หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 331 ไม่ ข้าไม่ต้องการ
ตอนที่ 331 ไม่ ข้าไม่ต้องการ
ลู่เหวินจวินคิดว่าชิงเฟิงพูดมีเหตุผล เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่บ้านตระกูลหลินคนเดียวไหวหรือเปล่า !
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ชิงเฟิงก็อยู่ต่อด้วยกันสิ ห้องของต้าฮว๋านั้นเตียงใหญ่มาก แม้จะนอนสักสองสามคนก็ยังมีที่เหลือ ! ”
“พี่รอง ท่านเรียกข้าว่าต้าฮว๋าอีกแล้วนะ ! สมควรโดนทำโทษหรือไม่ ? ” หลินจื่อเหยียนต่อต้านอย่างไร้กำลัง
“จะให้เรียกต้าฮว๋าที่รักหรือไร…ถ้าไม่เรียกว่าต้าฮว๋า…ก็เรียกเจ้าว่าเหยียนเหยียน ( สำเนียงไต้หวัน ) ดีหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่น้องชาย
หลินจื่อเหยียนตัวสั่นไปพักหนึ่ง “ท่านเรียกข้าว่าต้าฮว๋าต่อไปเถิด ! ”
เจียงโม่หานขัดจังหวะการทะเลาะกันของสองพี่น้อง “คุณชายลู่กับชิงเฟิงไปนอนที่ห้องข้าก็แล้วกัน ประเดี๋ยวข้าย้ายมาอยู่ห้องจื่อเหยียนเอง เตียงข้าก็สามารถนอนสองคนแล้วยังเหลือที่ว่างเช่นกัน”
นางเฝิงรีบถลึงตาใส่เขา เจ้าลูกเนรคุณ อย่านึกว่าแม่ไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่ สุดท้ายก็ไม่ใช่เพราะหึงหวงจนไม่อยากให้ชายอื่นมานอนร่วมบ้านกับเสี่ยวเว่ยหรือไร ? ตัวก็ไม่ได้ใหญ่มาก ทว่าความหึงหวงมีไม่น้อยเลย ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็มีเยอะใช้ได้ ! เจ้าทิ้งมารดาไว้กับบุรุษอื่น เจ้าจะวางใจได้หรือ ? แม่คนนี้ยังไม่ใช่หญิงชราเสียหน่อย !
นางเข้าไปโอบไหล่หลินเว่ยเว่ยพลางเอ่ยว่า “คืนนี้เราสองแม่ลูกนอนด้วยกัน ให้บางคนอิจฉาตายไปเลย ! ”
หลินเว่ยเว่ยก็โอบกอดนางเฝิง “ดี ดีเลย ! ข้าจะได้กอดน้าเฝิงตัวหอม ๆ นุ่ม ๆ แล้วนอนหลับสบาย ! ”
นางเฝิงหันไปมองเจียงโม่หานอย่างยั่วยุ ฮึ ! ข้าได้กอดว่าที่ภรรยาของเจ้าก่อน อิจฉาหรือไม่ ?
เจียงโม่หานมองค้อนชนิดที่แปลคำพูดได้ว่า ‘ทำตัวเป็นเด็ก ! ’
คืนนั้น ขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นก็ได้ยินเสียงของเจ้าดำตะกุยประตู เจ้าหมาป่าสีดำตัวน้อยตอนกลางวันใครจะอุ้มหรือชวนมันเล่นก็ได้ทั้งนั้น แต่พอตกกลางคืนมันจะต้องมาอยู่ที่ห้องของหลินเว่ยเว่ย ใครมาอุ้มมันไป มันก็จะกวนให้คนนั้นไม่ได้นอนทั้งคืน
ในเวลาปกติ เจ้าตัวน้อยจะนอนอยู่บนฟูกนอนของมันอย่างเชื่อฟัง ยกเว้นก็แต่…
หลินเว่ยเว่ยลุกขึ้นมาสวมเสื้อกันหนาวและทับด้วยเสื้อคลุมอีกชั้น นางเฝิงถามด้วยความสะลึมสะลือว่า “เสี่ยวเว่ย ข้างนอกหนาวมาก ถ้าจะไปเข้าห้องน้ำก็ปล่อยในห้องดีกว่า ! ”
หลินเว่ยเว่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “พ่อของเจ้าดำเอาของขวัญวันเทศกาลฤดูหนาวมาส่งให้พวกเรา ข้าต้องออกไปดูที่หลังบ้านหน่อย ! ”
คนบ้านตระกูลหลินต่างรู้ว่าเจ้าดำที่เหมือนหมาบ้านทั่วไป แท้จริงมีสายเลือดของหมาป่าอยู่ในตัว นางเฝิงยังไม่เคยเห็นหมาป่าตัวเป็น ๆ มาก่อน นางจึงลุกจากเตียงเหมือนกัน “ข้าจะไปกับเจ้า ! ”
หลินเว่ยเว่ยห้ามไม่ทันจึงได้แต่ทำตามที่อีกฝ่ายพูด หลังเปิดประตูออกไปแล้วนางก็พบว่าประตูห้องของหลินจื่อเหยียนก็กำลังเปิดอยู่ เจียงโม่หานในเสื้อคลุมสีขาวเป็นเหมือนภูติฤดูหนาวที่เพิ่งลงมาจากจันทราเพื่อเยี่ยมเยือนโลกมนุษย์ หลินเว่ยเว่ยมองแล้วก็แทบน้ำลายไหลออกมา
“โฮ่ง” เจ้าดำรีบวิ่งไปที่ประตูหลังบ้านแล้วเริ่มดันประตูด้วยความดีอกดีใจ หลินเว่ยเว่ยตามไปติด ๆ ก่อนที่เจียงโม่หานจะเข้ามาขวาง นางก็มือไวเปิดประตูออกแล้ว
ทันใดนั้นหัวสีเทาขนาดมหึมาก็ดันประตูเข้ามา ดวงตาสีเหลืองอำพันจับจ้องมาที่หลินเว่ยเว่ย หลังจากนั้นก็หันกลับไปมองเหยื่อที่มันนำมาให้ ความหมายชัดเจนว่า ‘ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็ย้ายเหยื่อเข้าไปเองแล้วกัน ! ’
เจ้าดำยังตัวไม่สูงเท่าขาของจ่าฝูงหมาป่าด้วยซ้ำ มันกำลังยกตัวยืนด้วยขาหลังทั้งสองข้างพร้อมเอาเท้าหน้าไปเตะที่ขาของเจ้าเทา เหมือนเด็กที่ร้องขอให้กอดหน่อย จ่าฝูงเจ้าเทาก้มหน้ามองมัน ก่อนจะเลียหัวมันอย่างเอาใจ เจ้าดำจึงดีใจจนวิ่งวนเป็นวงกลม
จ่าฝูงเจ้าเทากลับทำหน้ารังเกียจ…ยิ่งเหมือนหมาบ้านเข้าไปทุกวัน !
นางเฝิงเข้าไปดูจ่าฝูงหมาป่าด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่แล้วนางก็ถูกเจียงโม่หานดึงตัวออกมา…เจ้าเทาไม่ทำร้ายหลินเว่ยเว่ยก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่ามันไร้สัญชาติญาณสัตว์ป่า เขากลัวว่านางเฝิงจะตื่นตูมเกินไปจนอยากเอื้อมมือไปจับตัวหมาป่าแล้วจะเป็นการยื่นมือให้หมาป่างับแทน !
จ่าฝูงเจ้าเทาเหลือบมองพวกนางแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปทางประตูหลัง เมื่อส่งเสียงหอนยาวๆ หนึ่งครั้งแล้วมันก็รีบวิ่งหายเข้าไปในหุบเขาทันที ทันใดนั้นห่างไปไม่ไกลก็มีเสียงหอนของฝูงหมาป่าตอบกลับมัน
ชาวบ้านฉือหลี่โกวที่ยังไม่นอนล้วนได้ยินเสียงหอนติดต่อกันของฝูงหมาป่า หลังพลิกตัวแล้วก็บ่นพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ว่า “จ่าฝูงหมาป่าเอาของขวัญมาให้นางหนูรองอีกแล้ว ! ”
ตั้งแต่ขึ้นไปหลบกลุ่มโจรในหุบเขาเมื่อคราก่อนและได้ฝูงหมาป่าช่วยเบี่ยงเบนความสนใจให้ เวลาชาวฉือหลี่โกวได้ยินเสียงหอนของหมาป่าใกล้ ๆ ก็จะไม่ตื่นกลัวจนเสียสติอีก เพราะฝูงหมาป่าในภูเขาต้าชิงมีสติปัญญา ไม่กินเนื้อมนุษย์และยังเป็นเทพผู้ปกป้องชาวฉือหลี่โกวด้วย !
หลินเว่ยเว่ยลากกวางดาวตัวอวบเข้ามาและลองประเมินน้ำหนักด้วยมือ…อย่างน้อยก็ประมาณ 200 ชั่ง “เนื้อย่างกระทะร้อนพรุ่งนี้ มีวัตถุดิบเพิ่มอีกแล้ว ! ”
เจ้าดำวิ่งตามจ่าฝูงหมาป่าออกไป แต่มันวิ่งตามได้ไม่เท่าไรก็ไม่เห็นพ่อของมันแล้ว มันยังเข้าไปหาในป่าอยู่พักหนึ่ง แต่พอได้ยินเสียงหลินเว่ยเว่ยกำลังจะปิดประตู มันก็รีบวิ่งกลับมาแล้วเบียดตัวเข้ามาทางซอกประตู
เมื่อเห็นหลินเว่ยเว่ยลากตัวกวางดาวมาที่ลานหน้าบ้าน มันก็อ้าปากแล้วใช้ฟันน้ำนมกัดที่กีบเท้าของกวางพลางออกแรงกระชากคล้ายกำลังช่วยอย่างไรอย่างนั้น
กวางดาวยังไม่ตายสนิท หลินเว่ยเว่ยหยิบโถออกมาหนึ่งใบ…เพื่อเก็บเลือด เนื่องจากเลือดกวางเป็นของดี ว่ากันว่าพวกชนชั้นสูงหรือขุนนางสูงศักดิ์ชอบใช้มันบำรุงร่างกาย งานวิจัยก็พิสูจน์ว่าเลือดกวางมีคุณสมบัติด้านช่วยบำรุงผิวพรรณ บำรุงเลือด ปรับระบบภูมิคุ้มกัน ต่อต้านริ้วรอย ช่วยดูแลรักษาระบบความจำและเสริมสมรรถภาพทางเพศ
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็เหลือบมองไปที่เอวของบัณฑิตหนุ่ม เพื่อความสุขในอนาคตของนางก็ควรบำรุงเขาหน่อย จริงหรือไม่ ?
เจียงโม่หานถึงขั้นพูดไม่ออก “…” ไม่ ข้าไม่ต้องการ !
ต่อจากนั้นนางก็เริ่มลงมือตัดเขากวาง ถลกหนัง ส่วนอวัยเพศก็ถูกจัดการ แล้วท้ายที่สุดก็นำเนื้อกวางไปแขวนไว้ใต้ชายคา หลังทำงานเสร็จแล้วหลินเว่ยเว่ยก็ไปล้างมือให้สะอาด เมื่อเข้าไปเกาะแขนนางเฝิงแล้วนางก็หันไปพูดกับเจียงโม่หานว่า “กลับไปนอนให้ห้องเถิด ฝันดี ! ”
นางเฝิงเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วพูดเตือนสั้น ๆ “ฟ้าเปลี่ยนสี ห่มผ้าหลายชั้นหน่อย ! ”
แล้วมันก็เป็นเหมือนที่นางเฝิงพูดจริง ๆ คือมีเสียงลมเหนือพัดเข้ามาราวกับเสียงหอนของหมาป่าที่หิวโหย…
จ่าฝูงเจ้าเทาคิดว่า ‘เสียงหอนของมันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ! ’
หลินเว่ยเว่ยต้องตื่นขึ้นมาเพราะความหนาวเหน็บของกลางดึก นางรีบเติมฟืนหลายท่อนที่เตียงเตา จากนั้นยังจุดเตาไฟเพิ่ม ห้องจึงกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง
นางยังตรวจดูผักในลังไม้อีกพักหนึ่ง เมื่อเห็นมันไม่ได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศ นางจึงนอนหลับได้อย่างสบายใจ แต่ผ่านไปไม่นานเสียงคนตีฆ้องก็ดังขึ้นในหูเบา ๆ และเสียงตะโกนก็ดังตามมาติด ๆ “หิมะตกแล้ว ลุกขึ้นมาก่อไฟและหาผ้าห่มเพิ่ม ! ”
เสียงนี้น่าจะเป็นเสียงบุตรชายคนโตของผู้ใหญ่บ้าน หิมะที่โหมกระหน่ำทุกปีพรากชีวิตพวกคนแก่และคนที่สุขภาพแย่ไปไม่น้อย คนพวกนี้มักจมดิ่งอยู่ในความฝันและไม่ตื่นขึ้นมาอีกตลอดกาล ดังนั้นการตีฆ้องปลุกคนให้ตื่นขึ้นมาและเติมไฟให้กับเตียงเตา ก็เพื่อป้องกันการนอนแข็งตาย ! คงต้องชมว่าผู้ใหญ่บ้านมีความรับผิดชอบสูงมากทีเดียว !
หลินเว่ยเว่ยพลิกตัวและหลับไหลอีกครั้ง เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึงนางก็เปิดประตูออกและเห็นในลานบ้านเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน นางจึงเดินออกไปทั้งที่ยังไม่ได้สวมรองเท้า ด้านนางหวงส่ายหน้าพร้อมบอกว่าหิมะในคราวนี้น้อยกว่าของปีที่แล้วมาก ! สำหรับภัยแล้งแล้ว มันช่วยให้โล่งใจได้เล็กน้อย !
เจ้าหนูน้อย เสี่ยวร่างและเจ้าดำมีความสุขจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เจ้าดำกลิ้งตัวไปมากลางหิมะและผ่านไปไม่นานในลานบ้านก็เต็มไปด้วยตราประทับอุ้งเท้าของเจ้าดำตัวน้อย !
เจ้าหนูน้อยและเสี่ยวร่างไม่ทันแปรงฟันล้างหน้าก็มาเล่นสงครามปาหิมะกันแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน (ต้องเป็นเจ้าตัวป่วนเอ้อร์ฮว๋าแน่นอน ) ในลานบ้านจึงมีลูกบอลหิมะลอยไปมา หรือแม้แต่ลอยข้ามกำแพงไปยังนอกบ้านด้วย