หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 269 สัตว์ขนดำจะหนีไปไหนได้
ตอนที่ 269 สัตว์ขนดำจะหนีไปไหนได้
เด็กผู้ชายรับมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ดื่มเข้าไปอึกใหญ่ หลังจากดื่มแล้วครึ่งฝา เขาก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากจนหลินเว่ยเว่ยหัวเราะออกมา “ข้าขอน้ำไปให้ท่านแม่และน้องชายดื่มได้หรือไม่ ? ”
พอได้รับคำอนุญาตจากหลินเว่ยเว่ยแล้ว เด็กตัวน้อยก็ถือฝากระบอกน้ำเดินเข้าไปในลานกว้างอันผุพังแล้วครึ่งหนึ่งทีละก้าวอย่างระมัดระวัง หลินเว่ยเว่ยจึงอดเดินตามเข้าไปไม่ได้
มีเสียงของหญิงอ่อนแอมากผู้หนึ่งดังมาจากในห้อง “ไปเอาน้ำมาจากที่ใด ? ”
“แขกของท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านให้มาขอรับ ท่านแม่ รีบดื่มเถิด ! ”
“เจ้าและน้องดื่มเถิด แม่ไม่กระหาย”
“ท่านแม่ขอรับ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ท่านยังไม่ดื่มน้ำเลยสักอึก ! ข้าดื่มมาแล้ว ท่านรีบดื่มเถิด…”
หลินเว่ยเว่ยเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยความปวดใจ กระทั่งมาถึงโถที่สะอาดโบหนึ่งนางจึงเติมน้ำลงไปจนเต็มโถแล้ววางในจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนมดที่มีขนาดเล็กลงและเปราะบางอย่างชัดเจน…
ในตอนที่เด็กผู้ชายคืนฝากระบอกไม้ไผ่ให้นางก็ยังกล่าวขอบคุณอย่างเหนียมอายและมีมารยาท
หลินเว่ยเว่ยปฏิเสธคำเชื้อเชิญให้ไปพักเหนื่อยในบ้านของผู้ใหญ่บ้าน แต่เลือกจะเดินสำรวจในละแวกใกล้เคียงของหมู่บ้านแทน ไม่นานนักนางก็พบร่องรอยของหมูป่า ‘รอยเท้าสะเปะสะปะ ทั้งยังมีมูลสัตว์สดใหม่ด้วย’ ทำให้นางคาดเดาเส้นทางเข้าหมู่บ้านของหมูป่าได้
นางหยิบแท่งเหล็กขึ้นมาเพื่อขุดหลุมกับดักไว้ในละแวกนั้น…แม้ว่าวันนี้หมูป่าจะเบนเส้นทางนี้ไปแล้ว นางก็มีวิธีหลอกล่อพวกมันกลับมาได้
พ่อซัวถัวและชายหนุ่มในหมู่บ้านฉือหลี่โกวได้ขุดหลุมพรางภายใต้คำแนะนำของหลินเว่ยเว่ย แต่พละกำลังของพวกเขาดูเหมือนจะสู้การขุดดินของนางไม่ได้เลย
หลินเว่ยเว่ยคิดในใจว่า ‘ได้โปรดเรียกข้าว่าเครื่องขุดเจาะ ขอบคุณ ! ’
หลุมกับดักทั้งใหญ่และลึกมาก หนังของหมูป่าก็หนาและหยาบกร้าน ความแหลมของไม้ไผ่คงสร้างผลกระทบให้มันไม่มากนักจึงไม่จำเป็นต้องใช้ ขอแค่ให้หมูป่าปีนขึ้นมาไม่ได้ก็พอแล้ว ! จากนั้นนางก็ใช้เศษกิ่งไม้คลุมด้านบนหนึ่งชั้นตามด้วยหญ้าและดินที่ผสมไปด้วยมูลของหมูป่า
หลินเว่ยเว่ยถือโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกตโยนข้าวโพดที่ผ่านการล้างด้วยน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณสองสามฝักลงไปในหลุมกับดัก…นางไม่เชื่อหรอกว่าหมูป่าจะต้านทานความเย้ายวนของน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณได้
ตอนที่ใกล้ถึงช่วงเวลาพลบค่ำ นางก็มาตรวจสอบอีกหนึ่งรอบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลุมกับดักถูกสัตว์ตัวอื่นเหยียบโดนเสียก่อน ทว่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ ในบริเวณนี้ถูกชาวต้าฝางจวงผู้หิวโหยล่าไปหมดแล้ว จึงทำให้กับดักของนางรอดปลอดภัย
ตกดึก เจ้าของกำแพงบ้านที่ได้รับความเสียหายต่างพากันไปเบียดเสียดอยู่ในบ้านของผู้อื่น หลินเว่ยเว่ยจึงพูดกับเจียงโม่หานว่า “เช่นนั้น…เจ้าไปพักที่บ้านผู้ใหญ่บ้านสักคืนดีหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานเห็นถึงเจตนาของนางจึงส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้านอนที่ใด ข้าก็นอนที่นั่น ! ”
หลินเว่ยเว่ยยังอยากโน้มน้าวเขาต่อ “หมูป่าฝูงนี้มีจำนวนมาก บางทีหลุมกับดักอาจจับหมูป่าไม่ได้ทั้งหมด ข้าไม่รู้ว่ายังมีอีกกี่ตัวที่เข้ามาในหมู่บ้าน มันอันตรายเกินไป…”
“เจ้าก็รู้จักคำว่าอันตรายด้วยหรือ ? ” เจียงโม่หานหรี่ตามองนางอย่างไม่พอใจ
หลินเว่ยเว่ยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าหมูป่ามาถึง อย่างน้อยข้าก็ปกป้องตัวเองได้ หากเจ้าอยู่ที่นี่ด้วย ข้าต้องปกป้องเจ้า…”
“ข้าอยู่ด้วย อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีความยับยั้งชั่งใจบ้าง ไม่กล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่าม ! ” เจียงโม่หานชำเลืองตามองนาง…ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลยจริง ๆ
“เอาเถิด ! เจ้าต้องยืนให้ห่างออกไปอีกหน่อยเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชนกัน” หลินเว่ยเว่ยทำได้แค่ยอมประนีประนอม
เจียงโม่หานเหลือบมองนางอย่างเงียบ ๆ “ข้าเป็นตุ๊กตาดินเผาอย่างนั้นหรือ ? ”
พูดก็ไม่ได้ ชนก็ไม่ได้ ต้องให้เจ้าคอยจับมือไว้ตลอดเลยหรือ !
หลินเว่ยเว่ยพาชายหนุ่มในหมู่บ้านฉือหลี่โกวมาพักในบ้านหลังแรกตรงทางเข้าหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านต้าฝางจวงพาเด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่าปีมาสบทบด้วย หลินเว่ยเว่ยให้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่าสองสามหลัง
ม่านแห่งความมืดมิดค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเยือน บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดก็แผ่ขยายไปทั่วหมู่บ้าน พวกเด็กหนุ่มของหมู่บ้านต้าฝางจวงแม้ไม่กล้าออกแรงเต็มที่ แต่ในมือก็ถือพลั่วและจอบไว้แน่น คนในหมู่บ้านฉือหลี่โกวกลับดูผ่อนคลายแต่ก็ไม่ชะล่าใจมากนัก
การรอคอยเป็นความทรมานชนิดหนึ่ง ยิ่งนานเข้าสภาพจิตใจของมนุษย์ก็จะยิ่งร้อนรนมากขึ้น หลินเว่ยเว่ยจึงนำเมล็ดสนปากอ้าไปแจกจ่ายให้ทุกคนในลานกว้างได้กินฆ่าเวลา…
“มาแล้ว ! ” คนแรกที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวคือเจียงโม่หานที่มีประสาทสัมผัสด้านการได้ยินเสียงดีกว่าผู้อื่น หลินเว่ยเว่ยนั่งยอง ๆ อยู่บนกำแพงซึ่งพังทลายไปแล้วครึ่งหนึ่งพร้อมหรี่ตามองไปยังระยะทางไกลออกไป คืนนี้ดวงจันทร์งดงามมาก แสงจันทร์เจิดจ้า น้ำค้างประกายสีเงินปกคลุมอยู่บนพื้นทอแสงระยิบระยับ
“หมูป่าตัวใหญ่ 2 ตัว หมูป่าตัวเล็กสามตัว ! ” หลินเว่ยเว่ยเห็นเงาที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาได้อย่างเลือนราง
ก็ดี พอรับมือไหว !
“ข้ารับผิดชอบหมูป่าตัวใหญ่ 1 ตัว ลุงหวังพาพรรคพวกไปจับอีกตัวหนึ่ง ส่วนหมูป่าตัวเล็กที่เหลือมอบให้คนในหมู่บ้านต้าฝางจวงแล้วกัน ใครมีปัญหาอันใดหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยกระซิบเบา ๆ เพื่อวางแผนและแบ่งหน้าที่
หากบอกให้พวกเขาไปจับหรือฆ่าหมูป่าตัวใหญ่สองตัว บางทีอาจจะยากกว่าเดิมก็ได้ แต่ถ้าแบ่งกันเช่นนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอันใด ! พรานหวังพยักหน้าและนำทุกคนออกไป
“มาแล้ว ! ระวังตัวด้วย ! ”
รอกระทั่งหมูป่ามาถึงหน้าบ้าน พรานหวังก็โยนหินก้อนหนึ่งใส่หมูป่าตัวแรกจนเกือบกระแทกจมูกของมัน แม้ว่าจะทำร้ายหมูป่าตัวนี้ไม่ได้มากนัก แต่ก็ทำให้มันบาดเจ็บบ้าง ! หมูป่าตัวแรกโกรธเกรี้ยวทันใด มันจึงใช้เขี้ยวสีขาวดุจหิมะทำลายประตู จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าชนพรานหวังอย่างแรง
พรานหวังไม่ได้เก่งเรื่องต่อสู้นัก เขาจึงก้าวเท้าวิ่งไปยังทิศทางของหลินเว่ยเว่ย หมูป่าตัวนั้นส่งเสียงฟึดฟัดออกมาพร้อมวิ่งไล่ตาม ด้านหลังของมันยังมีหมูป่าตัวใหญ่อีกหนึ่งตัวไล่ตามมาติด ๆ ส่วนลูกหมูป่าทั้งสามตัวค่อนข้างวิ่งช้าจึงถูกทิ้งไว้ด้านหลัง
หลินเว่ยเว่ยสบโอกาสจึงกระโจนขึ้นไปบนหลังของหมูป่าตัวที่สอง มันตกใจเล็กน้อยจากนั้นก็สะบัดตัวราวกับคลุ้มคลั่ง มันต้องการสะบัดให้มนุษย์ที่อยู่บนหลังตกลงไป หลินเว่ยเว่ยจับใบหูของหมูป่าแน่น ขาคู่นั้นก็หนีบข้างลำตัวของมันไว้ หึ ! มนุษย์โอสถยังสะบัดนางไม่หลุด คิดว่าสัตว์ขนดำตัวนี้จะสะบัดนางจนหลุดได้หรือ ไม่มีทาง !
ไม่ได้การ หมูป่าที่อยู่ด้านหน้าสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวนี้จึงหันมามองด้วยดวงตาสีแดงฉาน มันจ้องเขม็งไปยังหลินเว่ยเว่ยอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีทันที
พ่อซัวถัวกระโจนเข้าใส่อย่างรุนแรง พลั่วในมือเสียบเข้าในก้นของหมูป่าตัวแรก เนื่องจากก้นของมันแข็งมากจึงส่งผลให้มือของเขาชาไปเลยทีเดียว ส่วนก้นของหมูป่ามีแค่ขนที่หลุดร่วงออกมาไม่กี่เส้นเท่านั้น
หมูป่าที่ได้รับการโจมตีจากทางก้นรู้สึกว่าพลังอำนาจของมันถูกกระตุ้น ไฟโทสะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง มันจึงไล่ตามพ่อซัวถัวไปทันที กระทั่งมันไล่ตามได้ทัน พรานหวังจึงยิงธนูใส่ก้นของมัน กลายเป็นว่าพอจะไล่ตามศัตรูได้ทันก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมายในการไล่ล่าทุกครั้งเพราะมีผู้อื่นเข้ามาขัดขวางเสมอ
ชาวบ้านต้าฝางจวงตกตะลึง ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ ?
พ่อซัวถัวหาโอกาสตะโกนไปทางพวกเขาว่า “มัวยืนตกตะลึงอันใดกัน ? เอาชนะหมูป่าตัวใหญ่ไม่ได้ ยังจะเอาชนะลูกหมูป่าตัวเล็กทั้งสามตัวไม่ได้อีกหรือ ? ”
ชาวต้าฝางจวงเหมือนตื่นจากภวังค์แล้วจับอาวุธในมือแน่น จากนั้นก็พุ่งเข้าหาลูกหมูป่าทั้งสามอย่างกล้าหาญ ลูกหมูป่าตัวน้อยทั้งสามตัวหนักรวมกันไม่เกินร้อยชั่ง เขี้ยวของมันยังไม่ยืดยาวออกมา พอมีมนุษย์พุ่งเข้าหากว่าสิบคน ไม่นานพวกมันก็พ่ายแพ้
หลินเว่ยเว่ยกำลังขี่อยู่บนหลังหมูป่าตัวที่สองและถูกมันเหวี่ยงไปมาจนแทบอาเจียน นางมองไปทางสงครามระหว่างมนุษย์กับหมูป่าครู่หนึ่ง หมูป่าตัวแรกถูกจับแล้วทว่าเพราะเห็นลูกหมูป่าโดนทำร้าย มันจึงเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งอีกครั้ง พรานหวังก็ควบคุมมันแทบไม่ไหว