หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 222 ผิดกฎหมายหรือ ?
ตอนที่ 222 ผิดกฎหมายหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยสำลักและไออย่างแรง เจียงโม่หานจึงรีบส่งน้ำอุ่นให้นางดื่ม “กินดี ๆ อย่ามัวคิดเรื่องไร้สาระ ! ”
“ไม่สิ…บัณฑิตน้อย เจ้าคงไม่ได้โดนวิญญาณร้ายแห่งขุนเขาเข้าสิงร่างใช่หรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยดื่มน้ำหมดภายในอึดใจเดียว แม้จะระงับอาการสำลักได้ ปากของนางยังค่อนข้างแห้ง…ไอหยา นี่ข้าได้จูบกับหนุ่มรูปงามระดับพระเอกเชียวหรือ นางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของสวรรค์จึงมีโชคดีเยอะมาก ! แต่แล้วนางก็เริ่มเสียใจเพราะเมื่อครู่ไม่ฉวยโอกาสจูบตอบอีกฝ่าย
เจียงโม่หานพูดด้วยน้ำเสียงสมเหตุสมผล “จุมพิตว่าที่ภรรยาของตนจะเป็นอะไร ? ผิดกฎหมายหรือ ? ” ถ้าลองมองให้ดีแล้วใบหูของเขาเริ่มเจือสีแดงระเรื่อขึ้นมา
“ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่…เจ้าถามความเห็นของข้าหรือยัง ? ” หลินเว่ยเว่ยแตะริมฝีปากของตนคล้ายกำลังย้อนนึกถึงรสจูบแต่แล้วก็ดูเหมือนต้องผิดหวังอีกครั้ง
“เจ้า…ไม่เห็นด้วยหรือ ? ” เจียงโม่หานเริ่มหงุดหงิด ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยคำข่มขู่…เจ้าลองพูดว่าไม่เห็นด้วยสิ
หลินเว่ยเว่ยจิ้มใบหน้าของเขาแล้วฉีกยิ้มขณะพูด “ข้าเห็นด้วยหรือไม่ เจ้าจะรู้ได้ตอนที่ถามข้าอีกครั้ง ? ”
“ไม่ถาม ! ” เจียงโม่หานไม่มีทางหลงกลนางเด็ดขาด
“ถามหน่อยสิ ! ” หลินเว่ยเว่ยบิดตัวไปมาอย่างขี้เล่น
บุตรสาวคนโตตระกูลหลินทนมองต่อไม่ไหว หลังจากถูแขนที่ขนลุกชันแล้วนางก็ทิ้งคำพูดประโยคสั้น ๆ ไว้ว่า “ประเดี๋ยวข้าจะเข้ามาเก็บชาม…” เสียงเพิ่งเงียบ ตัวคนก็ออกไปราวกับหายตัวได้
เจียงโม่หานมองโจ๊กที่กำลังจะเย็น ทันใดนั้นมุมปากก็โค้งขึ้น “ถ้าเจ้าเป็นเด็กดียอมกินโจ๊กจนหมด ข้าจะให้รางวัลเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ…”
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็แย่งช้อนในมืออีกฝ่ายมาถือแล้วใช้มือข้างที่ไม่เจ็บตักโจ๊กกินอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่าโจ๊กไม่ร้อนเลยสักนิด…เด็กตัวแสบ !
“กินหมดแล้ว ! มาสิ ! ” หลินเว่ยเว่ยทำปากราวกับตุ่นปากเป็ด นางหลับตาและรอรับรางวัลที่ควรได้
เจียงโม่หานย้ายโต๊ะข้างเตียงออกไป จากนั้นก็ประคองนางให้นอนลง
หลินเว่ยเว่ยตกใจทันที ! นี่เขากำลัง…ขึ้นรถก่อนซื้อตั๋วโดยสารอย่างนั้นหรือ ? ไม่ค่อยดีกระมัง ? นางยังเป็นเด็กอยู่เลย…
ระหว่างห่มผ้าผืนบางให้นาง เจียงโม่หานก็เหลือบมองท่าทางคิดไปเองของอีกฝ่าย เขาจึงยื่นมือไปดีดหน้าผากขาวเนียน “คิดอันใดอยู่ ? สิ่งจำเป็นสำหรับเจ้าในเวลานี้คือการพักผ่อน ! นอนเถิด ! ”
“เจ้าเล่ห์ ! เมื่อครู่เจ้ายังพูดอยู่ชัด ๆ ว่าจะให้รางวัลในสิ่งที่ข้าต้องการ ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่สุด ! อย่ามาเล่นคำกับข้าหน่อยเลย ! ” หลินเว่ยเว่ยทุบเตียงด้วยความโมโห…โอ๊ย ! มือที่ใช้ทุบดันเป็นมือข้างที่เจ็บเสียอีก เจ็บชะมัด !
เจียงโม่หานขมวดคิ้วพลางค่อย ๆ ยกมือข้างที่บาดเจ็บของนางขึ้นมาแล้วพยายามมองว่าแผลเปิดหรือไม่ “เหตุใดจึงไม่ระวัง ? ถ้าเจ้ายังทำเช่นนี้อีก ข้าจะโมโหจริง ๆ แล้วนะ ! ”
“เป็นเจ้าที่เสียสัจจะก่อน ! ” หลินเว่ยเว่ยทำสีหน้าเรียกร้อง ดวงตากลมโตทั้งสองข้างฉายคำว่าน้อยใจ
เจียงโม่หานจึงกล่าวด้วยความเหนื่อยหน่าย “เอาเถิด เจ้าอยากได้สิ่งใดก็บอกมาสิ ! ”
“ข้าอยากให้เจ้า…มานอนเป็นเพื่อน ! ” หลินเว่ยเว่ยตบเตียงพร้อมสีหน้าขี้เล่น…ดูสิว่าเจ้าจะกล้าหรือไม่ ?
‘เพล้ง’ ถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำผสมน้ำผึ้งร่วงหลุดจากมือนางหวงแล้วกระแทกกับพื้นจนแตกเป็นเสี่ยง ส่วนตัวนางหวงกำลังยืนตกตะลึงอยู่กับที่และมองมาทางบุตรสาวด้วยความตกตะลึง
“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าหยอกบัณฑิตน้อยเล่น ! ” หลินเว่ยเว่ยเลิ่กลั่กทันที ราวกับเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โดนผู้ปกครองจับได้ นางจึงมีสีหน้าย่ำแย่
เจียงโม่หานหูแดงกว่าเดิม เขาใช้สีหน้าไร้อารมณ์ปกปิดความเขินอายเอาไว้ หลังก้มเก็บเศษถ้วยที่แตกแล้วเขาก็ผลักบานประตูพร้อมเดินออกไป
นางหวงเข้ามานั่งตรงขอบเตียง ขณะมองบุตรสาวแล้วก็เหมือนว่าต้องการที่จะเอ่ยบางอย่างออกมาแต่ก็ไม่ได้พูด หลินเว่ยเว่ยไม่รู้จะเอ่ยเรื่องใดจึงได้แต่ฉีกยิ้มอย่างโง่งม
นางหวงถอนหายใจ ในที่สุดก็เรียบเรียงถ้อยคำได้ “เสี่ยวเว่ย ! น้าเฝิงบอกว่าผ่านไปอีกสองวันก็จะมาสู่ขอเจ้า ความหมายของแม่คือให้พวกเจ้าหมั้นหมายกันไว้ก่อน ผ่านไปอีกสักสองปีค่อยแต่งงาน เจ้าคิดว่าอย่างไร ? ”
“ข้าหรือ ? ข้าคิดว่า…ดีอยู่แล้วเจ้าค่ะ ! ข้ายังอยากอยู่บ้านเป็นเพื่อนท่านสักสองสามปี ! ” หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าด้วยความจริงจัง…เรื่องแต่งงานนั้นนางไม่รีบ จริง ๆ นะ !
นางหวงยังพูดต่อ “พอหมั้นกันแล้วพวกเจ้าจะเดินใกล้กันเกินไปไม่ได้…หานเอ๋อร์ยังต้องสอบจอหงวนและในอนาคตต้องเป็นขุนนาง จะมีความด่างพร้อยไม่ได้เด็ดขาดเพราะจะทำให้โดนวิจารณ์ ! ”
“ข้ารู้ ! ต่อไปข้าจะทบทวนให้ถี่ถ้วน ในอดีตปฏิบัติกับเขาเช่นไร ต่อไปก็จะทำกับเขาเช่นนั้น…”
พอนางหวงได้ยินเช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าอยากจะพูดบางอย่างขึ้นมาอีกครั้ง…ท่าทีที่เจ้าเคยปฏิบัติต่อเขาก็สนิทและเป็นกันเองเกินไป ทว่าเดิมทีเด็กทั้งสองคนก็คบหากันเช่นนี้อยู่แล้ว จู่ ๆ จะให้อีกคนมาทำตัวเย็นชาใส่อีกฝ่ายก็คงส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของว่าที่สามีภรรยา
เฮ้อ ! ไม่ว่าบุตรจะเติบโตมากเพียงใดก็ยังเป็นเด็กในสายตาบิดามารดาเสมอ แม้กังวลว่าเด็กทั้งสองจะใกล้ชิดกันมากเกินไปแล้วควบคุมตนเองไม่อยู่พาลให้เกิดเรื่องขึ้นมา แต่ก็กังวลว่าหากให้ทั้งสองคนเว้นระยะห่างจากกัน ในอนาคตคงจะแยกทางกันเสียมากกว่า ช่างเถิด จะเป็นเช่นไรก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ อย่างมากสุดคือนางกับนางเฝิงจับดูไว้หน่อยก็พอแล้ว
“ท่านแม่เจ้าคะ ท่านช่วยหยิกข้าหน่อย ! ” จู่ ๆ หลินเว่ยเว่ยที่นอนอยู่ก็หัวเราะใต้ผ้าห่ม
นางหวงมองด้วยความสงสัยแล้วเอื้อมมือไปลูบหน้าผากอีกฝ่าย เด็กโง่คงไม่ได้เป็นไข้หรอกนะ เหตุใดจึงอยากให้ทำเรื่องประหลาดเช่นนี้ ?
“รู้สึกราวกับฝันไม่มีผิด ! ” หลินเว่ยเว่ยทำหน้าเพ้อฝัน “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านคิดว่าบัณฑิตน้อยที่ดูดีถึงเพียงนั้น แถมสติปัญญาก็ดีจนแม้แต่อาจารย์เอ่ยปากชม เหตุใดผู้ชายที่น่าทึ่งจึงมาชอบข้าได้ ? ”
“เด็กโง่ มีใครพูดด้อยค่าตัวเองเหมือนเจ้าบ้าง ? หานเอ๋อร์เก่งมากก็จริง แต่ลูกสาวของแม่ก็ดีไม่แพ้กัน ! ไม่อย่างนั้นในหมู่บ้านที่มีเด็กสาวมากมาย เหตุใดหานเอ๋อร์จึงมาชอบเสี่ยวเว่ยของบ้านเราคนเดียวเล่า ? ” บุตรของบ้านตนย่อมดีทุกอย่าง ! ในใจของนางหวงคือบุตรสาวคนรองทั้งเก่งและกล้าหาญ มีลูกบ้านไหนที่สามารถทำให้ครอบครัวยากจนมีสภาพเหมือนปัจจุบันในระยะเวลาอันสั้นแค่ครึ่งปีเท่านั้น
หลินเว่ยเว่ยเริ่มกลัวกับสิ่งที่จะได้มาครอบครอง “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านคิดว่า…วันนี้บัณฑิตน้อยจะตัดสินใจเพราะความคิดชั่ววูบหรือไม่ ? ถ้าพรุ่งนี้เขาเกิดรู้สึกคิดผิดขึ้นมาแล้วคืนคำ ไม่ดีเลย เมื่อครู่ตอนที่ท่านหมอเหลียงอยู่ด้วย เราน่าจะหมั้นกันให้สิ้นเรื่องไปเลย ! ”
นางหวงจิ้มใบหน้าของบุตรีด้วยความขบขัน “ถ้าหานเอ๋อร์เป็นคนไร้สัจจะจริง ๆ แม้เขาจะมีอนาคตเพียงใดเราก็ไม่ต้องการ ! รีบพักผ่อนเถิด อย่าเอาแต่คิดเรื่องไร้สาระ ! ”
ใช่ ! ต้องใจเย็นเอาไว้ จะให้ความงามมอมเมาไม่ได้เด็ดขาด ! ถ้าพรุ่งนี้บัณฑิตน้อยกล้ากลับคำขึ้นมา นางจะเตะเขาจนกระเด็นไปบ้านข้าง ๆ แล้วไม่ให้เขาเหยียบบ้านตระกูลหลินอีกเลย ของอร่อยที่นางทำเหล่านั้น แม้จะต้องเอาไปให้สุนัข นางก็จะไม่ให้เขากิน !
ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ค่อย ๆ หลับตาลง นางหวงกลัวว่าบุตรีจะตื่นมาหิวน้ำกลางดึกหรือเข้าห้องน้ำไม่สะดวกจึงคอยอยู่ดูแลด้านข้าง
หลังค่ำคืนผ่านไป วันรุ่งขึ้นก็มาเยือน หลินเว่ยเว่ยได้ยินเสียงอ่านตำราพึมพำในลานบ้านจึงขยี้ตาแล้วลุกขึ้น เมื่อเปิดประตูออกมาแล้ว ดวงอาทิตย์ก็เกือบอยู่เหนือศีรษะ !
“ฮ่าฮ่า พี่รองเป็นหนอนขี้เกียจ อาทิตย์ส่องก้นแล้วเพิ่งตื่น ! ” เจ้าหนูน้อยที่กำลังเรียนหนังสือกับพี่ชายรีบวางตำราลง เจ้าเด็กนี่ ใจกล้าแล้วสินะ กล้าล้อนางแล้ว !
หลินเว่ยเว่ยเดินเข้ามาอุ้มเขาแล้วเหวี่ยงไปรอบๆ สองครั้ง เจียงโม่หานที่กำลังนั่งอ่านตำราใต้ต้นพลับจึงรีบโยนตำราทิ้งแล้วเดินเข้ามารับตัวเจ้าหนูน้อย จากนั้นก็หันไปถลึงตาใส่นาง “ระวังบาดแผล ! ”