หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 290 โยนให้พวกโจร
ตอนที่ 290 โยนให้พวกโจร
ใครก็บอกว่าหมู่บ้านฉือหลี่โกวมั่งคั่ง แต่ละบ้านมีเงินเก็บหลายสิบตำลึง ท่านแม่ทัพกล่าวแล้วว่าผู้ใดสังหารแล้วค้นเอาเงินออกมาได้ก็เป็นของผู้นั้น…เงินหลายสิบตำลึงเป็นเงินเดือนของพวกมันจำนวนหลายเดือน ! เหล่าทหารในคราบกองโจรจึงเลือดพลุ่งพล่านขึ้นมาทันใด พวกมันต่างพุ่งเข้าป่าอย่างฮึกเหิม !
ขณะตะโกนแหกปาก มารดาเจ้าอ้วนซานก็รีบวิ่งขึ้นเขาอย่างต่อเนื่อง อาจเพราะความกลัวขึ้นสมองจึงทำให้เท้าของนางไม่เหลือแรง ขณะเงยหน้ามองแผ่นหลังของสามีแล้วนางก็แหกปากตะโกน “พ่อของลูก ช่วยประคองข้าหน่อย ข้าลุกไม่ขึ้น ช่วยข้าด้วย…เจ้าอ้วนซานจะขาดแม่ไม่ได้…”
บิดาเจ้าอ้วนซานใช้มือข้างหนึ่งประคองบุตรชาย อีกข้างหนึ่งจับตัวมารดาไว้ ไฉนเลยจะมีมือที่สามมาช่วยนาง ? เขาจึงหันกลับไปตวาดนาง “ลุกขึ้นมาวิ่งเอง ! แรงที่เอาไว้ใช้ตีไก่ด่าหมาไปไหนหมดแล้ว ? ”
มารดาเจ้าอ้วนซานคร่ำครวญ “ข้ากลัว ! พวกมัน…พวกมันไล่ตามมาแล้ว ! ช่วยด้วย…ช่วย…ฮือฮือฮือ ! ”
หลินเว่ยเว่ยดึงวัชพืชยัดปากมารดาเจ้าอ้วนซาน จากนั้นก็กัดฟันกล่าวว่า “ท่านอยากให้พวกโจรมาทางนี้แล้วทำให้คนทั้งหมู่บ้านต้องซวยไปกับท่านด้วยหรือ ? ”
“ฮือฮือฮือฮือ…” มารดาเจ้าอ้วนซานน้ำตาซึม นางกอดขาหลินเว่ยเว่ยเอาไว้ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากตาย !
หลินเว่ยเว่ยยกตัวนางขึ้น ตอนเดินมาถึงข้างตัวบิดาเจ้าอ้วนซาน นางยังช่วยอุ้มเจ้าอ้วนซานขึ้นมาจนเท้าลอยจากพื้น เขาจึงตกใจจนหลับตาพร้อมเอามือปิดปาก เพราะกลัวว่าหลินเว่ยเว่ยจะโมโหแล้วแขวนเขาไว้บนต้นไม้…เด็กน้อย เจ้าไม่ต้องกลัวโดนแขวนหรอก !
หลินเว่ยเว่ยอุ้มสองแม่ลูกขึ้นเขาราวกับเดินบนพื้นราบ เมื่อไล่ตามชาวบ้านคนอื่นได้แล้ว นางก็โยนคนลงพื้นพร้อมเตือนแม่ลูกคู่นี้ “ถ้าเจ้าคนใดคนหนึ่งส่งเสียงล่อโจรออกมาอีก ข้าจะจับพวกเจ้าโยนให้พวกโจร ! ”
มารดาเจ้าอ้วนซานและบุตรชายรีบยกมือปิดปาก จากนั้นก็พยักหน้ารับอย่างแรงเพราะกลัวพยักหน้าช้าแล้วจะถูกโยนให้กองโจร หลินเว่ยเว่ยยังถลึงตาใส่เจ้าอ้วนซาน “ประคองแม่เจ้าเอาไว้ ! โตถึงเพียงนี้แล้ว อย่าทำให้การกินจนมีเนื้อมีหนังสูญเปล่า”
เจ้าอ้วนซานไม่พูดไม่จารีบประคองมารดาอย่างเชื่อฟังและเดินตามหลังชาวบ้านคนอื่นทันที หลินเว่ยเว่ยยังวิ่งไปข้างหลังอีกสองสามรอบ นางช่วยเด็ก ผู้หญิงและคนชราที่อ่อนแออยู่รั้งท้ายให้เข้ามาอยู่ในฝูงชนทีละคน ในฤดูหนาวเช่นนี้นางกลับเคลื่อนไหวจนเหงื่อท่วมกาย !
จังหวะที่กำลังจะพักหายใจ นางก็เหลือบไปเห็นบัณฑิตน้อยนั่งอยู่บนก้อนหินและมองไปยังบริเวณคบเพลิงอย่างครุ่นคิด นางจึงเดินเข้าไปแล้วถามว่า “เหนื่อยแล้วหรือ ? ให้ข้าแบกเจ้าหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานเหลือบมองนางพลางคิดในใจว่า ‘หรือในใจนางเห็นข้าเป็นคนไม่ได้เรื่องมากเหลือเกิน ? ’
หลินเว่ยเว่ยเข้าใจสายตาของอีกฝ่าย นางจึงหัวเราะแห้งออกมา “ข้าก็ไม่ได้เป็นห่วงเจ้าหรือ ! เป็นห่วงจนกังวล เจ้าเองก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับข้าเลย ! ”
ทันใดนั้นเสียงม้าศึกและคำสั่งที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีก็ดังขึ้นตรงเชิงเขา แววตาของเจียงโม่หานเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมโดยฉับพลัน “คนพวกนี้ดูไม่เหมือนโจรทั่วไป แต่เหมือน…”
“เหมือนทหารที่ฝึกมาเป็นอย่างดี…ทหารปลอมตัวเป็นโจรเข่นฆ่าราษฎร หรือไม่กลัวราชสำนักลงโทษ ? ” หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้วมุ่น ดูจากเวลาและความเร็วในการบรรเทาทุกข์ ฮ่องเต้ก็ไม่เหมือนคนโง่เขลาเลยสักนิด ! แล้วเหตุใดกองทัพจึงเป็นเช่นนี้ได้ ?
“ถ้าไม่ใช่กองทัพของราชสำนักเล่า ? ” เจียงโม่หานนึกถึงช่วงเวลาที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดในชาติที่แล้ว ข่าวโศกนาฏกรรม…เศษเสี้ยวของราชวงศ์ก่อนจำนวนหลายพันบุกเข้ากวาดล้างคนร่ำรวยในอำเภอจิงหยุน ตอนที่ทหารรักษาการณ์เมืองจงโจวไปถึง ซากศพก็เกลื่อนทุกหนแห่ง ทั่วอำเภอจิงหยุนกลายเป็นทะเลเพลิง ราษฎรนับหมื่นในอำเภอแทบไม่เหลือรอด…หมู่บ้านรอบข้างที่ค่อนข้างมั่งคั่งก็ไม่ได้รับการยกเว้น !
หรือว่าโจรเหล่านี้จะเป็นกลุ่มเดียวกับที่ไปกวาดล้างอำเภอจิงหยุนในชาติก่อน ?
หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “เจ้าหมายความว่า…คนพวกนี้เป็นทหารกบฏ ? ถ้าเช่นนั้นก็ต้องรีบไปรายงาน จะปล่อยให้พวกมันก่อกวนความสงบและทำร้ายราษฎรไม่ได้ ! ”
นางยู่ใบหน้าของตน จะไปรายงานกับใคร ? ไปหานายอำเภอเช่นนั้นหรือ ? ถ้าอย่างนั้นสู้ไปหากองทัพที่ประจำการรักษาเมืองจงโจวยังจะดีเสียกว่า ! แต่ว่าดวงตามืดบอดคู่นี้จะไปหากองทัพนั้นได้ตรงไหนเล่า ?
“เช่นนั้น…เราไปหาหมินอ๋องซื่อจื่อดีหรือไม่ เขายังรักษาตัวอยู่ในอำเภอเป่าชิง ! ” ไม่ได้บอกว่าหมินอ๋องเป็นวีรบุรุษผู้บุกเบิกราชวงศ์ เป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกรหรอกหรือ ? ในกองทัพน่าจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ย่อมสามารถเคลื่อนย้ายกองทัพได้กระมัง ?
เจียงโม่หานก้มหน้ามองเด็กน้อย “ข้ารู้ว่ากองทัพนั้นประจำการอยู่ที่ใด เจ้าพาทุกคนขึ้นเขา ส่วนข้าจะไปรายงานให้กองทัพทราบเอง ! ”
“กองทัพอยู่ไกลหรือไม่ ? เจ้าจะไปอย่างไร ? ด้วยร่างกายบอบบางของเจ้านี้ ยังไม่ทันไปถึง ก็คงหมดแรงก่อนแล้ว ! ข้าจะไปกับเจ้า ! ” หลินเว่ยเว่ยจะยอมปล่อยให้บัณฑิตน้อยที่ไร้เรี่ยวแรงไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร ?
“เจ้าไปกับข้า แล้วชาวบ้านฉือหลี่โกวจะทำอย่างไร ? ” เจียงโม่หานจ้องใบหน้าอันงดงามของเด็กน้อยตรงหน้า หลังจับใบหน้าน้อย ๆ ของนางแล้วเขาก็ใช้นิ้วบีบ
“ไม่ได้มีหลีชิงอยู่ด้วยหรือ ! เจ้ารอข้าอยู่นี่ ประเดี๋ยวข้าไปกำชับเขาสักสองสามเรื่องก่อน ! ” หลินเว่ยเว่ยจับมือเขา เมื่อประทับจุมพิตที่หลังมือนั้นแล้ว นางก็หมุนตัววิ่งไปหาคนกลุ่มที่อยู่ด้านหน้า !
เจียงโม่หานมองตามแผ่นหลังของนางครู่หนึ่ง…
อยู่ในหุบเขาต่อไปต้องเผชิญอันตรายจากการไล่ล่า แต่ภูเขาต้าชิงเป็นเหมือนสวนดอกไม้หลังบ้านของนาง แม้จะหลับตาก็สามารถเดินบนหุบเขาได้ ด้านพวกทหารกบฏไม่รู้ความซับซ้อนของเส้นทางบนหุบเขา ความอันตรายของป่าเขาเมื่อเทียบกับการไปรายงานต่อกองทัพซึ่งไม่รู้จะต้องเผชิญกับสิ่งใดบ้าง ดังนั้นการอยู่ในหุบเขาสำหรับนางย่อมปลอดภัยกว่า !
หลินเว่ยเว่ยบอกการคาดเดาและการตัดสินใจของบัณฑิตน้อยกับหลีชิง นางบอกให้เขาพาชาวฉือหลี่โกวไปยังป่าสนแดงด้วยตนเอง ที่นั่นเป็นถิ่นของเจ้าเทา มีจ่าฝูงหมาป่าคอยปรามไม่ให้หมาป่าในฝูงทำร้ายมนุษย์ ไปที่นั่นย่อมปลอดภัยกว่าการวิ่งไปวิ่งมาในป่ากว้างยามราตรี !
หลีชิงกลับมองนางด้วยความกังวล “ถ้าพวกที่อยู่ตรงเชิงเขาคือทหารกบฏจริง ๆ พวกเจ้าสองคนลงเขาก็ต้องไปเจอกับอันตรายไม่ใช่หรือ ? ให้ข้าไปดีกว่า ! ”
“ไม่ได้ ! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าอาจอยู่ในกองทัพของราชสำนัก หากเจอกันขึ้นมาก็ไม่เพียงขอทหารมาช่วยไม่ได้ แต่ยังจะพาตนเองไปตายอีกด้วย บัณฑิตเจียงเป็นถงเซิงและข้ายังเคยช่วยชีวิตหมินอ๋องซื่อจื่อ เรามีป้ายหยกกิเลนของเขาอยู่ สามารถทำให้กองทัพเชื่อถือได้ง่ายกว่า ! พี่ใหญ่หลีชิง ข้าฝากคนในครอบครัวไว้กับท่าน ! ” ถ้อยคำประโยคสุดท้ายของหลินเว่ยเว่ยเต็มไปด้วยความรับผิดชอบและความเชื่อใจอันใหญ่หลวง
หลีชิงค่อย ๆ พยักหน้ารับ…แม้ต้องแลกด้วยชีวิต เขาก็จะปกป้องครอบครัวของนางให้ปลอดภัย !
หลินเว่ยเว่ยกลับมายังสถานที่นัดพบกับบัณฑิตหนุ่มอีกครั้ง ไฉนเลยจะยังมีเงาร่างของเจียงโม่หานอยู่อีก ? หลินเว่ยเว่ยโมโหจนกัดฟันกรอด บัณฑิตน้อย รอให้เรื่องนี้จบลงก่อนเถิด ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าแน่ ! ช่างเป็นเด็กดื้อเสียจริง !
จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ใช้กระบองเหล็กแหวกพงหญ้าเพื่อตามหาร่องรอยที่บัณฑิตน้อยเหลือทิ้งไว้แล้วรีบตามไปอย่างรวดเร็ว บัณฑิตน้อยยังฉลาดอยู่เพราะรู้จักเดินอ้อมหน้าหมู่บ้านจนไปถึงเส้นทางนอกหมู่บ้าน
หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วเลี่ยงไปตามเส้นทางสายหนึ่ง ถ้าทั้งสองคนอาศัยแค่ขาสองข้างแล้วจะไปถึงที่ตั้งของกองทัพชาติไหน ? แน่นอนว่าต้องหารถโดยสารก่อน !
ล่อตัวที่แข็งแรงของบ้านนางทั้งสองตัวจะถูกเลี้ยงแบบปล่อยไว้ในหุบเขาทุกเย็น ล่อตัวแรกของบ้านนั้นอาจเพราะมันได้ดื่มน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณจึงเป็นเหมือนเจ้าเทาที่มีสติปัญญา พอกลับมาจากส่งสินค้าแล้ว มันก็จะไปขอดื่มน้ำที่บ้านตระกูลหลิน จากนั้นก็จะพาล่ออีกตัวเดินออกไปหาอาหารกินในหุบเขาหลังบ้านด้วยตัวมันเอง