หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 323 ของที่คนอื่นมี คู่หมั้นข้าก็ต้องมี
ตอนที่ 323 ของที่คนอื่นมี คู่หมั้นข้าก็ต้องมี
“เหม็นจะตาย ! เหม็นจะตาย ! ” เสียงกระพือปีกดังขึ้นเหนือศีรษะของหลินเว่ยเว่ย ทันใดนั้นนกแก้วขนแหว่งก็บินมาเกาะบนไหล่นางแล้วซุกก้นของมันเข้าไปในแขนของนาง…หนาวมาก นกก็จะแข็งตายอยู่แล้ว !
“เจ้าขนแหว่ง เจ้าตามมาด้วยเหตุใด ? ” หลินเว่ยเว่ยนำตัวมันเข้ามาใต้เสื้อคลุม ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มที่ปากน้อย ๆ ของมัน
“หงส์แดง ไม่ใช่ขนแหว่ง ! ” นกแก้วต่อต้าน มันสยายปีกที่เต็มไปด้วยขน อีกไม่นานตัวของมันก็จะกลับมามีสีสันสดใสเหมือนเดิม กลับไปเป็นนกแก้วที่สวยงามตระการตาอีกครั้ง !
หลินเว่ยเว่ยค่อย ๆ ถอดรองเท้าแล้วนำเท้าที่ยังใส่ถุงเท้าสีขาวดุจหิมะเบนไปทางเจียงโม่หานซึ่งจ้องเท้าน้อย ๆ ของนางครู่หนึ่ง…นี่คือ…จะให้เขาเพิ่มความอบอุ่นให้หรือ ? เฮอะเฮอะ เด็กน้อย พอทำดีใส่ก็เอาใหญ่เชียวนะ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ทนเห็นนางตัวเย็นเยือกไม่ไหว สุดท้ายจึงเปิดเสื้อคลุมออกแล้วให้นางเข้ามา
ส่วนเด็กน้อยไร้หัวใจยังคงเล่นกับนกแก้วอย่างมีความสุขต่อไป “เอาเถิด หงส์แดง เจ้ากลัวว่าพวกเราไม่มีเสบียงกินระหว่างทาง จึงนำตัวเองมาเป็นนกย่างให้เราใช่หรือไม่ ? ”
นกแก้วขนแหว่งร้องเสียง กวากวา “นกไม่อร่อย ! ซื้อหมูอ้วน ทำเกี๊ยว ! ”
“นกแก้วกินเกี๊ยวได้ด้วยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยนำมันเทศออกมาจากตะกร้า จากนั้นก็นำไปย่างบนเตาไฟ นกแก้วกำลังยื่นจะงอยปากไปจิกกิน แต่โดนหลินเว่ยเว่ยห้ามไว้ก่อนพร้อมโยนข้าวโพดให้มันหนึ่งกำมือ
นกแก้วขนแหว่งก้มหน้ากินอาหาร แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเท้าของนาง “เท้าเน่า เหม็นจะตายแล้ว ! ” ข้ากำลังกินอาหารอยู่ เจ้าถอดรองเท้าเช่นนี้ยังมีมารยาทอยู่หรือไม่ ?
เจียงโม่หานใช้เสื้อคลุมที่อบอุ่นไปด้วยอุณหภูมิร่างกายของตนคลุมเท้าหลินเว่ยเว่ยเอาไว้ แต่ปากกลับกล่าวว่า “แม้แต่นกยังรังเกียจเจ้า…”
“นกตัวหนึ่งจะเข้าใจอะไร ? อย่างข้าน่ะเรียกว่าเท้าเรียวดุจหยก ต้องดมก่อนถึงจะรู้ว่าหอม…”
เสียงของหลินเว่ยเว่ยยังไม่ทันเงียบ นกแก้วขนแหว่งก็เหมือนจะกินข้าวโพดแล้วติดคอ มันทำเสียงสำลัก…“แหวะ…” ออกมา
เจียงโม่หานเลิกคิ้ว แม้จะไม่ได้หัวเราะแต่ในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน หลินเว่ยเว่ยโมโหจนยกตัวนกแก้วขนแหว่งขึ้นมา “ถ้าเจ้ายังกล้าพูดภาษานกมั่วซั่วอีก ข้าจะยัดเจ้าใส่ถุงเท้าคู่นี้เลย ! ”
นกแก้วขนแหว่งห่อไหล่ทันที มันทำตัวเหมือนต้นหญ้าที่โดนลมหนาวพัด
เกวียนเทียมม้าไม่จำเป็นต้องใช้คนบังคับ มันวิ่งไปตามถนนซึ่งตรงไปยังอำเภอจิงหยุนด้วยตัวมันเอง กระแสลมลดลงมาหน่อย แสงแดดเริ่มปรากฏให้ความรู้สึกอุ่นสบาย เมื่อวางมือไว้บนถุงร้อนขนกระต่ายอีกชั้นแล้วหลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาทันที
นางขยับไปเบียดตัวกับบัณฑิตหนุ่ม จากนั้นก็เริ่มพิงไหล่ของเขาและหรี่ตาลงเพื่อลอบมองท่าทีของอีกฝ่าย
เจียงโม่หานนำรองเท้าของนางไปผิงไฟ เสร็จแล้วก็ยื่นให้นาง “เลิกแกล้งหลับได้แล้ว ใส่รองเท้าสิ ! ”
หลินเว่ยเว่ยใส่รองเท้า แต่ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปหอมแก้มเขาแรง ๆ “บัณฑิตน้อย เจ้าเป็นผู้ชายอบอุ่นมาก ! ”
ใบหูทั้งสองข้างของเจียงโม่หานแดงระเรื่อ คอก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูอมแดงเหมือนกัน เขารีบแสร้งไม่ใส่ใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “อย่าเอามือที่จับเท้าแล้วมาแตะใบหน้าของข้า ! ”
หลินเว่ยเว่ยยังจงใจเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขา แต่ถูกเจียงโม่หานใช้มือกันไว้ นางจึงถือโอกาสคว้ามือเรียวยาวของเขาแทนและลูบรอยแดงที่นิ้วของอีกฝ่าย “เหตุใดจึงมีรอยแผลของการแพ้อากาศหนาวเช่นนี้หรือ ? ”
“เมื่อก่อนตอนที่มือเย็นจนแข็งนั้น…” นางเฝิงเพียงคนเดียวเลี้ยงเจียงโม่หานจนเติบใหญ่และยังส่งเขาเรียนหนังสือด้วย นางเองก็ลำบากมาก ! น่าจะเป็นช่วงฤดูหนาวของปีก่อนกระมังที่นางเฝิงเกิดล้มป่วย เขาจึงนำเสื้อกันหนาวตัวเดียวที่มีไปจำนำเพื่อซื้อยามารักษามารดา ในฤดูหนาวเช่นนี้เขาต้องคัดลอกตำราอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อหารายได้ให้มากกว่าเดิมและให้ท่านแม่ได้กินของดี ๆ มือทั้งสองข้างจึงโดนลมหนาวจนบวมแดง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วมันก็ทิ้งรอยแผลไว้บนมือ…
ชาติก่อนเขามีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ ใช้ชีวิตไม่ต่างจากขอทาน มือทั้งสองข้างเน่าเปื่อยจนเกือบจะกลายเป็นคนพิการ ! ต่อมา หลังจากที่เขาได้นั่งในตำแหน่งเหนือคนนับหมื่นแต่อยู่ใต้บัญชาคนผู้เดียวนั้นแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าใช้ยาดีไปตั้งเท่าไร แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดเจ้าแผลเป็นนี้ได้เสียที เมื่อฤดูหนาวมาเยือนเขาจึงต้องทรมานอีกครา…
หลินเว่ยเว่ยเข้าใจผิดว่าเขานึกถึงช่วงเวลายากลำบากในอดีตจึงนำมือของเขามาใส่ไว้ในอ้อมแขนของตน “กลับไปแล้วข้าจะให้พี่ใหญ่ใช้ขนกระต่ายปั่นด้ายขึ้นมา จะได้นำมาทำถุงมือให้เจ้า เวลาเจ้าเขียนหนังสือ มือจะได้ไม่เย็น ! ท่านหมอเหลียงต้องทำยาทาให้ได้แน่นอน มือเจ้าอาการไม่ร้ายแรงมาก หากจะรักษามันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ! ”
นกแก้วขนแหว่งมีความอ่อนไหวต่อ ‘ขนกระต่าย’ มาก มันจึงพูดแทรกขึ้นมาทันที “ถอนขนไม่ได้ นกจะแข็งตาย ! ”
“ใครบอกว่าจะถอนขนเจ้า ? เจ้ากินต่อไปเถอะ ! ไม่ว่าจะข้าวโพดหรือเมล็ดสนก็ยังอุดปากเจ้าไม่ได้เลย ! ” หลินเว่ยเว่ยบีบปากมันแล้วหัวเราะเยาะ ! นกแก้วขนแหว่งขดตัวอยู่บนหน้าอกของนาง จากนั้นก็เริ่มจิกกินข้าวโพดอีกครั้ง…ขอแค่ไม่ถอนขนมัน ทุกอย่างก็ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี !
เจียงโม่หานมองนางที่ถือโอกาสอุ่นมือให้เขา จากนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นนวดหลังมือหรือเกาฝ่ามือเขาบ้าง กำลังลวนลามกันอยู่ ! เขาจึงค่อย ๆ ดึงมือกลับมาแล้วเหลือบมองนาง “แน่ใจหรือว่าถุงมือที่เจ้าทำ…จะสามารถสวมใส่ได้ ? ”
“อย่าดูถูกกันเชียว เข้าใจหรือไม่ ? ” ชาติก่อนตอนที่นางเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย นางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการถักถุงมือหรือสเวตเตอร์เชียวนะ มีรุ่นพี่รุ่นน้องไม่น้อยที่อยากจะซื้อผลงานจากนาง !
“ได้ ! ข้าจะรอถุงมือจากเจ้า ! ” เด็กน้อยยังไม่เคยทำของให้เขามาก่อน ! คราวก่อนเผิงหยูเหยี่ยนถือกระเป๋าเงินใบหนึ่งมาพร้อมรอยยิ้มโง่งม พอเขาลองถามก็รู้ว่าเป็นของที่คู่หมั้นอีกฝ่ายมอบให้ ดูคนอื่นเถิด กระเป๋าของเจ้านั่นยังมีคู่หมั้นมอบให้…เอาเถิด เขาไม่ได้อิจฉาเลยสักนิด !
เขารู้ว่าด้านเย็บปักถักร้อย เด็กน้อยทำได้ห่วย…นางทำได้ไม่ดีเลย ตัวเขาเองก็ไม่อยากทนเห็นมือนางโดนเข็มทิ่มจนเป็นรูพรุน งานปักหรือตัดเย็บเสื้อผ้า ถ้าทำไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ใช่ว่าจะจ้างช่างมาทำไม่ไหวสักหน่อย !
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยเอ่ยว่าจะมอบของที่ทำเองให้ เขาตัดสินใจแล้วว่าแม้เด็กน้อยจะทำออกมาน่าเกลียดมากเพียงใด เขาก็จะแสร้งทำเป็นว่าชื่นชอบ จะทำร้ายความพยายามของนางไม่ได้ ไม่อย่างนั้น…ต่อไปก็อย่าฝันว่าจะได้ของเล็กน้อยที่นางเป็นคนทำอีกเลย
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็กล่าวว่า “บัณฑิตน้อย เจ้าอยากได้กระเป๋าใส่เงินหรือไม่ ? ”
พี่สาวของนางเคยทำกระเป๋าให้ว่าที่พี่เขยแล้ว แม้สีที่ทำออกมาจะไม่ค่อยสวย หรือด้านบนไม่มีลายปักอันใดเลย แต่ว่าที่พี่เขยก็พกติดตัวตลอด ส่วนตัวนางเหมือนจะไม่เคยให้สิ่งใดที่คู่หมั้นสามารถพกติดตัวได้เลย…
“ถ้าเช่นนั้น…เจ้าคิดว่าข้าควรอยากได้หรือไม่อยากได้ ? ” ถ้าเจียงโม่หานพูดว่าอยากน่ะหรือ ? ก็กลัวเด็กน้อยจะไปสู้กับเข็มอีกจนทำให้มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ถ้าพูดว่าไม่อยากได้ เขาก็กลัวนางจะคิดว่ารังเกียจฝีมือเย็บปักของนาง เฮ้อ ! เป็นคู่หมั้นนี่มันยากจริงๆ…
หลินเว่ยเว่ยตลกกับคำตอบของเขา “เอาเถิด ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวกระเป๋าของข้าจะใส่ไปอวดคนอื่นไม่ได้ แม้ข้าจะเย็บกระเป๋าไม่เป็น แต่ข้าก็ถักเป็น เจ้ารอก่อน ข้าจะต้องทำของขวัญให้เจ้า ทำกระเป๋าใส่เงินที่เจ้าพกแล้วรู้สึกมีหน้ามีตา ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของข้าแล้ว ของที่คนอื่นมี คู่หมั้นข้าก็ต้องมี ! ข้าจะทำให้คนอื่นอิจฉาเจ้า ไม่ใช่เจ้าอิจฉาคนอื่น ! ”