหลียงเข้าใจผิดว่าจะมาเจอหลินเว่ยเว่ยในสภาพนอนสลบไสลและแผลเปิดเลือดไหลอาบ แต่ใครจะรู้ว่านางยังมีแรงแกล้งหยอกคนอื่นได้อยู่
“ท่านหมอเหลียง ต้องรบกวนอีกแล้ว ! คงไม่ได้ไปรบกวนการกินมื้อเย็นของท่านใช่หรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยมีสีหน้าซีดเซียวเล็กน้อยแต่ก็ยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“ไม่ วันนี้เรากินข้าวก่อนเวลา…ไอหยา นี่ไปทำอันใดมา ? ” หมอเหลียงเห็นคราบเลือดกว่าครึ่งตัวของนางจึงขมวดคิ้วถามทันที
หลินเว่ยเว่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ทันระวังจึงตกหน้าผา ตรงนี้โดนก้อนหิน กิ่งไม้แทง…สภาพดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วไม่ร้ายแรง ท่านหมอเหลียงไปดูอาการบัณฑิตเจียงก่อนเถิด เหมือนว่าแขนขวาของเขาจะหลุด”
เวลาเขียนตำราต้องพึ่งมันทั้งนั้น หากเป็นอันใดขึ้นมา แล้วการสอบของบัณฑิตหนุ่มจะทำเช่นไร ? หากเป็นเพราะนางแล้วทำให้บัณฑิตหนุ่มเสียอนาคต นางต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่ !
เจียงโม่หานรีบหลบจากมือของหมอเหลียง “รักษานางก่อน นางอาการหนักกว่า ! ”
หลินเว่ยเว่ยใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกดตัวเจียงโม่หานเอาไว้ “เร็ว ท่านหมอเหลียง ข้าช่วยจับเขาไว้แล้ว…”
เจียงโม่หานกลัวว่าหากตนดิ้นแล้วทำให้หลินเว่ยเว่ยเจ็บ จึงได้แต่นั่งอยู่บนเตียงเตาปูนอย่างเชื่อฟังและให้หมอเหลียงตรวจอาการ
หมอเหลียงคลำแขนของเจียงโม่หาน จากนั้นก็ค่อย ๆ ยกแขนขึ้น เมื่อได้ระดับที่แม่นยำแล้วก็ออกแรง ‘กร๊อบ’ ทันใดนั้นข้อต่อที่หลุดก็กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม
“ช่วงสิบวันนี้อย่าโหมออกแรงใช้มือข้างนี้เยอะ ! ” หมอเหลียงใช้ผ้าพันแขนและดามเอาไว้กลางหน้าอก ไม่อย่างนั้นถ้าไปขยับมั่วซั่วก็ได้เคลื่อนอีกแน่
พอถึงคราวหลินเว่ยเว่ย เลือดบนแขนเสื้อนางก็แห้งหมดแล้ว มีบางตำแหน่งที่เนื้อเริ่มสมานกันด้วย หมอเหลียงนำกรรไกรออกมาเพื่อเตรียมจะตัดแขนเสื้อนาง
หมอเหลียงถือกรรไกรเอาไว้แล้วหันไปมองเจียงโม่หานที่นั่งอยู่บนเตียงราวกับไม่คิดจะลุกขึ้น…
ประเดี๋ยวพอตัดแขนเสื้อออกแล้ว ท่อนแขนของนางจะเผยสู่สายตาคนนอก…ไม่เห็นหรือว่าน้องชายของนางก็ออกไปหมดแล้ว ? เจ้าจะมองตาปริบ ๆ อยู่ที่นี่ มันเหมาะสมหรือ ?
นางเฝิงเห็นบุตรชายผู้โง่เขลาของตนจับจ้องบาดแผลบุตรสาวบ้านอื่นไม่วางตา แล้วทำเป็นมองไม่เห็นการส่งสัญญาณของหมอเหลียง นางจึงลากแขนออกไปพลางหัวเราะเล็กน้อย “หานเอ๋อร์ เจ้าออกไปก่อน รอให้ท่านหมอเหลียงพันแผลเสี่ยวเว่ยเสร็จแล้ว เจ้าค่อยเข้ามาใหม่ ! ”