หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 334 ทำร้ายเขา เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต
ตอนที่ 334 ทำร้ายเขา เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต
ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยกลอกไปมาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณออกมาหยดลงดอกเหมย หลังจากรอให้มันแข็งเป็นน้ำแข็งแล้ว นางก็เก็บใส่โถ…แบบนี้อาจมีรสหวานของน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณและยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของดอกเหมยด้วยกระมัง ? นางช่างฉลาดจริง ๆ !
ท่าทางชิมรสชาติหิมะบนดอกเหมยของนางย่อมตกอยู่ในสายตาของเจียงโม่หานที่กำลังวาดภาพอยู่ไม่ไกล ถ้ามองแค่หน้าตาแล้วเด็กน้อยยังไม่ถือว่าเป็นหญิงงามเสียทีเดียว ทว่าพอมองโดยรวมกลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ โดยเฉพาะดวงตาเปี่ยมไหวพริบคู่นั้น มันยกระดับรูปลักษณ์เดิมขึ้นไปอีก 7-8 ส่วนจนกลายมาเป็นเต็มสิบเลยทีเดียว
เด็กคนนี้ฉลาดเฉลียว ช่างถาม ช่างสงสัยไปเสียทุกอย่าง ตอนนี้ยังกล้าชิมแม้แต่หิมะบนดอกเหมย เจียงโม่หานเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาและเขาจะต้องวาดภาพนี้เก็บไว้ !
ราวกับหลินเว่ยเว่ยรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง นางกอดโถกระเบื้องเอาไว้แล้วหันมายิ้มให้บัณฑิตน้อย…สิ่งที่งดงามเหนือดอกเหมยสีแดง บริสุทธิ์เหนือหิมะสีขาว…
ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็แข็งค้าง ดวงตาเสี้ยวพระจันทร์คู่นั้นเบิกกว้างกลายเป็นผลซิ่งและแฝงไปด้วยความหวาดกลัวปนความตื่นตกใจ
สิ่งใดที่ทำให้เด็กน้อยหวาดกลัวจนเป็นแบบนี้ ? เจียงโม่หานหยุดเคลื่อนไหวพู่กันในมือ ขณะคิดว่าจะหันไปมอง เขาก็เห็นหลินเว่ยเว่ยส่ายศีรษะให้อย่างสุดชีวิตและทำปากว่า ‘อย่าหันกลับไป เด็ดขาด ! ’
ขณะเดียวกันนางก็ค่อยๆ เดินมาทางเจียงโม่หานด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาพลางพูดเตือนอย่างไร้เสียง “เจ้าอย่าขยับ ใช่ อย่าขยับเด็ดขาด ! ”
เจียงโม่หานตระหนักได้ว่าอันตรายอยู่ห่างจากตนไม่มากแล้ว ไม่อย่างนั้นเด็กน้อยคงไม่มีทางตื่นกลัวมากเพียงนี้…ตอนตกหน้าผา นางยังไม่เห็นจะกลัวถึงเพียงนี้เลย
ด้านหลังของเขามีอะไรอยู่กันแน่ ? คงไม่ใช่…เจ้าตัวที่เขากลัวสุดหรอกกระมัง ? สิ่งที่เขาอับอายที่สุดในชาตินี้ก็คือการตกใจจนเป็นลมเพราะงูเขียวไผ่ตัวเท่านิ้วก้อยตัวเดียวและยังโดนเด็กน้อยอุ้มไปไกลสุดหมู่บ้าน…
ในฤดูหนาวเช่นนี้ หิมะและน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วทุกที่ งูเอย หนอนเอย ล้วนจำศีลกันหมดแล้ว…เจ้าตัวนั้นคือตัวอะไร ? หมีควาย ? หมาป่า ? เสือดาว…หรือจะเป็นสัตว์ร้ายชนิดอื่น ?
ในเวลานี้เขาเห็นหลินเว่ยเว่ยอยู่ห่างจากตัวเองประมาณ 5 ก้าวได้แล้ว ทันใดนั้นโถในมือของนางก็ร่วงลงพื้น แล้วนางก็รีบพุ่งเข้ามาหาเขาราวกับคนเสียสติ เจียงโม่หานพุ่งตัวไปข้างหน้าตามสัญชาตญาณ ทันใดนั้นก็มีลมหายใจอุ่น ๆ เฉียดเข้ามา ปลายจมูกอันเหม็นเน่าของสัตว์ร้ายและลมหายใจอุ่น ๆ นั้นก็มาหยุดอยู่ที่ท้ายทอยของเขา…ขอแค่สัตว์ตัวนั้นอ้าปาก มันก็สามารถงับศีรษะเขาได้แล้ว
เวลานี้หลินเว่ยเว่ยวิ่งเข้ามาถึงข้างตัวเขาแล้ว นางเห็นเสือที่ดุร้ายตัวนั้นอ้าปากอย่างกระหายเลือดมาที่ศีรษะของบัณฑิตน้อย…
หลินเว่ยเว่ยไม่มีเวลาให้คิดอีกต่อไป ตัวคนยังไม่ทันถึง นางก็ยื่นแขนไปแทนที่ศีรษะของบัณฑิตน้อยแล้ว ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามา แม้แต่ตัวนางเองยังได้ยินเสียงกระดูกที่หักของตนเลยก็ว่าได้ จากนั้นเลือดก็สาดกระเซ็นเต็มใบหน้าของเจียงโม่หาน
เจียงโม่หานหันไปมองก็เห็นแขนของหลินเว่ยเว่ยมีรอยกัดขนาดใหญ่ ส่วนแขนอีกข้างของนางกำลังจับกรามเสือร้ายเอาไว้ ใบหน้าของนางแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บหรือกำลังออกแรงกันแน่
เจียงโม่หานรีบพลิกกายแล้วพุ่งเข้าหาเสือตัวนั้น เขาจับอุ้งเท้าที่จะตะปบหลินเว่ยเว่ยเอาไว้ ส่วนนางก็กลัวเขาบาดเจ็บจึงทนข่มความเจ็บเอาไว้แล้วออกแรงบีบ นางตะโกนเสียงดังลั่นขณะที่ออกแรงบีบกรามของเสือร้าย…
เจ้าเสือร้ายร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะอ้าปากผละออกจากแขนของนาง เจียงโม่หานเองก็โดนเสือกรามหักตัวนั้นสะบัดใส่จนกลิ้งออกไปไกลมาก
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเขาด้วยความเป็นห่วง แต่นางก็เลือกที่จะจัดการเสือตัวนี้ก่อน นางจับจ้องเสือที่กำลังสะบัดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็คว้าโอกาสนี้กระโดดขึ้นหลังมันแล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บล็อกคอมันไว้
เสือร้ายที่ถูกล็อกคอไว้ย่อมหายใจไม่ออก กอปรกับความเจ็บปวดที่กราม มันจึงพาตัวหลินเว่ยเว่ยวิ่งไปในหุบเขาอย่างบ้าคลั่งและยังเอาตัวไปกระแทกกับหินเป็นระยะเพื่อให้มนุษย์บนหลังตกลงไป
หลินเว่ยเว่ยพยายามออกแรงที่แขน พลางกัดฟันทนความเจ็บปวดของร่างกายที่ถูกกระแทกกับหินเอาไว้…กล้าทำร้ายบัณฑิตน้อยของนาง อย่างไรเจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต !
อีกฟากหนึ่งของหุบเขา ผู้ใหญ่สองคน เด็กหนึ่งคนและหมาป่าน้อยอีกหนึ่งตัวกำลังจับกระต่ายอยู่ก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือ พวกเขาจึงยืนตัวแข็งทื่อทันที เสือใช่หรือไม่ ? ที่นี่มีเสือด้วยหรือ ? ชิงเฟิงรีบดึงตัวคุณชายมาไว้ข้างหลัง จากนั้นก็มีเสียงฟันกระทบกันดังขึ้น “คะ…คุณชาย ระ…เรากลับกันดีหรือไม่ขอรับ ? ”
เจ้าหนูน้อยหันไปมองตามทิศทางที่มีเสียงคำรามของเสือดังขึ้นแล้วร้องไห้ออกมาทันที “พี่รอง ! พี่รองของข้าอยู่ทางนั้น ! ทำอย่างไรดี ? ”
อย่ามองว่าเจ้าดำยังเป็นแค่ลูกหมาป่า เพราะในสายเลือดของมันมีเลือดของหมาป่าไหลเวียนอยู่ มันหูตั้ง แยกเขี้ยวแล้วพุ่งตัวไปในทิศทางที่เสียงดังขึ้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทว่าน่าเศร้าใจ…ที่ขาของเจ้าตัวน้อยสั้นเกินไป…ตัวของมันจึงจมลงไปในกองหิมะจนเหลือให้เห็นเพียงหูทั้งสองข้างเท่านั้น แม้มันจะดิ้นรนอยู่นานก็ยังติดอยู่ตรงนั้น…เจ้าอยากให้คนอื่นหัวเราะใช่หรือไม่ ?
ลู่เหวินจวินชี้ไปทางหุบเขาพร้อมอ้าปากกว้างคล้ายตัว ‘O’ และพูดด้วยเสียงติดอ่างว่า “เอ้อร์ฮว๋า ระ…รีบดูนั่นเร็ว ! หลินกู่เหนียง…พี่รองของเจ้าขี่เสือออกมา !”
หลินเว่ยเว่ยก็เห็นพวกเขาเช่นกัน นางจึงตะโกนมาทางพวกเขาว่า “รีบหลบไป ! ยืนนิ่งกันอยู่ทำไมเล่า ? ”
เสือที่คลุ้มคลั่งมีดวงตาแดงก่ำ เมื่อมันเห็นมนุษย์ที่แสนเกลียดชัง มันก็พุ่งเข้าใส่ทันที หลินเว่ยเว่ยกัดฟันและในปากมีกลิ่นคาวเลือดปรากฏขึ้น นางรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีไปยังแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ…
ทุกคนได้ยินเพียงเสียงดัง ‘กร๊อบ’ น่าจะเป็นเสียงคอเสือที่หัก ขณะที่เสียงนี้ดังขึ้น เสือที่กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่งก็ล้มลงนอนแน่นิ่งกับพื้นทันที
หลินเว่ยเว่ยกระเด็นออกไป โชคดีที่นางกลิ้งไปไม่ไกล นางกอดแขนข้างที่บาดเจ็บเอาไว้พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา…เจ็บ เจ็บ เจ็บจะตายอยู่แล้ว !
“พี่รอง ! พี่รอง ! ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ! ” เจ้าหนูน้อยวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าอาบน้ำตา เขาพยายามใช้แรงทั้งหมดประคองตัวนางขึ้นมา
หลินเว่ยเว่ยโบกมือให้เขา “รอสักครู่ ให้ข้าได้พักหน่อย ! ”
สวรรค์ ! ช่างน่าระทึกขวัญยิ่งนัก ! ชมดอกเหมยอยู่ดี ๆ ก็เกือบตายอย่างน่าอนาถในป่าเหมยแล้ว ! ภูเขาลูกนี้มีเสือตั้งแต่เมื่อใด ? ไม่ได้บอกว่าสัตว์ป่ามีถิ่นของมันหรือ ? มันไม่อยู่ในถิ่นแล้ววิ่งมาที่นี่เพื่อมารบกวนการออกเดทของนางกับบัณฑิตน้อยน่ะหรือ ? ไอ้เสือไม่รู้จักกาลเทศะ !
หลินเว่ยเว่ยนอนหอบหายใจอยู่บนหิมะ เจ้าหนูน้อยกำลังนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ด้านข้าง ส่วนลู่เหวินจวินและชิงเฟิงก็ยืนก้มหน้ามองนางด้วยความสับสนอยู่ไม่ห่าง
ตอนที่เจียงโม่หานวิ่งหอบหายใจเข้ามาก็เห็นฉากที่หลินเว่ยเว่ยนอนกองที่พื้นจากระยะไกลแล้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกใจหาย แข้งขาอ่อนแรงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ไม่มีทาง ! เด็กน้อยมีพละกำลังเหนือมนุษย์ เพียงมือเปล่าก็สามารถฆ่าหมูป่าตายได้ และนางยังเรียนศิลปะการต่อสู้เล็กน้อยมาจากหลีชิงด้วย นางจะมาพ่ายแพ้ให้แก่เสือร้ายตัวหนึ่งได้อย่างไร ?