หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 33 ใจหายใจคว่ำ
ตอนที่ 33 ใจหายใจคว่ำ
บ้านตระกูลหลินสร้างอยู่บนเนินเขาเพื่อป้องกันสัตว์ป่าไม่ให้รุกล้ำเข้ามาในตัวบ้าน บิดาจึงสร้างบ้านไว้บนเนินสูง เดิมทีบ้านของนางมีประตูหลังอยู่บริเวณรั้วของสวนหลังบ้าน ทำให้บิดาสามารถขึ้นไปบนภูเขาได้เลย ทว่านับแต่ที่บิดาจากไป ประตูหลังก็ถูกปิดจากทางด้านในด้วยโซ่ที่สนิมเกรอะ
ภายในบ้านนั้นนางหวงที่กำลังปะผ้าให้บุตรสาวทั้งสองก็ได้ยินเสียงดังมาจากสวนหลังบ้านและได้ยินเสียงพุ่มไม้สั่นไหวดังสวบสาบที่ด้านนอก นางจึงทั้งกลัวทั้งตกใจ นี่ฟ้ายังไม่ทันมืดเลย คงมิได้มีโจรแอบบุกเข้ามาในบ้านใช่หรือไม่ หรือว่า…สัตว์ร้ายบนภูเขากำลังจะพังรั้วเข้ามา ?
ตระกูลหลินได้ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เมื่อห้าปีก่อนเพราะภัยสงคราม เดิมทีหมู่บ้านฉือหลี่โกวไม่ค่อยต้อนรับคนนอกหมู่บ้านอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงให้ครอบครัวของนางสร้างบ้านไว้บริเวณรอบนอกสุดของหมู่บ้าน หากมีสัตว์ป่าดุร้ายลงมาจากภูเขา ครอบครัวของพวกนางก็จะได้เป็นปราการด่านแรกทันที
นางหวงใจเต้นแรง ‘ตึก ตัก’ ไม่หยุด เพราะในตอนที่สามียังมีชีวิตอยู่ก็เคยมีแมวป่าตัวใหญ่ลอบเข้ามาในบ้าน ตอนนั้นสามีได้รับบาดเจ็บจากการขับไล่แมวป่าด้วย !
เมื่อนางนึกถึงบุตรชายคนเล็กที่ออกไปตัดหญ้ามาให้อาหารกระต่ายและอาจกลับมาได้ทุกเมื่อ แม้ว่าภายในใจของนางจะหวาดกลัวมากเพียงใด แต่ด้วยความเป็นมารดาย่อมไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาทำร้ายบุตรเป็นอันขาด
นางหวงจึงเดินออกมาจากในบ้าน นางพักผ่อนและรักษาร่างกายมาสองวันแล้วจึงทำให้สามารถลุกจากเตียงและพอหยิบจับทำสิ่งใดได้บ้าง แต่ถ้านางยืนอยู่เป็นเวลานานก็จะรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที
นางหักห้ามความกลัวในใจเอาไว้แล้วเดินไปหยิบแท่งไม้ตรงมุมห้อง ก่อนเดินย่องเข้าไปในสวนทีละก้าวและทันทีที่เข้าไปในสวนหลังบ้านก็รู้สึกว่ามีร่างสีน้ำตาลทองพุ่งกระโจนมาทางตน ด้วยความตกใจนางจึงรีบหลับตาลงแล้วปัดมือเพื่อป้องกันตัวตามสัญชาตญาณ
กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ! แต่นางได้ยินเสียงของบุตรสาวคนรองจึงรีบเบิกตาโพลงแล้วหันไปมองทางด้านนั้น จึงพบว่าในมือของบุตรสาวคนรองกำลังหิ้วบางสิ่งบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายแมวป่าก็มิใช่เสือก็ไม่เชิงเข้ามา เจ้าสัตว์ตัวนั้นอ้าปากแยกเขี้ยวยิงฟันและตะกุยตะกาย ขาทั้งสี่ของมันราวกับต้องการดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการนี้ กรงเล็บที่แหลมคมของมัน ไหนจะฟันขาวที่เรียงซี่ถี่ยิบ แค่เห็นก็ทำให้รู้สึกขนลุกได้แล้ว
นางหวงเห็นเช่นนั้นจึงรีบตะโกนเตือนบุตรสาวว่า ระวัง !
หลินเว่ยเว่ยกำลังหิ้วหนังคอของแมวป่าเอาไว้ ดังนั้นไม่ว่ามันพยายามดิ้นทุรนทุรายมากเพียงใดก็ไม่เป็นผล ตัวนางก็คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะอึดได้เพียงนี้ ขนาดโดนหมัดไปตั้งหลายครั้งมันกลับมิตาย แค่สลบไปเท่านั้น
ก่อนหน้านี้นางเพิ่งโยนตัวของมันข้ามรั้วเข้ามาในบ้าน แต่จู่ ๆ มันก็ฟื้นขึ้นมาและเกือบทำให้มารดาได้รับบาดเจ็บ หลินเว่ยเว่ยจึงใช้กำปั้นทุบไปที่หัวของมันอีกครั้ง ทำตัวให้ดีหน่อย ! เช่นนั้นข้าจะถลกหนังเจ้าแล้วแล่เนื้อและรีดลำไส้ของเจ้าออกมา ! !
แมวป่าโดนทุบจนมึน มันจึงโซซัดโซเซอยู่ครู่หนึ่งและด้วยความที่สัตว์มีสติปัญญาบวกสัญชาตญาณที่ช่วยให้มันหนีรอดจากความตายได้ เมื่อมันรู้ว่าไม่อาจหนีไปได้อีกและไม่ว่าอย่างไรมันก็ต้องตกอยู่ในกำมือของนาง มันจึงแกล้งตายแล้วปล่อยให้นางหิ้วอยู่เช่นนั้น
นางหวงที่เห็นว่ามันแน่นิ่งไปจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วถามเสียงเบาว่า มันตายหรือยัง ?
หลินเว่ยเว่ยมองไปยังเปลือกตาของแมวป่าที่หรี่ลงคล้ายว่ามันตายไปแล้ว แต่ในความจริงนางเห็นว่าลูกตาของมันกำลังขยับเล็กน้อย นางจึงหัวเราะแล้วกล่าวขึ้น ยังไม่ตายเจ้าค่ะ ! ลุงหวังเล่าให้ฟังว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้มีความเจ้าเล่ห์และเฉลียวฉลาดมาก มันเป็นอย่างที่ลุงหวังเอ่ยไว้จริงด้วย ! แต่ในเมื่อมันยังมีชีวิตอยู่ก็ดี เพราะตัวเป็น ๆ ของมันมีราคามากกว่าซากศพเสียอีก !
นางหวงเห็นว่าบุตรสาวเข้าไปในป่าแล้วได้สิ่งมีชีวิตคล้ายแมวกลับมาด้วย ภายในใจของนางก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก กระนั้นนางก็ยังมิวายกล่าวตำหนิบุตรสาว เหตุใดไม่เข้าทางประตูหน้า เหตุใดต้องทำท่าทีลับล่อกระโดดเข้ามาทางประตูหลังด้วย ? เจ้าอยากให้แม่ตกใจตายหรือไร !
ก็ทางนี้มันใกล้กว่าเจ้าค่ะ ! อีกอย่างถ้าข้าเดินเข้าหมู่บ้านมาอย่างประเจิดประเจ้อ ข้าต้องเดินผ่านบ้านกว่าครึ่งค่อนหมู่บ้าน และหากพวกเขาเห็นข้าล่าสัตว์กลับมาได้ก็คงอิจฉาตาร้อนจนมาสร้างความลำบากใจให้พวกเราอีก ! หลินเว่ยเว่ยนำเชือกมามัดขาของแมวป่าเอาไว้ จากนั้นก็ไปทำบางสิ่งที่มีลักษณะคล้ายตะกร้อครอบปากสุนัขมาสวมครอบปากของมัน
ตอนที่นางสวมตะกร้อครอบปากให้มัน เจ้าแมวป่าก็ยังมิวายคิดขัดขืน แต่สุดท้ายมันก็ถูกนางทุบหัวอีกครั้ง ตอนนี้มันจึงทำตัวว่านอนสอนง่ายขึ้นมากเพราะในสมองมีภาพจำไปแล้วว่าเมื่ออยู่ในน้ำมือของมนุษย์ผู้นี้ ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าคิดเล่นลูกไม้เป็นอันขาด ทางที่ดีควรทำตัวว่านอนสอนง่ายเพื่อประหยัดแรงแล้วค่อยหาโอกาสหลบหนีทีหลัง
ยามนี้เจ้าหนูน้อยก็กลับมาพร้อมตะกร้าที่เต็มไปด้วยหญ้าสด หลังจากที่เห็นลูกกระต่ายในบ้านมีจำนวนหนึ่ง สอง สาม…ว้าว! มีทั้งหมดตั้ง 6 ตัว ด้วยความดีใจเด็กน้อยจึงกระโดดโลดเต้นแล้วม้วนตัวตีลังกา จากนั้นเขาก็รีบนำหญ้าสดที่เพิ่งเกี่ยวมาได้ไปล้างน้ำในถังแล้วป้อนให้กระต่ายเหล่านั้นทันที
จู่ ๆ แม่กระต่ายที่ตอนแรกพยายามดิ้นรนและขัดขืนอยากหนีออกไปก็ชะงักนิ่งค้างราวกับว่าถูกมนต์สะกดที่ทำให้สงบเสงี่ยมขึ้นมาทันควัน มันยอมก้มกินหญ้าสดในมือของน้องสี่อย่างว่าง่าย ส่วนเจ้าลูกกระต่ายตัวเล็กอีกห้าตัวก็หยุดตัวสั่นแล้วใช้ปากเล็ก ๆ ของพวกมันแทะนิ้วมือของน้องเล็ก…
หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้วเพราะในถังเป็นน้ำที่นางแอบเอามาจากมิติน้ำพุวิญญาณ นางจึงมั่นใจอีกครั้งว่ามิติน้ำพุวิญญาณมีแรงดึงดูดอันแรงกล้าต่อพวกสัตว์น้อยใหญ่
หลังจากให้อาหารกระต่ายเสร็จแล้ว เจ้าหนูน้อยก็เห็นแมวป่าถูกมัดขาทั้งสี่ข้างอยู่ เขาจึงอุทานด้วยความตกใจ ว้าว ! แมวตัวใหญ่ ! สวยมากเลย ! พี่รอง ข้าขอลูบมันได้หรือไม่ ?
หลินเว่ยเว่ยและเจ้าหนูน้อยนั่งยองอยู่ตรงหน้าแมวป่า เจ้าหนูน้อยยังพูดไม่ทันขาดคำ มือของเขาก็ยื่นไปหมายลูบหลังของมันแล้ว แม้ว่าแมวป่าถูกตะกร้อครอบปากเอาไว้ แต่มันก็ยังมีความป่าเถื่อนอยู่ เพราะหากไม่แสดงพลังอำนาจออกมา เจ้ามนุษย์ตัวจ้อยก็จะมองว่ามันเป็นแมวป่วยน่ะสิ !
พอมันหันไปเผชิญหน้ากับสายตาข่มขู่ของหลินเว่ยเว่ยที่กำลังจ้องเขม็งมา มันก็เกิดความกลัวจึงแกล้งนอนตายอยู่บนพื้น
คราวนี้เจ้าหนูน้อยจึงได้ลูบ ‘แมวยักษ์’ ตัวนี้อย่างหนำใจพร้อมกล่าวว่า พี่รอง เจ้าแมวยักษ์ตัวนี้เชื่องมาก ! พวกเราเลี้ยงมันเถิด ข้ารับรองได้เลยว่าพวกหนูจะไม่กล้าขโมยอาหารของบ้านเราแน่
เจ้าแมวป่าลอบมองค้อนพลางคิดในใจว่าเจ้าเด็กมนุษย์ผู้แสนโง่เขลา เจ้าต่างหากที่เป็นแมวยักษ์ บ้านของเจ้าทั้งหมดนั่นแหละที่เป็นแมวยักษ์ ! ผู้ใดชอบกินหนูกันเล่า ? ขนาดกระต่ายที่พวกเจ้าเลี้ยงไว้ยังไม่พอทำให้มันหายเข็ดฟันเลย !
หลินเว่ยเว่ยบีบปลายหูแหลม ๆ ของมันแล้วหันไปกล่าวกับเจ้าหนูน้อยด้วยรอยยิ้ม นี่คือแมวป่าชนิดหนึ่ง ไม่ใช่แมวเลี้ยง เจ้าตัวนี้ดุร้ายมาก มันชอบจู่โจมลูกกวาง เก้งและแพะ เจ้าห้ามถอดที่ครอบปากของมันออกเป็นอันขาด มิเช่นนั้นมันจะกัดขาเล็ก ๆ ของเจ้าให้ขาดได้เลย
แมวป่าชำเลืองมองแขนขาของเจ้าหนูน้อยครู่หนึ่ง เจ้าเด็กคนนี้ผอมเกินไปแล้ว ตัวซูบอย่างกับท่อนฟืน ยกให้มันกินก็ไม่กินหรอก !
แต่มันดูน่าสงสารมาก ! น้องสี่เป็นคนมีจิตใจเมตตาและขี้สงสาร
ไม่เห็นจะน่าสงสารตรงไหน ! เมื่อครู่มันเกือบตะปบท่านแม่ด้วยนะ ! หลินเว่ยเว่ยเห็นว่าแมวป่ากำลังทำตาเจ้าเล่ห์ นางจึงขู่มันว่า หากมันไล่ตะปบและกัดคนขึ้นมาจริง ข้าก็จะตัดเขี้ยวเล็บและหักฟันของมันทิ้ง ! แมวป่าจึงหลับตาแล้วแสร้งตายทันที
เมื่อหลินเว่ยเว่ยเข้าไปทำอาหารในห้องครัว เจ้าหนูน้อยจึงแอบวิ่งไปที่หลังบ้านและจับกบมาตัวหนึ่ง รวมถึงนำโถดินแตกที่ด้านในมีน้ำสะอาดมาด้วย
เขานั่งยองตรงหน้าของแมวป่าแล้วคุยกับมันว่า เจ้าคงหิวมากใช่หรือไม่ เรามาคุยกันดี ๆ ก่อนเถิด ข้าจะให้กบเจ้าแล้วก็น้ำในโถดินด้วย แต่เจ้าอย่ากัดข้านะ !
แมวป่าลืมตาขึ้นมา ดวงตาของมันจับจ้องไปยังโถดินในมือของเด็กน้อยโดยไม่ผละไปที่ใด เจ้าหนูน้อยเห็นเช่นนั้นจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า เจ้าอยากกินน้ำใช่หรือไม่ ? ข้าจะถอดตะกร้อครอบปากให้ แต่เจ้าห้ามกัดข้าเป็นอันขาด ! หากเจ้ากัดข้า พี่รองได้เลาะฟันเจ้าหมดปากแน่ !
มิรู้ว่ามันฟังเขารู้เรื่องหรือไม่ เพราะสายตาของมันยังจับจ้องไปที่น้ำในโถโดยไม่วางตา
น้องสี่จึงลองยื่นมือไปแตะตัวของมัน ซึ่งมันก็ยืนนิ่งราวกับท่อนไม้โดยไม่ขยับแม้แต่น้อย ดังนั้นเจ้าหนูน้อยจึงรีบถอดที่ครอบปากของมันออก จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปหลบยังตำแหน่งที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว