หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 328 ยังไม่สายเกินไปที่จะมีความสุข
ตอนที่ 328 ยังไม่สายเกินไปที่จะมีความสุข
เจ้าหนูน้อยจึงรีบแสดงความจงรักภักดีออกมา “พวกนางย่อมเทียบพี่รองไม่ติดอยู่แล้ว แต่ว่าบ้านเราไม่เคยมีชีวิตชีวาเหมือนวันนี้มาก่อน ! ”
นางหวงก็รู้สึกเช่นกัน ตอนที่สามียังอยู่ เวลาที่บ้านฆ่าหมูนั้นอย่างมากสุดก็มีสามีของพี่สะใภ้กุ้ยฮวามาช่วย ตอนไปเชิญผู้ใหญ่บ้านมาร่วมงานเลี้ยงด้วย เขามักจะบอกปัดเสมอ ส่วนชาวบ้านคนอื่นก็มองท่าทีของผู้ใหญ่บ้านจึงไม่มีใครมายุ่งกับบ้านตระกูลหลินเลย
ไฉนเลยจะเหมือนตอนนี้ แม้ไม่ได้เชิญมา พวกเขาก็ออกตัวมาช่วยเอง พอช่วยเสร็จแล้วก็จากไปอย่างเงียบ ๆ…เป็นเหมือนที่เจ้าสี่กล่าวว่าในบ้านไม่เคยมีชีวิตชีวาเช่นนี้มาก่อน !
นางเดินมายังลานบ้านแล้วเงยหน้ามองแสงจันทร์ ท่านพี่ ท่านเห็นหรือไม่ ? ความคิดอยากให้พวกชาวบ้านยอมรับที่ท่านปรารถนามานาน บุตรสาวช่วยให้เป็นจริงได้แล้ว ! ตอนนี้ข้ากับลูก ๆ สบายดีและต่อไปจะยิ่งดีขึ้นอีก…
“ท่านแม่เจ้าคะ เข้าบ้านเถิด ! ข้างนอกหนาวมาก ! ” หลินเว่ยเว่ยเก็บกวาดครัวเงียบ ๆ หลังออกมาเห็นนางหวงยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวก็รีบเข้าไปประคองมารดาเข้าบ้าน เพราะร่างกายมารดาเพิ่งหายดี จะปล่อยให้ล้มป่วยอีกไม่ได้ !
เจ้าหนูน้อยก็พูดปลอบประโลมราวกับเป็นผู้ใหญ่ “ข้ารู้ว่าท่านแม่กำลังคิดอันใดอยู่ ? ท่านแม่คิดถึงท่านพ่อใช่หรือไม่ขอรับ ? ท่านแม่ หากท่านพ่อที่อยู่บนดวงจันทร์เห็นบ้านเรามีความสุข รักและสามัคคีกันเช่นนี้ ท่านต้องมีความสุขแน่นอน ท่านแม่…อย่าเสียใจไปเลย ! ”
ตอนที่เจ้าหนูน้อยเพิ่งคลอด บิดาก็จากไปแล้ว ตอนเขายังเล็ก ๆ ก็เคยถูกพวกเด็กในหมู่บ้านล้อว่า ‘ลูกไม่มีพ่อ’ เขาจึงร้องไห้มาร้องขอบิดาจากนางหวงที่ได้แต่อดกลั้นความเสียใจเอาไว้แล้วบอกว่าบิดาขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์และคอยมองเจ้าหนูน้อยอยู่ทุกวัน ต่อมาพอเจ้าหนูน้อยโตขึ้นอีกหน่อยก็เข้าใจเรื่องการจากลา เขาจึงไม่เอ่ยเรื่องบิดาออกมาอีก !
นางหวงเผยรอยยิ้มสบายใจ “แม่ไม่ได้เศร้า ! พี่สาวทั้งสองของเจ้าล้วนมีบ้านที่ดีให้อยู่แล้ว ปีหน้าพี่ชายเจ้าก็จะสอบบัณฑิตถงเซิง นี่ยังไม่สายเกินไปที่แม่จะมีความสุข ! ”
เจ้าหนูน้อยรีบยกมือของตนขึ้นมา “ยังมีเรื่องน่ายินดีอีกหนึ่งอย่างคือปีหน้าเอ้อร์ฮว๋าก็จะไปเรียนหนังสือที่เขตเริ่นอันแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะน้องสี่ “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไปเรียนหนังสือในเมือง ? เจ้าต้องเตรียมใจให้พร้อม เพราะในแต่ละวันต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อเดินทางไปเขตเริ่นอัน หากใช้เกวียนจะต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม ! ค่ำแล้วจึงจะกลับถึงบ้าน ! ลำบากมากเลย ! ”
ตามความคิดของหลินเว่ยเว่ยคือตอนแรกนางจะส่งเจ้าหนูน้อยไปเรียนกับบัณฑิตซิ่วไฉอาวุโสที่หมู่บ้านใกล้ ๆ นี้ก่อนสักปีสองปี พอเจ้าหนูน้อยโตขึ้นมาอีกหน่อยก็ค่อยส่งไปเรียนในสำนักศึกษา
เจ้าหนูน้อยกล่าวว่า “เป็นบัณฑิตจะกลัวความลำบากได้อย่างไร ? ต้องเผชิญความลำบากถึงจะเป็นคนเหนือคน ! ถ้ากลัวความลำบากตั้งแต่แรกเริ่มก็ไม่ต้องเปลืองเงินและปล่อยให้ตนเองเสียเวลา เสียวัยหนุ่มสาวไปเถิด ! ”
หลินเว่ยเว่ยยังแกล้งเขาต่อ “เช่นนั้นกิจการเลี้ยงกระต่ายของเจ้าล่ะ ? ถ้าเจ้าไปเรียนในหมู่บ้านใกล้เคียง ออกเช้ากลับเย็นทุกวัน เจ้าก็ยังสามารถไปเกี่ยวหญ้า ดูแลลูกกระต่ายได้ ถ้าไปที่เขตเริ่นอันก็จะเสียเวลาไปกับการเดินทาง เจ้าทำใจให้คอกกระต่ายหลังบ้านว่างเปล่าได้หรือ ? ”
เจ้าหนูน้อยครุ่นคิดก่อนจะกล่าวว่า “ข้าทำเหมือนพี่รองได้คือจ้างคนมาดูแลคอกกระต่าย ! หญ้ากระต่ายหนึ่งตะกร้าจ่ายเงิน 1 อีแปะ จากนั้นก็จ้างสักคนสองคนมาดูแลทำความสะอาดคอกกระต่าย ข้าไม่ได้อยู่ค้างที่เขตเริ่นอัน ต้องกลับมาบ้านทุกเย็น ใครทำงานไม่ดีก็เปลี่ยนคนใหม่ ! ”
หลินจื่อเหยียนเดินเข้ามา เขาเองก็ลูบศีรษะเจ้าหนูน้อย “เด็กดี ! เจ้าสามารถหาเงินได้ในขณะที่เรียนหนังสือ เจ้าเก่งกว่าข้าแล้ว ! ”
ตอนนั้นถ้าเขาเป็นเหมือนเจ้าหนูน้อยที่มีความคิดอยากจะหาเงินสักนิด ที่บ้านก็คงไม่ต้องยากจนถึงเพียงนั้นหรอก…
หลินเว่ยเว่ยสังเกตเห็นอารมณ์ของน้องชายคนโตที่เริ่มหดหู่ นางจึงตบบ่าเขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าเองก็ไม่เลวหรอก ช่วยงานบ้านไม่น้อย ตอนรับซื้อลูกสนและผลไม้ป่า งานชั่งน้ำหนัก คิดเงิน จ่ายเงินก็ล้วนเป็นเจ้าทำทั้งนั้น ยังมีสมุดบัญชีในบ้านที่เจ้าทำเอง…รู้หรือไม่ว่าข้าไม่ชอบทำงานจุกจิกพวกนี้ที่สุด โชคดีที่มีเจ้าคอยช่วย ! เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องคิดเยอะถึงเพียงนั้น กินให้อิ่ม นอนหลับให้เพียงพอ ขยันเรียนมาก ๆ พอเจ้าสอบซิ่วไฉติดแล้ว ที่นาสามหมู่ของบ้านเราก็ไม่ต้องจ่ายภาษีอีก ข้ายังอยากลองปลูกข้าวในน้ำ…”
“ว่าอย่างไรนะ ? ปลูกข้าวในน้ำเป็นวิธีของทางใต้ไม่ใช่หรือ ? ฉือหลี่โกวของเราอยู่ทางเหนือ มีช่วงแล้งน้ำเกือบครึ่งปี แล้วจะเอาน้ำที่ไหนมาปลูกข้าว ? พี่รอง ท่านเองก็มีความคิดเพ้อฝันเกินไปหน่อย ! ” หลินจื่อเหยียนพยายามลบความคิดไร้สาระของพี่รองอย่างสุดกำลัง ผลผลิตข้าวสาลีและข้าวโพดในปีนี้ไม่เลว เราปลูกพวกนี้ซ้ำไม่ดีหรือ ? จะหาเรื่องใส่ตัวเพื่อเหตุใด ?
หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่เขา “เจ้าจะเข้าใจสิ่งใด ? ชีวิตคือการดิ้นรน ! ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งรุ่งเรือง ! ตอนที่ข้าบอกว่าจะปลูกข้าวโพด พวกเจ้าก็บอกว่าปลูกไม่ได้ใช่หรือเปล่า ? ข้าได้ยินมาว่าข้าวพันธุ์เจิ้งฮั่นทนแล้ง ผลผลิตก็ไม่ต่ำ เหมาะที่จะนำมาปลูกทางเหนือ ! ”
เจียงโม่หานเลิกคิ้ว หืม ? เหตุใดเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ? ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อเด็กน้อยคือนางไม่ใช่คนพูดจาเหลวไหล ถ้ามีข้าวเช่นนั้นอยู่จริง แล้วชีวิตของราษฎรในภาคเหนือก็คงใกล้เคียงกับภาคใต้คือใช้ชีวิตกันได้อย่างเปี่ยมสุข !
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลินเว่ยเว่ยก็คิดไปไกลกว่านั้นอีก จริงด้วย ! นางสามารถปลูกข้าวพันธุ์ใหม่ในมิติน้ำพุวิญญาณได้ ! นางมีมิติน้ำพุวิญญาณและยังมีความรู้ความเชี่ยวชาญของชาติก่อนติดกาย นางจะไม่รู้สึกเสียดายแย่หรือถ้าปล่อยให้มันเสียเปล่าไปทั้งอย่างนี้ ?
“บัณฑิตน้อย ข้าอยากซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว เจ้ามีความเห็นหรือไม่ ? ” ยามที่หลินเว่ยเว่ยตัดสินใจไม่ได้ก็มักจะหันไปขอความเห็นจากบัณฑิตหนุ่ม…แม้เขาจะลงมือทำไม่ได้ แต่สมองของเขาก็ดีเป็นอย่างยิ่ง ! หากเอ่ยถึงการใช้สมอง การถามเขาก็ถูกต้องแล้ว !
เจียงโม่หานครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่ได้มีตัวเลือกที่เหมาะสมให้แล้วหรอกหรือ ? ”
“ตัวเลือกที่เหมาะสม…” หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้ว นางลองนึกถึงคนที่ตนรู้จักอย่างละเอียดรอบหนึ่ง “เจ้าหมายถึง…คุณชายลู่ ? จริงด้วย ! เหตุใดข้าคิดไม่ได้ ? เขามีร้านขายข้าวสารราคาถูกในเขตเริ่นอันและเป็นข้าวสารที่ขนมาจากทางใต้…”
หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มมีความสุขขึ้นมาทันที “ช่วงสองวันนี้คุณชายลู่น่าจะกลับมาจากทุ่งหญ้าแล้วกระมัง ? ข้าจะบอกอาว่ายจื่อว่าหากเขามาแล้วก็ให้เขารอข้าที่ท่าเรือหนึ่งวัน”
“พี่รอง คุณชายลู่ไม่ได้บอกว่าจะเอาวัวนมมาให้พวกเราตัวหนึ่งหรือ ? ” เจ้าหนูน้อยยังจำได้เพราะแพะที่เคยให้นมถูกพวกกบฏฆ่าตาย ตัวเขาก็เสียใจอยู่พักใหญ่ !
หลินเว่ยเว่ยเกาจมูกเจ้าหนูน้อย “โตถึงเพียงนี้แล้วยังคิดจะกินนมอีกหรือ ? ปีหน้าจะไปเรียนหนังสือยังทำตัวเป็นเด็กน้อยติดนมอยู่อีก…”
เจ้าหนูน้อยอายขึ้นมาทันที “ข้าไม่ใช่เด็กน้อยติดนมแล้ว เป็นพี่รองต่างหากที่เอ่ยว่าการดื่มนมวันละแก้วจะทำให้ตัวสูงขึ้น ! เมื่อก่อนท่านแม่ก็ดื่มนมแพะทุกวันเช่นกัน ! ”
“เพื่อให้เอ้อร์ฮว๋าของเราตัวสูง แม้คุณชายลู่จะเอาวัวนมกลับมาไม่ได้ พี่รองก็จะคิดหาวิธีทำให้เอ้อร์ฮว๋าได้ดื่มนมแน่นอน ! ” หลินเว่ยเว่ยบีบแก้มนุ่ม ๆ ของเจ้าหนูน้อย “น้องสี่ เจ้าอ้วนขึ้นใช่หรือไม่ ? ”
“ขะ…ข้าไม่ได้อ้วนสักหน่อย ! ปะ…เป็นเพราะฟันขึ้นใหม่…ข้าปวดฟัน…จึงทำให้หน้าบวม ! ” เจ้าหนูน้อยเขินจนโมโห ฮือฮือฮือ…ช่วงนี้กินเยอะไปหน่อย แถมยังไม่ค่อยได้ออกจากห้อง พอไม่ทันระวังไขมันก็เพิ่มขึ้นอีกแล้ว พวกเด็กนิสัยไม่ดีในหมู่บ้านต่างเรียกข้าลับหลังว่าเจ้าอ้วน…เกินไปแล้วจริง ๆ !