หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 285 อาจเป็นเทพธิดาจากสรวงสวรรค์
ตอนที่ 285 อาจเป็นเทพธิดาจากสรวงสวรรค์
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “เผาถ่านลำบากเกินไป แค่ขึ้นเขาไปตัดฟืนแล้วแบกฟืนลงเขาก็เป็นงานหนักมากแล้ว ตอนเผาถ่านนั้นเวลาปิดปากเตาก็ต้องควบคุมให้ดี ไม่เช่นนั้นแรงที่เสียไปก่อนหน้านี้จะสูญเปล่าทั้งหมด ตอนที่เอาถ่านออกจากเตาจะทั้งเหนื่อยและสกปรก ถ่านหนึ่งเตาอย่างมากก็ขายได้ประมาณตำลึงสองตำลึง…ไม่คุ้ม ! ”
ทว่าทำงานไม่กี่วันก็ได้เงินตำลึงสองตำลึงแล้ว ! ‘เงินก้อนเล็ก’ ที่นางไม่เห็นอยู่ในสายตา กลับเป็นรายได้จำนวนไม่น้อยในสายตาชาวฉือหลี่โกว คนในเมืองชอบใช้ถ่านเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ทุกฤดูหนาวแต่ละบ้านต้องการถ่านจำนวนมาก ถ้าทำทั้งฤดูหนาวก็อาจได้เงินหลายสิบตำลึง !
ผู้ที่มีความคิดเหมือนวังต้าจู้มีไม่น้อยเลย ! พวกเขาเชิญหลินเว่ยเว่ยมาช่วยเลือกสถานที่และชี้แนะในการขุดอุโมงค์ทำเตาเผา จากนั้นก็ฟังหลินเว่ยเว่ยอธิบายถึงวิธีปิดเตาและควบคุมไฟอย่างตั้งอกตั้งใจ…
ผ่านไปไม่นาน หุบเขารอบหมู่บ้านฉือหลี่โกวก็มีหมอกควันปกคลุมเหมือนเอฟเฟคพิเศษเวลามีปิศาจออกมาจากเรื่อง ‘การเดินทางสู่ทิศตะวันตก ( ไซอิ๋ว )’
ต่อจากนั้นสามวัน ถ่านในเตาของบ้านหลินเว่ยเว่ยก็ได้เวลาเก็บ ทุกคนพากันเข้าไปช่วยเหลือ ในเวลานี้เตาเย็นตัวลงแล้ว หลังเปิดเตาเสร็จ หลินเว่ยเว่ยก็สาดน้ำเข้าไปด้านในเพื่อป้องกันถ่านที่ยังไม่เย็นตัวติดไฟขึ้นมาอีกรอบ เช่นนั้นจะต้องมาล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้ายแทน
เมื่อรอให้อากาศถ่ายเทแล้ว วังต้าจู้ วังเอ้อร์จู้และวังซานจู้สามพี่น้องก็ขยันขันแข็งกันเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คำนึงถึงสีดำทมิฬของเตา แต่ละคนเดินเข้าเดินออกเพื่อนำถ่านออกจากเตาครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อจากนั้นหลิวต้าซวนและพ่อซัวถัวก็ช่วยขนไปตากในที่โล่งแจ้ง
หลินเว่ยเว่ยย่อตัวลง นางเคาะถ่านด้านที่ยังเผาไม่หมดกับพื้นดิน หลังแกะเปลือกออกแล้วก็ตากอีกประมาณวันสองวันถึงจะเก็บไว้ใช้ในฤดูหนาวได้ !
เมื่อเห็นเตาเผาของบ้านตระกูลหลินเผาถ่านได้จริง ชาวบ้านฉือหลี่โกวก็รู้สึกตื่นเต้น ทันใดนั้นจึงมีหลายครอบครัวเข้าร่วมการเผาถ่านมากกว่าเดิม
หลินเว่ยเว่ยนำถ่านบรรจุตะกร้าแล้วตะกร้าเล่าเทใส่ที่เก็บถ่านของบ้าน การเผาถ่านในคราวนี้นางมีโอกาสลงมือทำน้อยมากเพราะนางมีหน้าที่เพียงแบกฟืนลงเขา งานส่วนอื่นมีคนทำแทนหมดแล้ว ตอนขุดอุโมงค์ทำเตาเผาก็มีคนช่วย ตอนเก็บถ่านก็มีชาวบ้านช่วยเหลือ แถมยังช่วยขนกลับบ้าน บริการกันถึงระดับนี้…
เจียงโม่หานตักน้ำจากถังเทใส่มือดำ ๆ ของนาง หลินเว่ยเว่ยออกแรงถู แต่มือก็ยังมีคราบดำอยู่ เจ้าหนูน้อยจึงกำขี้เถ้าออกมาจากก้นหม้อ “พี่รองใช้เจ้านี่สิ มันช่วยล้างมือได้สะอาดมากเลย ! ”
หลินเว่ยเว่ยวาดหนวดแมวบนหน้าเจ้าหนูน้อยแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “สบู่บ้านเราหมดแล้วหรือ ? ” ทันใดนั้นเจ้าหนูน้อยก็รีบวิ่งไปหยิบสบู่มาทันที
หลินเว่ยเว่ยล้างไปพลางบ่นไปด้วย “สบู่นี้ทำร้ายผิวมือเกินไป ถ้ามีอุปกรณ์สกัดน้ำมันหอมระเหยก็ทำสบู่ที่ถนอมผิวได้ ! คราวหน้าลองทำสบู่น้ำนมบำรุงผิวให้อ่อนเยาว์ดีกว่า ! ”
“เผาถ่าน ทำสบู่…ยังมีสิ่งใดที่เจ้าทำไม่เป็นอีกหรือ ? ” เจียงโม่หานตักน้ำเพิ่มให้นางอีกขันเพื่อให้ล้างฟองสบู่ออกจากมือ
“ข้ายังทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ ! ต่อไปเจ้าก็จะรู้เอง…” หลินเว่ยเว่ยมองถ่านในที่เก็บฟืน “น่าจะพอใช้แล้วกระมัง ? มองแล้วน่าจะมีมากกว่าหลายร้อยชั่ง ! ”
“ไม่พอ ! เจ้าประเมินความหนาวเหน็บและระยะเวลาของฤดูหนาวที่นี่ต่ำเกินไป ! ภายใต้สถานการณ์ปกติเช่นตอนนี้ควรเริ่มมีหิมะตกแล้ว กระทั่งถึงเดือนสามปีหน้าแดนเหนือจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็งถึงครึ่งปีเต็ม ทว่าอากาศในปีนี้ค่อนข้างผิดปกติ ! ” เจียงโม่หานรู้ว่านี่เป็นฤดูหนาวแรกในฉือหลี่โกวของอีกฝ่าย นางจึงยังไม่เคยสัมผัสถึงความโหดร้ายในฤดูหนาวของภาคเหนือ
ในชาติก่อน ภัยแล้งบวกกับลมหนาวทำให้หมู่บ้านเก้าในสิบแห่งของสามเมืองใหญ่ในแดนเหนือหลงเหลือเพียงความว่างเปล่า ชาวบ้านเสียชีวิตกันอย่างน่าเศร้า ในชาตินี้เด็กน้อยเอ่ยปากต่อหน้าพระพักตร์ขององค์ชายเจ็ด ราชสำนักจึงให้ความสำคัญต่อภัยแล้งของภาคเหนือ เจ้าเมืองจงโจวโดนปลดลงจากตำแหน่ง หลายเมืองในภาคเหนือได้รับอาหารบรรเทาทุกข์ ในที่สุดชาวบ้านก็หายใจได้อย่างสะดวก เมื่อราษฎรมีความหวังแล้ว ผู้ใดจะยังเลือกติดตามพวกกบฏแห่งราชวงศ์ก่อน ?
หลินเว่ยเว่ยนึกถึงเรื่องของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในชาติก่อน ฤดูหนาวแสนหนาวเหน็บเริ่มขึ้นในเดือนสิบ ที่แห่งนี้อากาศน่าจะเหมือนมณฑตเฮยหลงเจียง ? นางจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นอีกสองสามวันค่อยไปเผาใหม่ ทำจนที่เก็บฟืนทั้งสองบ้านไม่เหลือที่ว่าง เก็บไว้เยอะหน่อยเพื่อป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ! ”
นางสนใจแต่การก้มหน้าถูมือจึงไม่เห็นสายตาที่เจียงโม่หานใช้มองตน ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักแสนอ่อนโยน เจียงโม่หานมองไปยังใจกลางศีรษะของหลินเว่ยเว่ยด้วยรอยยิ้ม แม้แต่ผมของเด็กน้อยก็อยู่ไม่สุข ชอบมีลูกผมชี้ออกมาเสมอ
เหมือนว่าทุกอย่างที่เปลี่ยนไปในชาตินี้ของเขาเริ่มมาจากตัวนาง ไม่ว่าเขา นางเฝิงหรือจะเป็นพวกชาวบ้านฉือหลี่โกว ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งผลกระทบต่อผู้คนทั้งภาคเหนือ หรือนางอาจเป็นเทพธิดาที่สวรรค์ส่งมาช่วยเหลือมนุษย์ยามทุกข์ยากและในเวลาเดียวกันก็มาช่วยเขาด้วย ?
“คิดอันใดอยู่ ? ” หลินเว่ยเว่ยสาดน้ำใส่หน้าเขา จากนั้นก็รีบถอยหลังไปพร้อมเสียงหัวเราะและทำท่าทางที่คิดว่าสามารถหนีได้ตลอดเวลา
เจียงโม่หานวางขันน้ำในมือแล้วเอื้อมมือไปทางศีรษะของเด็กน้อย ขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังลังเลว่าจะหลบดีหรือไม่ ศีรษะของนางก็สัมผัสกับความอบอุ่นเสียแล้ว
เจียงโม่หานช่วยเก็บลูกผมเล็ก ๆ บนศีรษะนาง ขณะลูบศีรษะนางเบา ๆ เขาก็ไม่ได้ทำทีท่าว่าจะโมโหแม้แต่น้อย เขาถามเบา ๆ ว่า “คนทั้งหมู่บ้านแทบทำเตาเผาถ่านกันหมด เจ้าไม่กลัวว่าถ่านของพวกเขาจะขายไม่ออกหรือ ? ”
“ขายไม่ออกก็เก็บไว้ใช้เอง ! ไม่ได้เสียเปล่าสักหน่อย ! ” หลินเว่ยเว่ยล้างแอปเปิลสองผล จากนั้นก็โยนให้บัณฑิตน้อยหนึ่งผล ส่วนนางก็ถือมาแทะกินเองอีกหนึ่งผล อื้อ…หวานกรอบอร่อย ชุ่มน้ำกำลังพอดี ผลไม้จากมิติน้ำพุวิญญาณแตกต่างออกไปจริง ๆ
ห้องใต้ดินของบ้านตระกูลหลินมีผลไม้ป่ากองเต็มไปหมด ผลไม้ป่าเก็บรักษายากเพราะเน่าเสียง่าย หลินเว่ยเว่ยจึงนำผลไม้ในห้องใต้ดินไปผลัดเปลี่ยนกับผลไม้ในมิติน้ำพุวิญญาณอยู่บ่อยครั้ง หรือจะกล่าวว่าภายในมิติน้ำพุวิญญาณเต็มไปด้วยผลไม้ป่าหลากหลายชนิด ในทุกหนึ่งถึงสองวันนางจะมีการเปลี่ยนของในห้องใต้ดินเสมอ
แม้เจียงโม่หานจะสงสัยแต่ก็เข้าใจว่าหลินเว่ยเว่ยมีวิธีเก็บรักษาพิเศษ จึงไม่ได้สงสัยอันใดต่อผลไม้สดใหม่ที่นางนำออกมาอยู่บ่อยครั้ง !
“เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ! ฉือหลี่โกวไม่จำเป็นต้องเสียต้นทุนอันใด แค่ออกแรงก็สามารถนำถ่านที่เผาไปขายในเมืองต่าง ๆ ได้ เมื่อมีการแข่งขันในท้องตลาด ราคาถ่านก็จะตก แล้วชาวเมืองเหล่านั้นก็จะได้ใช้ถ่านราคาถูก ! ” หลินเว่ยเว่ยขยิบตาให้เขาพร้อมท่าทางขี้เล่น
ใช่จริง ๆ ฤดูหนาวของชาติก่อน คนที่แข็งตายส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในตัวเมือง ส่วนชาวบ้านในชนบทไม่ต้องใช้ถ่านเพราะเตรียมฟืนไว้ใช้ในฤดูหนาวนานแล้ว จึงสามารถจุดไฟเพิ่มความอบอุ่นได้ ชาวบ้านธรรมดาในเมืองใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการซื้อข้าวสาร ดังนั้นคนที่สามารถซื้อถ่านไหวจึงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย…
ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็มองเด็กน้อยด้วยรอยยิ้ม เขาใช้มือลูบศีรษะนางอีกครั้ง ตัวหลินเว่ยเว่ยในตอนนี้เหมือนเจ้าหนูน้อยที่เพลิดเพลินกับ ‘ความรัก’ ของบัณฑิตหนุ่มจนใช้ศีรษะถูมือของอีกฝ่าย ขณะมองเขากัดแอปเปิลแล้วนางก็กล่าวว่า “บัณฑิตน้อย แอปเปิลของเจ้าดูน่ากินกว่าของข้าอีก ! ”