หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 236 ทรมานคนโสดหรือ ?
ตอนที่ 236 ทรมานคนโสดหรือ ?
ทว่าเจียงโม่หานไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร ของพวกนี้เด็กน้อยหมักด้วยความยากลำบาก ที่บ้านยังดื่มไม่เท่าไรก็จะให้คนอื่นถึง 2 ไหภายในชั่วอึดใจเดียว เด็กน้อยดีทุกอย่างแต่ใจกว้างกับผู้อื่นมากเกินไป ดูท่า…ต้องมีคนคอยคุมอยู่ข้าง ๆ ไม่อย่างนั้นจิตใจแสนบริสุทธิ์ต้องโดนทำร้ายแน่ !
อาหารมื้อหนึ่งสามารถเรียกได้ว่าทำให้เจ้าบ้านและแขกมีความสุขสนุกสนาน หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้วจู่ ๆ หลินเว่ยเว่ยก็ถามว่า “จริงสิ เหตุใดพวกท่านจึงมาด้วยกันได้ ? ”
หนิงตงเซิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน “ก็ไม่ถือว่ามาด้วยกันหรอก เราบังเอิญพบกันระหว่างทางเท่านั้น เราต่างมาที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวจึงเดินทางมาพร้อมกัน หลังสอบถามพวกเด็ก ๆ ที่เล่นอยู่หน้าหมู่บ้านแล้ว จึงได้รู้ว่าคุณชายลู่ก็มาหาหลินกู่เหนียง ! ”
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า “คุณชายลู่มาเพราะเรื่องเมล็ดสนปากอ้า แล้วคุณชายหนิงไม่ทราบว่ามาด้วยเหตุอันใด ? ”
แววตาอ่อนโยนของคุณชายหนิงจับจ้องอยู่ที่ดวงตาแห่งรอยยิ้มของนาง…หรือว่าเขาจะไม่เหลือโอกาสแล้ว ?
ทว่าเขาไม่ใช่คนที่จะสับสนเพราะความรู้สึก หลังเงียบไปครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “ข้ามาเพราะอยากคุยเรื่องธุรกิจใหม่”
“หืม ? ท่านมีความคิดใหม่เช่นนั้นหรือ ? ” หลังได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ หลินเว่ยเว่ยก็เริ่มเข้าใจพอสมควร
“คราวก่อนบลูเบอร์รี่ครีมพัฟที่หลินกู่เหนียงสอนไว้สามารถเรียกลูกค้าหน้าใหม่ให้ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ไม่น้อย แถมการร่วมงานกับหยวนเค่อหลายก็เข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องแล้ว ข้าจึงคิดว่า ความสามารถของหลินกู่เหนียงไม่ควรเก็บไว้ใต้ชีวิตเรียบง่ายของคนทั่วไป ดังนั้นจึงอยากร่วมงานกับหลินกู่เหนียงให้ยิ่งใหญ่กว่านั้น ! ”
ด้วยพรสวรรค์และความทะเยอทะยานของหนิงตงเซิ่งจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่หยุดอยู่ที่อำเภอเป่าชิงเล็ก ๆ แห่งนี้ ขอแค่เขาทำให้ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง แกร่งจนสามารถดึงดูดสายตาตระกูลหลักได้ ตี๋หมู่1และพี่ชายต่างมารดาก็จะไม่กล้ายื่นมือมายุ่งกับความคิดความอ่านของเขาอีก !
“อ้อ ? ถ้าเช่นนั้นจะร่วมงานกันอย่างไร ? ” เมื่อมีคนเอาเงินมาใส่มือจึงเป็นธรรมดาที่นางจะไม่ผลักไส ! หลินเว่ยเว่ยจึงถามด้วยความตื่นเต้น
หนิงตงเซิ่งกล่าว “ข้าเตรียมจะเปิดร้านใหม่ที่ตัวเมืองจงโจวและยังมีตัวเมืองเหอโจวอีกแห่ง ข้าจะแบ่งเงินปันผลให้หลินกู่เหนียงสี่ในสิบส่วนโดยท่านแค่มอบสูตรขนมใหม่ ๆ 5 สูตรให้ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ทุกหนึ่งปีเท่านั้น ! ”
“หรือจะกล่าวได้ว่า…ท่านใช้สูตรขนมตระกูลหลินหาเงินให้ตน แต่แบ่งเงินให้ตระกูลหลินเพียงสี่ในสิบส่วนเช่นนั้นหรือ ? คุณชายหนิงดีดลูกคิดเก่งเสียจริง ! ” เจียงโม่หานเอ่ยอย่างไม่พอใจ
หนิงตงเซิ่งไม่มองเขา เพียงจ้องหลินเว่ยเว่ยพร้อมถามว่า “หลินกู่เหนียงมีความคิดจะเปิดร้านเป็นของตนเองหรือไม่ ? ”
“ตอนนี้ยังไม่มี ! ” ในบ้านมีบัณฑิตต้องสอบ 2 คน กฎที่ราชสำนักกำหนดให้พ่อค้าไม่ค่อยเป็นธรรมสักเท่าไร ดังนั้นเกรงว่ามันจะส่งผลเสียต่อสองคนนี้
เจียงโม่หานพูดต่อ “ตอนนี้ยังไม่คิดก็ไม่ได้แปลว่าวันหน้าจะไม่ทำ ! ”
รอให้เขาสอบได้สามอันดับแรกแล้วก็สามารถอยู่ในสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน2ได้ แม้จะบอกว่าขุนนางไม่สามารถทำการค้าได้ แต่ก็ไม่นับรวมร้านค้าที่มาจากสินเดิมของฝ่ายฮูหยิน ! ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการหรือขุนนางในเมืองหลวง ใครบ้างไม่มีร้านค้าสัก 2-3 แห่งอยู่ในครอบครอง ?
ตราบใดที่อยู่ในขอบเขตการค้าอันเหมาะสม ฮ่องเต้ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น และเมื่อถึงเวลานั้นเด็กน้อยอยากเปิดร้านอาหารหรือร้านขนม เขาก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ !
หลินเว่ยเว่ยพูดกับเจียงโม่หานด้วยรอยยิ้ม “แม้จะสอนสูตรออกไปก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเปิดร้านเองไม่ได้ สูตรเหมือนกันก็จริง แต่คนทำขนมไม่เหมือนกัน รสมือย่อมมีทั้งดีและเลว ! ในวงการค้าขายไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือการแข่งขัน คุณชายหนิงว่าจริงหรือไม่ ? ”
หนิงตงเซิ่งครุ่นคิดแล้วพยักหน้ารับ “หลินกู่เหนียงพูดได้ถูกต้อง พวกเราร่วมงานกันก็ไม่ได้แปลว่าจะตัดช่องทางการค้าเสียทีเดียว หากต่อไปหลินกู่เหนียงต้องการเปิดร้านเป็นของตนเองก็สามารถทำได้ ! ”
“เงิน ร้านค้า บ้านไหนก็มีทั้งนั้น สูตรที่เสี่ยวเว่ยมีจะหาใครมาร่วมมือด้วยก็ได้ เหตุใดต้องเป็นท่านคนเดียว ? ถ้าอยากร่วมงานก็ต้องเผยความจริงใจของท่านออกมา ! ” เจียงโม่หานกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
หลินเว่ยเว่ยกระตุกเสื้ออีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนกระซิบว่า “ข้าคิดว่าสี่ส่วนก็ไม่น้อยแล้ว…เอาเถิด ข้าจะฟังเจ้า ! ” ภายใต้สายตาของเขา หลินเว่ยเว่ยต้องยอมแพ้แล้วทำเป็นคนไม่มีปากไม่มีเสียง
เจียงโม่หานคิดในใจ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วสี่ส่วนสิบน่ะได้ มีเพียงเจ้าแซ่หนิงเท่านั้นที่ไม่ได้ !
“นี่เป็นการค้าขายของหลินกู่เหนียง ท่านมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจแทนนาง ? ” หนิงตงเซิ่งจ้องเจียงโม่หานด้วยความโมโห
“ทำไม ? ข้าตัดสินใจแทนนางไม่ได้ แล้วท่านทำได้หรือ ? เสี่ยวเว่ยของพวกเราจิตใจบริสุทธิ์เห็นแก่มิตรภาพเกินไปจึงไม่กล้าเอ่ยปาก ดังนั้นว่าที่คู่หมั้นของนางช่วยพูดแทน แล้วผิดหรือไร ? ” เจียงโม่หานจับมือน้อย ๆ ของหลินเว่ยเว่ยต่อหน้าแขกทั้งสอง
หลินเว่ยเว่ยเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เฮอะเฮอะเฮอะ ! บัณฑิตน้อยจับมือนางด้วยล่ะ หรือเขาจะชอบเป็นฝ่ายรุก !
แต่หนุ่มหัวโบราณผู้ไร้เดียงสาทั้งสองหน้าแดงทันที ลู่เหวินจวินคิดในใจว่าความรักของพวกเจ้าสองคนช่วยปิดบังไว้หน่อยได้หรือไม่ ? คิดทรมานคนโสดหรือไร ?
หนิงตงเซิ่งก็คิดว่า เจ้าจงใจ ! ใช่แน่ ! น่ารังเกียจ แต่…ตนมีสิทธิ์อะไรไปโมโห ? เฮ้อ จะโทษก็โทษที่เขาช้าไปหนึ่งก้าว เป็นคนที่นางจะพึ่งพาไปตลอดชีวิตไม่ได้ เช่นนั้นก็เป็นพี่น้องที่นางสามารถพึ่งพาได้ก็แล้วกัน !
“ตัดต้นทุนด้านต่าง ๆ ออกแล้วครึ่งต่อครึ่งก็แล้วกัน ! ” หนิงตงเซิ่งไม่ยอมรับว่าตนยอมถอยเพราะเจียงโม่หาน แต่ทำเพื่อนางต่างหาก เขาจึงเต็มใจยอมยกกำไรให้อีกหนึ่งส่วน ! อย่างมาก…ทำให้ร้านเติบโตแข็งแกร่ง ขยายสาขามากหน่อย เงินก็เพิ่มแล้วไม่ใช่หรือ ?
หลินเว่ยเว่ยดึงเสื้อบัณฑิตหนุ่มด้วยความตื่นเต้น…ตอบตกลงสิ ตอบตกลงไปเลย ! ครึ่งต่อครึ่งก็ไม่น้อยแล้วจริง ๆ เนื่องจากนางไม่ต้องออกเงินแม้แต่อีแปะเดียวและยังไม่ต้องออกแรงด้วย แค่นั่งรอนับเงินอยู่ที่บ้าน เรื่องดีเช่นนี้จะไปหาได้จากที่ใดอีก ?
เจียงโม่หานกระตุกมุมเสื้อของตนเบา ๆ แล้วจับมือที่อยู่ไม่สุขของนาง…เขากลัวนางตื่นเต้นเกินไปจนดึงเสื้อเขาขาดจริง ๆ
ได้ ได้ ได้ ! ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว ! เจียงโม่หานหันไปมองนางแต่ท่าทางยังไม่ค่อยพอใจพร้อมถามนางว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไร ? ถ้าไม่พอใจ ข้าจะช่วยหาคนมาร่วมงานกับเจ้าใหม่…คุณชายลู่มีความคิดจะเปิดร้านขนมที่เมืองหลวงบ้างหรือไม่ ? ”
ลู่เหวินจวินที่จู่ ๆ ก็โดนลากเข้ามาเอี่ยวจึงรีบกลืนเนื้อกวางแผ่นในปากทันที “แม้ข้าไม่เคยมีประสบการณ์เปิดร้านขนมมาก่อน แต่…ถ้าหลินกู่เหนียงสนใจ ข้าก็ยินดีจะลอง…”
หนิงตงเซิ่งหันไปมองเขาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะถามเจียงโม่หานว่า “ท่านถามความเห็นของหลินกู่เหนียงหรือยัง ? หลินกู่เหนียงมีความคิดและสิทธิ์ในการตัดสินใจ เหตุใดท่านต้องควบคุมนางด้วย ? นี่คือสูตรลับของบ้านตระกูลหลิน ผู้ที่จะมาต่อรองกับข้าก็ควรเป็นคนตระกูลหลิน ! ”
คนตระกูลหลิน…หลินจื่อเหยียนทำหน้างุนงง ตระกูลหลินมีการสืบทอดสูตรอาหารด้วยหรือ ? เหตุใดข้าจึงไม่รู้ ? ท่านแม่ก็ต้องไม่รู้แน่นอน หากรู้ก็คงทำขนมไปขายในเมืองแล้ว ไฉนเลยจะมานั่งอดอยากอยู่ในบ้าน ?
“พอแล้ว พวกท่านเลิกทะเลาะกันได้หรือยัง ? ” หลินเว่ยเว่ยหันไปทางเจียงโม่หาน “เรื่องค้าขายปรุงสุกไม่ปรุงดิบ คุณชายหนิงบริหารร้านได้เก่งมาก ยกร้านให้เขาแล้ว ข้าวางใจ ! เห็นแก่หน้าคุณชายหนิงโดยยึดตามที่เขากล่าวคือครึ่งต่อครึ่งแล้วกัน ! ”
หนิงตงเซิ่งกวาดตามองเจียงโม่หานอย่างได้ใจ จากนั้นจึงพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “ยังเป็นหลินกู่เหนียงที่ใจกว้าง ! วางใจได้ ข้าจะต้องดูแลกิจการด้วยใจจริง ทำให้ร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้กลายเป็นร้านขนมของคนทั้งเมืองจงโจวหรือร้านใหญ่ที่สุดในแดนเหนือ ! ทำให้ผู้มีฐานะพอประมาณก็นึกถึงร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้เวลาฉลองเทศกาลเป็นแห่งแรก ! ”
1 ตี๋หมู่ หมายถึง แม่เลี้ยงที่เป็นภรรยาเอก
2 สำนักบัณฑิตฮั่นหลิน คือหน่วยงานรวมบัณฑิตที่มีความสามารถ บัณฑิตฮั่นหลินมีหน้าที่ร่างราชโองการและเอกสารราชการต่างๆ โดยคัดเลือกจากผู้ที่สอบบัณฑิตจิ้นซื่อซึ่งเป็นบัณฑิตที่ผ่านการสอบชั้นสูงสุดของจีนได้