หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 224 ทำให้เจ้าเอื้อมไม่ถึง
ตอนที่ 224 ทำให้เจ้าเอื้อมไม่ถึง
เจียงโม่หานยังช้อนสายตามองหลินเว่ยเว่ยอีกครา เขาขานรับผู้ใหญ่บ้าน ‘อืม’ อีกสองสามครั้ง เดิมทีก็เป็นคนพูดน้อยและให้ความรู้สึกห่างเหินอยู่แล้วทุกคนจึงชินชาไปโดยปริยาย
หลังออกมาจากลานตากข้าวแล้วเจียงโม่หานก็พูดกับหลินเว่ยเว่ยด้วยความเหนื่อยหน่ายปนเอ็นดู “ตอนนี้กลับบ้านได้หรือยัง ? ”
“รีบไปไหนเล่า? กระดูกในร่างกายของเรา เราย่อมรู้จักดี…” หลินเว่ยเว่ยเดินเล่นมาจนถึงโรงงานแปรรูปเมล็ดสน นางให้ป้ากุ้ยฮวาตัดสินใจจ้างคนกะเทาะเปลือกสีน้ำตาลอีกสองสามคน…เนื้อเมล็ดสนที่หยวนเค่อหลายรับซื้อ แม้จะนับค่าจ้างคนงานแล้วราคาก็แพงกว่าเมล็ดสนธรรมดาเยอะมาก !
“เจ้าน่ะเห็นแก่เงิน ! ” เจียงโม่หานเค้นเสียง ฮึ พร้อมสีหน้าเย็นชา แต่ตอนที่หลินเว่ยเว่ยกระโดดข้ามคูน้ำ เขากลับเอื้อมมือไปประคองโดยใช้ท่าทางเย็นชาที่สุดมากระทำเรื่องของชายอบอุ่น…บัณฑิตน้อยช่างน่ารักเหลือเกิน !
หลินเว่ยเว่ยเพลิดเพลินกับแฟนหนุ่มของตน ก่อนจะพูดว่า “แค่พูดไม่กี่ประโยค ข้าไม่เหนื่อยเสียหน่อย ! ”
เจียงโม่หานถลึงตาใส่ “ที่ข้าพูดไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ ! เมื่อวานถ้าไม่ใช่เพราะความโลภของเจ้าที่จะเก็บเห็ดหลินจือนั่น เราจะลงเอยด้วยสภาพเช่นนี้หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะอย่างโง่งม “ถ้าเมื่อวานไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าคิดอะไรกับข้า ? พูดมา ! เจ้าเริ่มคิดไม่ซื่อกับข้าตั้งแต่เมื่อใด ? ”
“ชายมีใจ หญิงมีรัก เป็นเรื่องไม่ดีงามอย่างไร ? หรือเจ้าคิดว่าพออยู่ต่อหน้าข้าแล้วไม่กล้าเงยหน้ามองคนอื่น เจ้าไม่กล้าออกมาพบหน้าผู้คนอย่างนั้นหรือ ? ” เจียงโม่หานตีมือข้างที่ไม่บาดเจ็บของนาง
หลินเว่ยเว่ยรีบยืนตัวตรงและพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เจ้าดูใบหน้ารูปไข่ของข้าสิ ผิวพรรณเรียบเนียนไร้จุดด่างดำ ดวงตาเปล่งประกาย ตาโต รูปปากเหมือนผลอิงเถา ดูรูปร่างข้าอีกสิ เอวบาง ช่วงขายาว สัดส่วนเหมาะสม แล้วจะไม่กล้าเจอหน้าผู้คนได้อย่างไร ? เจ้าไปถามเลย ทุกคนเห็นข้าหลินเว่ยเว่ยเป็นดอกไม้ของฉือหลี่โกว ! ”
เจียงโม่หานลูบปลายคางพลางมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หลินเว่ยเว่ยแค่ยกมือกอดอกและทำตัวสั่นเล็กน้อย “เจ้าคิดจะทำอะไร ? ท่านแม่พูดแล้วว่าก่อนพวกเราจะแต่งงานกัน ห้ามใกล้ชิดเด็ดขาด ! ”
“คิดอะไรของเจ้า ? แม้ข้าเป็นเดรัจฉานก็ไม่มีทางคิดลวนลามถั่วงอกเหี่ยวต้นหนึ่ง ! ” ประโยคนี้ของเจียงโม่หานเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
หลินเว่ยเว่ยก้มหน้าอกที่เริ่มมีเนินเนื้อขึ้นมาบ้างของตน ทันใดนั้นสีหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ “เจ้าต่างหากเหี่ยวแห้ง เจ้าต่างหากเป็นถั่วงอก ! ข้าอายุยังน้อย เมื่อก่อนกินไม่อิ่มจึงทำให้เติบโตช้า เจ้ารอดูเถิด…”
“ต่อไปจะให้ข้าเอื้อมไม่ถึงใช่หรือไม่ ? ” เจียงโม่หานยังจำคำพูดประโยคนั้นของนางได้…คำพูดมั่นอกมั่นใจที่ว่าตอนนี้ไม่สนใจข้า แล้วต่อไปข้าจะทำให้เจ้าเอื้อมไม่ถึง !
หลินเว่ยเว่ยโมโหจนควันออกหู นางหยิบป้ายหยกกิเลนออกมาแกว่งต่อหน้าเขา “เห็นหรือไม่ ? นี่คืออะไร ? ป้ายหยกของหมินอ๋องซื่อจื่อ เขาพูดแล้วว่าสามารถใช้ป้ายหยกนี้ทำให้ข้าสมปรารถนาได้ ถ้าเจ้ายังทำให้ข้าโมโหอีก ข้าจะถือป้ายหยกไปที่จวนหมินอ๋องและให้พวกเขาแนะนำนายทหารฝีมือดีสักคน หัวหน้าองครักษ์ของจวนหมินอ๋องมีตำแหน่งไม่ใช่หรือ ? อย่างน้อยก็ยังมียศในระดับหนึ่ง ! ”
เจียงโม่หานรีบชิงป้ายหยกมาจากมือของอีกฝ่ายแล้วพูดว่า “หัวหน้าองครักษ์จวนหมินอ๋องมีตำแหน่งแค่ระดับห้าเท่านั้น พยายามแทบตายก็ให้เจ้าได้แค่อี้เหริน ( ขั้นที่ห้า ) เก้ามิ่ง1! ถ้าเจ้าแต่งกับข้าแล้วในอนาคตจะได้เป็นฝูเหริน ( ขั้นที่หนึ่งหรือสอง ) เจ้าไม่ได้ฉลาดนักหรือ ? สิ่งไหนได้กำไรมากกว่ากัน เจ้าจะคำนวณออกมาไม่ได้หรือไร ? ส่วนป้ายหยกนี้ก็เก็บไว้ที่ข้าก่อน ! ”
“เจ้า ! แย่งของผู้อื่นได้อย่างไร ? ระวังหน่อย อย่าทำมันหัก ! เจ้าสิ่งนี้สามารถช่วยชีวิตในยามวิกฤติได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยอยากเข้าไปแย่งแต่ก็กลัวจับแรงจนป้ายหยกกิเลนหัก นางจึงได้แต่มองอีกฝ่ายเก็บป้ายหยกกิเลนเข้าแขนเสื้อ
ต่อจากนั้นเจียงโม่หานก็หยิบจี้หยกที่มีสีขาวนวลยิ่งกว่าอันใดออกมาแล้วแขวนไว้ที่เอวของนาง “สิ่งนี้ใช้คืนให้เจ้า พอใจหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยถอดจี้หยกขึ้นมาเล่น “ว้าว ! หยกนี้อุ่นมาก เนื้อใสเนียนนุ่มเหมือนจะเปล่งแสงออกมาได้ด้วย ! เวลาลูบก็อุ่น ๆ สบายมือไม่น้อย ! บัณฑิตน้อย จี้หยกนี้คงแพงมากใช่หรือไม่ ? เจ้าเอาของมีค่าเช่นนี้มาจากไหน ? ”
“จากไหนหรือ ? ก็สืบทอดกันมาน่ะสิ ! ให้ลูกสะใภ้ไม่ให้ลูกสาว ! เจ้าห้ามคิดพิเรนทร์เด็ดขาด ใครให้เงินเยอะแค่ไหนก็ห้ามขาย เข้าใจหรือไม่ ? ในอนาคตต้องมอบมันให้ลูกสะใภ้ของพวกเรา ! ”
ในอดีตชาติ พอเขาได้ทราบถึงฐานะแท้จริงของตนแล้ว ชีวิตก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย เดินบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ไม่แต่งภรรยาและไม่มีลูกไปตลอดชีวิต…ตอนนี้มาลองคิดแล้วถ้าสามารถมีเจ้าถั่วงอกน้อยมาเรียกว่าท่านพ่อสักคนก็ไม่เลวเหมือนกัน !
หลินเว่ยเว่ยลูบไล้ลวดลายบนจี้หยก จากนั้นก็เอียงศีรษะมองเจียงโม่หานพร้อมรอยยิ้ม “บัณฑิตน้อย แบบนี้เรียกว่าเราสองมอบของแทนใจกันหรือไม่ ? ”
มอบหรือ ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าข้าเป็นคนแย่งป้ายหยกกิเลนของหมินอ๋องซื่อจื่อมาเอง ! นางเด็กไม่รู้คุณค่า จี้หยกที่ข้ามอบให้มีค่ายิ่งกว่าป้ายหยกกิเลนเสียอีก !
เจียงโม่หานกำลังจะนำจี้หยกกลับมาแขวนที่เอวของหลินเว่ยเว่ยดังเดิม แต่โดนนางเบี่ยงตัวหลบ “จะแขวนไว้ที่เอวได้อย่างไร ? นี่คือสมบัติที่สืบทอดกันมาเชียวนะ ถ้าไปชนอะไรเข้าจะทำอย่างไร ? พอกลับไปแล้วข้าจะให้ท่านแม่ร้อยเชือกและเอามาสวมเป็นสร้อยคอดีกว่า ! ”
เจียงโม่หานเห็นนางทำจี้หยกให้มีค่ามากถึงเพียงนั้น อารมณ์ก็ดีขึ้นทันตา คิ้วคลายปมออก มุมปากยกยิ้ม บนกายดูมีรังสีความงามยิ่งกว่าเดิม ทำให้สาวน้อยที่อยู่ในละแวกนั้นร้องอุทานเบา ๆ
หลินเว่ยเว่ยเข้าไปบีบใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย “ไอหยา ! ใบหน้าที่ดึงดูดผีเสื้อนี้จะทำอย่างไรให้วางใจได้ ! ” แต่แล้วการกระทำของนางกลับดึงดูดเสียงร้องจากเด็กสาวคนอื่นมากกว่าเดิม
นางหันไปทำหน้าทะเล้นใส่พวกเด็กสาวที่เข้ามาเดินในระยะสายตาของบัณฑิตหนุ่มพลางพูดอย่างภาคภูมิ “ร้องอะไรนักหนา ? หรือเพราะข้าทำในสิ่งที่พวกเจ้าไม่กล้า ? ”
หลิวเสี่ยวอิงโกรธจนหน้าแดง นางทวงความยุติธรรมแทนเจียงโม่หาน “บุตรสาวคนรองตระกูลหลิน เจ้าอย่าอาศัยที่ตนเองแรงเยอะและบัณฑิตเจียงตอบโต้ไม่ได้เพื่อเอาแต่รังแกเขา ! เหตุใดจึงมีเด็กผู้หญิงแบบเจ้า ? กิริยาท่าทางไม่สมเป็นกุลสตรี ไม่รู้คิดแม้แต่น้อย ! ”
เจียงโม่หานขมวดคิ้วมุ่น แววตาเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผิด ! ใช่ว่าข้าตอบโต้ไม่ได้ แต่ข้าไม่อยากทำ ! ข้ามีความสุขที่จะให้ว่าที่คู่หมั้นบีบแก้ม คนอื่นเข้ามายุ่งให้น้อย ๆ หน่อย ! ”
บัณฑิตเจียงกำลังมองข้าอยู่ ! บัณฑิตเจียงพูดกับข้าหรือ ? หลิวเสี่ยวอิงแทบหมดสติ นางไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่ นางมีใบหน้าแดงก่ำพลางก้มหน้าด้วยความเขินอาย แต่แล้วก็กลับมาจ้องหลินเว่ยเว่ยอย่างมั่นหน้าอีกรอบ “มีพวกเราอยู่ ไม่มีทางปล่อยให้เจ้ารังแกบัณฑิตเจียงหรอก ! ”
ทันใดนั้นเด็กสาวที่อยู่ด้านข้างก็เข้ามากระตุกชายเสื้อของหลิวเสี่ยวอิง ทว่านางสะบัดออกแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “บัณฑิตเจียงเป็นสุภาพชนย่อมไม่ถือสาคนป่าเถื่อน แต่พวกเราไม่อาจทนเห็นเขาโดนรังแก…เจ้าดึงเสื้อข้าทำไม ? กลัวหรือ ? เจ้ากลัวนางแต่ข้าไม่กลัว ! ”
หลินเว่ยเว่ยมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม “เจ้าไม่กลัว…เจ้ากลับไปถามพ่อแม่ก่อนไหมว่ากลัวผิดใจกับข้าหรือเปล่า ! ”
“เจ้า ! เจ้าไม่ได้อาศัยโรงงานแปรรูปเมล็ดสนหรือไร ? ประเดี๋ยวปีหน้าโรงงานแปรรูปเมล็ดสนก็กลับมาเป็นของหมู่บ้านแล้ว พอถึงเวลานั้นคนในหมู่บ้านก็ไม่ต้องอ้อนวอนให้เจ้ารับซื้อเมล็ดสน ! แล้วใครจะอยากประจบเท้าเน่า ๆ อย่างเจ้าอีก ? ” หลิวเสี่ยวอิงยกมือกอดอก ยืนตัวตรงและพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
1 เก้ามิ่ง หมายถึงตำแหน่งภรรยาของขุนนางระดับ 1 ถึงระดับ 5