หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 257 กระโดดโลดเต้น
ตอนที่ 257 กระโดดโลดเต้น
มารดาของเสี่ยวหนี่ชิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ “เสี่ยวหนี่ชิวของเรายังไม่กลับมาเลย เด็กคนนี้ ข้ากำชับหลายครั้งแล้วว่าอย่าขึ้นไปบนภูเขาก็ไม่ฟัง…คงไม่ได้เกิดเรื่องร้ายขึ้นใช่หรือไม่ ? ”
ชาวบ้านที่ช่วยกันออกตามหาจำนวนหนึ่งพูดปลอบอย่างอ่อนโยน “คงไม่มีเรื่องอันใดหรอก เมื่อเช้านี้ข้าเห็นเด็ก ๆ เดินขึ้นไปจากหน้าหมู่บ้านเล็กน้อยเท่านั้น แค่ตะโกนก็น่าจะได้ยิน หากเจอกับอันตรายจะไม่มีเสียงอันใดเลยหรือ ? ”
หญิงสาวที่มีใบหน้าเรียวยาว ดวงตากลมโตผู้หนึ่งกลอกตาไปมา จากนั้นก็พุ่งเข้าหานางหวงพลางร้องไห้คร่ำครวญว่า “โก่วเชิ่งเอ๋อร์ของข้า ! เจ้าคืนโก่วเชิ่งเอ๋อร์ของข้ามาเดี๋ยวนี้ ! บุตรสาวคนรองของเจ้าต้องล่อลวงเด็ก ๆ ไปใช้แรงงานเป็นวัวเป็นม้าแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาจะหายตัวไปหรือ ? เด็กคนนี้ข้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่สามขวบ ไม่ว่าสุนัขหรือแมว เขามักเห็นอกเห็นใจพวกมันเสมอ เจ้าต้องชดใช้ให้โก่วเชิ่งเอ๋อร์ของข้า ! ”
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว นางหวงโดนอีกฝ่ายพุ่งเข้าใส่จนเซไปด้านหลังหลายก้าว หากไม่ใช่เพราะแม่ซัวถัวประคองอยู่ด้านหลังก็คงล้มไปแล้ว
แม่ซัวถัวชี้ไปทางจมูกของหญิงคนนั้น “หลี่เสี่ยวฮวา ! เจ้ามันไร้จิตสำนึก สรุปว่าเจ้าปฏิบัติต่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์อย่างไรบ้าง ? ก่อนหน้านั้นพ่อของโก่วเชิ่งเอ๋อร์ต้องไปทำงานในเขตเริ่นอัน ไม่กลับบ้านเป็นเวลาสามวัน เจ้าก็ปล่อยให้โก่วเชิ่งเอ๋อร์หิวโหยเป็นเวลาสามวันเต็ม เขาหิวจนต้องขุดหญ้าบนพื้นมากิน !
เจ้าดูเสื้อผ้าที่เด็กสวมใส่ ล้วนปิดก้นไม่มิดแล้ว เมื่อฤดูหนาวมาถึง ฝ่าเท้าก็แข็งจนขยับแทบไม่ไหว ขณะที่ลูกแท้ ๆ ของเจ้ามีสิ่งห่อหุ้มร่างกายอย่างแน่นหนา ทั่วทั้งหมู่บ้านฉือหลี่โกว ใครบ้างจะไม่รู้จักแม่เลี้ยงจิตใจอำมหิตเช่นเจ้า เด็กกลับมาช้าเล็กน้อยก็ร้องโวยวายเป็นเดือดเป็นร้อน แสร้งทำตัวเป็นแม่ผู้เปี่ยมไปด้วยความรัก ใครจะเชื่อเจ้า ? ”
หญิงผู้นั้นยังร้องห่มร้องไห้ต่อไป “หนึ่งในนั้นไม่มีลูกของเจ้า เจ้าก็พูดได้สิ ! สองสามวันก่อนฝูงหมาป่าเข้ามาในหมู่บ้าน ไม่แน่ว่าเด็กกลุ่มนี้อาจจะ… นางหวง ถ้าวันนี้เจ้าไม่มีคำอธิบายที่น่าพอใจให้แก่พวกเรา ข้าจะ….พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะได้ทำงานอย่างสงบสุข ! ”
หลิวเสี่ยวเอ๋อร์ที่ทำงานอยู่ในบ้านตระกูลหลินก็ร้อนใจขึ้นมา ไม่ให้พวกนางทำงานแล้วเงิน 30 อีแปะต่อวัน จะทำอย่างไร ? ผู้หญิงคนหนึ่งกับบุตรอีกสองคนไม่เหมือนหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่หาเงินได้จากการกะเทาะเปลือกลูกสนแล้วก็ได้เงิน 30 อีแปะต่อวันหรอกนะ
นางเดินออกมาและกล่าวว่า “พี่สะใภ้ เจ้าตั้งใจมาหาเรื่อง ! แล้วพี่ชิงซานรู้หรือไม่ ? อ้อ จริงสิ วันนี้เขาเข้าเมือง รอเขากลับมาและรู้เรื่องที่เจ้ามาเรียกเงินกับตระกูลหลินก่อนเถิด มีหวังว่าเขาจะไล่เจ้ากลับไปพึ่งบ้านมารดาแน่นอน”
แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์หวาดกลัวเล็กน้อย นางนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนไม่ให้โก่วเชิ่งเอ๋อร์กินข้าวในคราวนั้นจนสามีเกือบพานางกลับไปส่งบ้านมารดา นางจึงคิดจะถอดใจกลางคัน แต่เมื่อเห็นผลไม้อบแห้งที่ตากอยู่ในลานกว้างบ้านตระกูลหลิน กลิ่นหอมของเนื้อแผ่นที่กระจายออกมาจากเตาอบ ทำให้นางพูดอย่างกล้าหาญอีกครั้ง
“ใครบอกว่าข้ามาเรียกเงิน ? ข้ามาหาโก่วเชิ่งเอ๋อร์ต่างหาก ! โก่วเชิ่งเอ๋อร์หายตัวเพราะไปเกี่ยวหญ้ากระต่ายแทนเจ้า ข้าไม่มาหาเจ้าแล้วจะหาใคร ? ทุกคนลองพูดมาสิว่าเพราะเหตุผลนี้ใช่หรือไม่ ? ”
หลายครอบครัวที่บุตรของตนหายตัวไปพากันปาดน้ำตาโดยไร้เสียงสะอื้น บุตรคือหัวใจของผู้เป็นมารดา หากโดนหมาป่าคาบไปกินเพราะเรื่องนี้ หัวใจของพวกนางต้องแค้นเป็นฟืนเป็นไฟแน่ !
“เด็กหายก็ออกไปตามหาบนภูเขาสิ มาโวยวายเช่นนี้ให้ได้สิ่งใด ? ” เสียงของผู้ใหญ่บ้านดังออกมาจากกลุ่มชาวบ้าน “ไปเอาฆ้องของข้ามาแล้วระดมคนในหมู่บ้านไปช่วยกันตามหา ! ”
หลินเว่ยเว่ยเดินนำเด็ก ๆ ร้องเพลงอย่างมีความสุขพลางอุ้มตะกร้าที่บรรจุสัตว์ป่าซึ่งล่ามาได้คนละไม้คนละมือแล้วเดินลงจากภูเขาอย่างมีความสุข
หลินเว่ยเว่ยแบกฟืนพร้อมช่วยเด็กบางคนถือตะกร้า คนที่ร้องเพลงเสียงดังที่สุดก็คือนาง
ทันใดนั้นเสียงร้องเพลงของนางก็หยุดชะงัก จากนั้นก็เงี่ยหูฟังบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “หืม ? ผู้ใหญ่บ้านตีฆ้องของเขาอีกแล้วหรือ ? มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกระมัง ? เร็วเข้า รีบเดินกันเถิด ! ไปร่วมวงสนุกกับชาวบ้าน ! ” ฝ่ายเจียงโม่หานอุ้มเจ้าดำแล้วเดินตามหลังของนางไปติด ๆ
“ไปร่วมสนุกกันเถิด ! ” เด็ก ๆ เหมือนเครื่องอัดเสียงอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาลอกเลียนถ้อยคำของนางแล้วพุ่งตัวลงเขาอย่างกระตือรือร้น ตอนที่มาถึงหน้าหมู่บ้านก็เห็นกลุ่มคนทั้งหมดในหมู่บ้านเดินหน้าภายใต้การนำของผู้ใหญ่วัง
“ท่านปู่ขอรับ ! ข้าจับกระต่ายป่าได้หนึ่งตัว มันอ้วนมากเลย ! ” วังตงเฉียงรีบรับตะกร้าของตนจากในมือของหลินจื่อเหยียนแล้วหอบมันด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็สาวเท้าเดินตรงไปยังหมู่บ้านด้วยท่าทางคล้ายเป็ดน้อย
“นั่นคือเอ้อร์ฮว๋า ! เด็ก ๆ กลับมาแล้ว ! ” ชาวฉือหลี่โกวถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ผู้ปกครองของเด็ก ๆ พากันวิ่งไปหาบุตรหลานของตนซึ่งทำให้พบว่าในตะกร้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่โดนมัดเท้าไว้หนึ่งตัว เด็ก ๆ พากันเล่าเรื่องด้วยความตื่นเต้น สัตว์ป่าเหล่านี้เป็นเหยื่อที่พวกตนจับได้ !
หลินเว่ยเว่ยที่แบกฟืนก็ยิ้มทักทายทุกคน “ผู้ใหญ่บ้าน พวกท่านเตรียมตัวจะไปไหนกันหรือ ? เฮ้ ! ยกโขยงกันมาทั้งหมู่บ้านเลย มีเรื่องอันใดหรือ ? ”
แม่เลี้ยงของโก่วเชิ่งเอ๋อร์ถลึงตาใส่ลูกเลี้ยงอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็แย่งไก่ป่าในมือเขาไปและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “จะไปไหนได้อีก ? ก็เด็กในหมู่บ้านหายตัวไป พวกเราจึงออกตามหาให้ทั่วน่ะสิ ! ”
หลินเว่ยเว่ยจึงพูดกับผู้ใหญ่บ้านและเพื่อนบ้านคนอื่นว่า “ข้าผิดเองที่ไม่บอกทุกคนก่อนว่าจะพาเด็ก ๆ ไปล่าสัตว์ป่าบนภูเขา”
ความปรารถนาในการเรียกเงินของแม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ยังไม่หมดไป นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “ทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีผู้ใดกล้าพาเด็ก ๆ ขึ้นไปบนภูเขาสักคน เพราะเด็กยังเล็ก หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา เจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ ? ”
ในที่สุดหลินเว่ยเว่ยจึงเผชิญหน้ากับนางโดยตรง “รับผิดชอบไม่ไหวหรอก ! ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่มู่เกินเอ๋อร์ของท่านร้องไห้คร่ำครวญเจียนตายเพราะข้าไม่กล้าพาเขาขึ้นภูเขา หากโดนหญ้าคมบาดเพียงเล็กน้อย ข้าก็คงจะชดใช้ไม่ไหว ! ”
มู่เกินเอ๋อร์คือลูกติดของแม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ ฝ่ายมู่เกินเอ๋อร์ผู้นี้เป็นตัวภาระอย่างยิ่ง เขาอายุมากกว่าโก่วเชิ่งเอ๋อร์แค่หนึ่งปีเท่านั้น มักจะรังแกน้องชายต่างบิดามารดาอยู่เสมอ มู่เกินเอ๋อร์ต้องการที่จะเล่นกับเจ้าหนูน้อย แน่นอนว่าเจ้าหนูน้อยไม่ชอบเขาจึงไม่ยอมชวนมาเล่นด้วย
วังตงเฉียงคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านหลังของท่านปู่ เขารู้ว่าเพราะพวกตนดื้อจะตามพี่รองหลินขึ้นภูเขาไปโดยไม่บอกไม่กล่าวผู้ปกครองจึงเกิดปัญหาขึ้น เขากังวลว่าท่านปู่จะโทษพี่รองหลินจึงยอมเสี่ยงให้ก้นร้าวระบมแล้วตะโกนเสียงดังว่า “เรารบเร้าจะให้พี่รองหลินพาขึ้นไปจับไก่ป่าบนภูเขาเอง จะตำหนิพี่รองไม่ได้เด็ดขาด ! ”
เจ้าหนูน้อยไม่สนใจไก่ป่าในมืออีกต่อไป เขาปิดหน้าอยากจะร้องไห้ “พี่รอง ข้าขอโทษด้วย ถ้าไม่ใช่ข้าอยากตามท่านไป พวกเขาก็คงไม่ตามไปด้วย เป็นความผิดของข้าเอง ! ”
“ไม่หรอก พวกเรารบเร้าจะตามไปด้วยต่างหาก…” เด็กในกลุ่มพากันตะโกนออกมา
บิดามารดาบางคนจึงเริ่มถามบุตรจนรู้ว่าทุกคนไปในหุบเขาเล็ก ๆ ที่ไม่ไกลมากนัก…ก็ดี พาเด็ก ๆ ขาสั้นไปด้วยย่อมไปไกลกว่านี้ไม่ได้ ! อีกทั้งนางหนูรองเป็นคนที่เชื่อถือได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบัณฑิตเจียงตามไปอีกคน !
หลิวต้าซวนเดินมาตรงหน้าของบุตรชาย เมื่อเห็นกระต่ายป่าในมือของเขา หัวคิ้วจึงเลิกสูงขึ้นทันที “พี่รองหลินของเจ้าพาไปเรียนรู้ประสบการณ์ภายนอก เหตุใดเจ้าจึงถือเหยื่อของนาง ? เอาคืนไปเดี๋ยวนี้ ! ”
“แต่…แต่นี่คือเหยื่อที่มาติดกับดักของข้าขอรับ ! ” อย่างไรก็เป็นเหยื่อตัวแรกของถู่โต้ว สำหรับเขาแล้วถือเป็นความทรงจำอันล้ำค่ามาก เหตุใดต้องคืนด้วยเล่า ?