หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 296 ไม่จำเป็นต้องทำตัวแข็งแกร่ง
ตอนที่ 296 ไม่จำเป็นต้องทำตัวแข็งแกร่ง
“กัวจิ้งฉวน ! ” แม่ทัพกบฏเผยดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันใด !
โอ้ เป็นคนรู้จักกันนี่เอง ! หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้ม ไม่มีสิ่งใดให้ทำแล้ว นางจึงดึงตัวบัณฑิตน้อยให้ถอยออกไปชมละครฉากเด็ด !
“โอ้ ! นี่ไม่ใช่จางกุ้ยลูกสุนัขไร้บ้านผู้ตกอับหรอกหรือ ! เศษเดนอย่างพวกเจ้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง คนไร้สมองอย่างเจ้ายังก้าวขึ้นมาถึงตำแหน่งแม่ทัพได้ ช่างเป็นการเหยียดหยามตำแหน่ง ‘แม่ทัพ’ เหลือเกิน ! ” เดิมทีแม่ทัพกัวก็เป็นคนปากร้ายคนหนึ่ง
จางกุ้ยโกรธจนอยากจะพุ่งเข้าไปเอาชีวิตแม่ทัพกัว ทว่ากุนซือเข้ามาคว้าตัวเอาไว้ด้วยความหดหู่…ถึงขั้นนี้แล้วยังจะพุ่งเข้าไปอย่างไร้สมองอีกหรือ ถ้าเมื่อคืนฟังข้าตั้งแต่แรก ทำแค่ปล้นเสบียงแล้วจากไปก็ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ !
ในสนามรบ แม่ทัพจางเป็นแม่ทัพผู้ดุดันคนหนึ่ง น่าเสียดายว่าหากเป็นเรื่องการนำทัพแล้วยังมีจุดอ่อนอยู่มาก !
ทหารรักษาการณ์พันกว่านายเข้าปะทะกบฏจำนวน 300 นาย ผลลัพธ์จึงแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แม่ทัพกบฏหัวรั้นก็โดนแม่ทัพกัวตัดศีรษะภายในดาบเดียว กุนซือจึงพาทหารกบฏที่เหลือปลดอาวุธเพื่อยอมแพ้…
ขณะมองซากศพเกลื่อนพื้นพร้อมกลิ่นคาวโลหิตที่ลอยมาตามลม หลินเว่ยเว่ยก็มีความรู้สึกอยากอาเจียนออกมา เจียงโม่หานสังเกตเห็นว่านางมีสีหน้าผิดปกติจึงคิดได้ว่านางน่าจะเพิ่งเคยเห็นฉากนองเลือดเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาจึงรีบยกมือปิดตาให้นาง
หลินเว่ยเว่ยยกมือปิดจมูกแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอวดเก่งดังเดิม “ปิดเพื่อเหตุใด ใช่ว่าไม่เคยเห็นคนตายเสียหน่อย เจ้าลืมแล้วหรือว่าคราวก่อนมนุษย์โอสถก็ตายต่อหน้าข้า เลือดยังกระเด็นมาติดใบหน้าของข้า…” แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่นางก็ไม่ได้แกะมือของบัณฑิตน้อยออก
เจียงโม่หานกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายปนเอ็นดู “แล้วคืนนั้นใครที่ไข้ขึ้นสูง และเพียงเพื่อดูแลเจ้า ข้าไม่ได้นอนทั้งคืน ! ”
“ก็ได้ ! ข้ายอมรับว่าเห็นศพเยอะเช่นนี้แล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเลย” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำตัวแข็งแกร่งต่อหน้าบัณฑิตน้อย “เจ้ากลัวหรือไม่ ? ให้ข้าปิดตาเจ้าหรือเปล่า ? ”
ชาติก่อน ฉากนองเลือดที่มากกว่านี้เขาก็เห็นมาแล้ว แม้แต่การประหาร เขาก็เจอมากับตัวแล้ว ยังจะมีสิ่งใดให้กลัวอีก ? ขณะปิดตาของนาง เจียงโม่หานก็พานางเดินมายังทางเข้าหุบเขา “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด ! ”
“เจ้าไม่ได้อ่อนแอแต่น่าทะนุถนอม ! เหมือนสมบัติล้ำค่าที่ทำให้ข้าอยากดูแลอยู่ร่ำไป ! ” แม้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินเว่ยเว่ยก็ยังไม่ลืมที่จะหยอกเย้าอีกฝ่าย
“ไร้ต้นสนสูงตระหง่านในเรือนกระจก เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าการดูแลของเจ้าอาจทำลายต้นไม้กระถางนั้น ? ” เจียงโม่หานรู้สึกว่าโดนเด็กน้อยลบเหลี่ยมจนไม่เหลือแล้ว เขาจึงรู้สึกโมโหขึ้นมา ดังนั้นเขาจะต้องควบคุมนางให้ได้ !
“นางหนูรอง ในที่สุดเจ้าก็กลับมา…รีบมาดูพ่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์เร็วเข้า ! เลือดของเขาไม่หยุดไหลสักที…เจ้าไม่ใช่ลูกรักของเทพเจ้าแห่งขุนเขาหรอกหรือ ? เจ้าจะต้องมีวิธีช่วยเขาแน่นอน ใช่หรือไม่ ? ” แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์ร้องไห้โฮ นางทำราวกับว่าเพิ่งคว้าฟางเส้นสุดท้ายได้ จึงรีบพุ่งเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าหลินเว่ยเว่ย
ในปีแห่งภัยพิบัติเช่นนี้ ถ้าไม่มีผู้ชายอยู่เป็นผู้นำ นางจะเลี้ยงดูพวกเด็ก ๆ ได้อย่างไร !
ทันใดนั้นผู้ใหญ่บ้านก็เค้นเสียงดุทันที “ปล่อยนางหนูรองเดี๋ยวนี้ ! ลูกรักเทพเจ้าอันใดกัน ? นั่นคือคำล้อเล่นที่คนในหมู่บ้านพูดกัน ! นางหนูรองไม่ใช่หมอ เจ้าขอร้องนางแล้วจะมีประโยชน์อันใด ? ”
หลินเว่ยเว่ยดึงขาออกจากอ้อมกอดของแม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์แล้วมาหาพ่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์ เขาโดนลูกธนูปักตรงหน้าอก น่าจะโดนปอดจึงทำให้เลือดไหลออกมาจากบาดแผลตลอดเวลา
หมอเหลียงหยิบยาห้ามเลือดออกมาหนึ่งเม็ด หลินเว่ยเว่ยก็รีบหยิบกระบอกน้ำออกมาจากเอว เจียงโม่หานขมวดคิ้วแล้วพยายามย้อนนึกทบทวน…ตรงเอวของเด็กน้อยมีกระบอกน้ำอยู่ด้วยหรือ ? เหตุใดเขาไม่เห็นมันมาก่อนเลย ?
ยาห้ามเลือดถูกส่งลงคอพร้อมน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณ จากนั้นประมาณ 1 เค่อ บาดแผลของพ่อโก่วเชิงเอ๋อร์ก็ไม่มีเลือดไหลออกมาอีก ลมหายใจก็ไม่อ่อนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ หลินเว่ยเว่ยจึงรีบพูดว่า “ท่านหมอเหลียงมีวิชาแพทย์สูงส่งยิ่งนัก ฤทธิ์ยาที่ท่านปรุงขึ้นมาไม่ธรรมดาตามคาด…”
หมอเหลียงทราบดีว่ายาของตนไม่มีทางออกฤทธิ์ได้เร็วเพียงนี้ หรือว่า…ชีวิตของพ่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์ยังไม่ถึงฆาต ?
แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์รีบโค้งคำนับให้เขา “ขอบคุณท่านหมอเหลียง ไม่ว่ายานี้จะแพงเพียงใด พวกเราก็ต้องขายข้าวของในบ้านเพื่อจ่ายให้ท่านแน่นอน ลูกธนูที่หน้าอกของเขา ท่านคิดว่า…”
ต่อจากนั้นหมอเหลียงก็หยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังไปที่หน้าอกของพ่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์สองสามจุด จากนั้นก็หันไปมองโดยรอบ “นางหนูรองอยู่ช่วยต่อที่นี่ ส่วนคนที่เหลือจงออกไปให้หมด ! ”
แม้ว่าแม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์จะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ยอมถอยออกไปแล้วยืนมองจากระยะไกล หมอเหลียงหยิบมีดเล่มบางเหมือนปีกจักจั่นออกมา แล้วใช้น้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณในกระบอกล้างมัน จากนั้นก็กรีดไปโดยระวังเส้นเลือดที่หน้าอกของพ่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์…
ผ่านไปไม่นานลูกธนูก็ถูกผ่าออกมา หลินเว่ยเว่ยมองพ่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์ที่หลับตาและไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดตั้งแต่ต้นจนจบ นางจึงชี้ไปที่เข็มเงินแล้วถามว่า “เข็มนี้ช่วยสกัดจุดเพื่อหยุดความเจ็บปวดใช่หรือไม่ ? ”
หมอเหลียงตอบพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าโดดเด่นกว่าใครจริง ๆ…ถูกต้อง เข็มนี้ช่วยสกัดความเจ็บได้ แต่ไม่ได้หยุดไว้ทั้งหมดหรอก เพราะเขาหมดสติไปต่างหาก ไม่เช่นนั้นต้องรู้สึกเจ็บแน่นอน ! ”
หลินเว่ยเว่ยมองเขาแล้วกล่าวด้วยท่าทางครุ่นคิด “ท่านหมอเหลียง บรรพบุรุษของท่านเคยเป็นหมอหลวงหรือไม่ ? ท่านมีวิชาแพทย์ดีถึงเพียงนี้ทว่ามาอยู่ในหุบเขารกร้างเสียได้ ช่างน่าเสียดายความสามารถเหลือเกิน ! ”
หมอเหลียงเก็บรอยยิ้มแล้วส่ายหน้า “ตรงไหนไม่มีคนไข้ให้รักษาบ้าง ? อยู่ที่ฉือหลี่โกวก็ดีออก ตอนนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ! ”
เจียงโม่หานรีบดึงเสื้อนางไว้ หลินเว่ยเว่ยจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก…หมอเหลียงก็เป็นคนมีภูมิหลังเช่นกันสิท่า !
เฮ้อ ! ราชวงศ์ก่อนสูญสิ้น ราชวงศ์ใหม่ขึ้นปกครองแทน เกรงว่าจะมีผู้คนที่มีเรื่องราวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ยกตัวอย่างเช่น…คนคุ้นเคยที่อยู่ข้างบ้าน การกระทำของนางเฝิงแค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนชนบท ตัวบัณฑิตน้อยก็มีหยกขาวมันแพะแสนล้ำค่าในมือ แม้ยากจนหมดหนทางก็ไม่นำมันออกมาแลกเงิน คนผู้นี้และหยกนี้ ถ้าไม่มีเรื่องราวเบื้องหลัง นางจะตีลังกาใช้แขนเดินต่างเท้าให้ดู !
“บัณฑิตน้อย ตั้งแต่สมัยโบราณมีเรื่องราวเกี่ยวกับการร่ำสุราและข้ามีสุราดีอยู่ในครอบครอง เจ้าสนใจอยากจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ข้าฟังสักคืนหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยจ้องมองเขาด้วยดวงตาแห่งรอยยิ้ม
ดวงตาคู่งามของเจียงโม่หานหันมาจับจ้องที่ตัวนาง…หรือว่า…สาวน้อยผู้ฉลาดเฉลียวคนนี้จะสังเกตเห็นบางอย่างจากการแสดงออกของเขาเมื่อคืน ? ‘ไม่ว่าเจ้าจะกล่าวอย่างไร ข้าก็ไม่ยอมรับ เช่นนั้นเจ้าจะทำอันใดข้าได้ ? ’ เจียงโม่หานเลียนท่าทางกวนประสาทของหลินเว่ยเว่ยได้เหมือนยิ่งนัก
เขาขยับไปที่ข้างหูของสาวน้อยแล้วกระซิบเบา ๆ ว่า “รอให้แต่งงานกันแล้วเจ้าจะอยู่กับข้ากี่คืนก็ได้ ทว่าตอนนี้…พวกเราเพิ่งหมั้นหมายกัน เจ้าใจร้อนเกินไปหน่อยกระมัง ! ”
“คะ…ใครใจร้อน ? ที่ข้าพูดหมายถึงสนทนากัน ! แค่พูดคุยกันเฉย ๆ…คิดไปถึงไหนแล้ว ! คาดไม่ถึงว่าภายใต้ใบหน้าราวกับเทพเซียนของเจ้าจะซุกซ่อนความคิดสกปรกเอาไว้” หลินเว่ยเว่ยลูบใบหน้าร้อนผ่าวของตน สวรรค์ บัณฑิตน้อยใช้ใบหน้างามล่มเมืองจ้องมองข้า แล้วใครจะทนไหว !
หลินเว่ยเว่ยจึงรีบเดินหนีเพื่อไปตรวจดูบาดแผลของชาวบ้านคนอื่น ‘กองทหารชาวบ้าน’ ทั้ง 70-80 คนที่นางก่อตั้งมีบาดแผลไม่มากก็น้อย ทว่าเป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น หมอเหลียงกับบุตรชายใส่ยาและพันแผลให้แล้ว ! พ่อโก่วเชิ่งเอ๋อร์ที่บาดเจ็บสาหัสที่สุดก็พ้นขีดอันตรายและได้สติขึ้นมาเช่นกัน