หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 340 ต่อไปบ้านเราจะฟังเจ้า
ตอนที่ 340 ต่อไปบ้านเราจะฟังเจ้า
เจียงโม่หานเป็นผู้ช่วยของคนเจ็บ…คือย่างเนื้อให้หลินเว่ยเว่ย นางชี้ไปที่เนื้อเสือแล้วกัดฟันพูดว่า “ข้าจะกินเจ้านั่น! มันกล้ากัดข้า มันต้องชดใช้ด้วยการถูกกิน ! ”
หลังกินเนื้อเสืออย่างอิ่มเอมใจแล้ว นางก็ชี้ไปที่เนื้อกวางต่อ “ย่างเนื้อกวางให้ข้า เจ้านี่ช่วยบำรุง…”
“แม้จะช่วยบำรุงก็กินเยอะไม่ได้ ! เนื้อย่างกินเยอะแล้วจะเป็นร้อนใน ! อีกอย่างมักพูดกันว่ากินสิ่งใดก็จะไปบำรุงสิ่งนั้น พรุ่งนี้แม่จะต้มกระดูกให้เจ้ากินเยอะหน่อย…อ้อ ต้องไปถามหมอเหลียงว่าสามารถต้มกระดูกเสือให้เจ้ากินได้หรือไม่ ? ” นางหวงตีมือบุตรสาวคนรองพลางบ่นพึมพำ
ดวงตาของลู่เหวินจวินแทบจะถลนออกมา…เอากระดูกเสือมาต้มกิน คงเป็นอาหารจานเดียวในใต้หล้ากระมัง ? ฟุ่มเฟือยยิ่งนัก ! เขาต้องกินเนื้อเสือให้หายตกใจหน่อย…พอกลับไปเขาจะอวดให้หมดว่าเคยกินเนื้อเสือมาแล้ว !
ผู้น่าสงสารที่สุดคือหลินเว่ยเว่ย เพราะตั้งแต่นางหวงบอกว่ากินเนื้อย่างมากจะเป็นร้อนใน ไม่เหมาะกับคนป่วย นางก็ได้รับอนุญาตให้กินเนื้อย่างเพิ่มอีกสองชิ้นเท่านั้น…คนอื่นกินเนื้อย่าง ส่วนนางได้กินแค่โจ๊กผักและน้ำแกงกระดูกหมู
หลินเว่ยเว่ยรู้สึกชอกช้ำใจ…เนื้อย่างกระทะร้อนเป็นของที่นางเสนอออกมา ! เหตุใดคนอื่นกินได้ แต่นางได้แค่มอง ?
เจียงโม่หานป้อนโจ๊กผักให้นาง “เด็กดี ! รอให้แขนหายดีแล้วอยากกินทุกวันก็ยังได้ เนื้อกวาง เนื้อเสือ เราจะแช่แข็งเก็บไว้ให้เจ้าทั้งหมด นอกจากเจ้าแล้วใครก็ห้ามกินเด็ดขาด ดีหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยมุ่ยปาก “ข้าเจ็บที่แขน ไม่ได้ร่างกายอ่อนแอเสียหน่อย แม้ลำไส้จะบอบบางก็สามารถกินอะไรได้โดยไม่ต้องกังวลถึงเพียงนั้น ใช่หรือไม่ ? ”
“ข้าถามหมอเหลียงแล้วว่ามีอาหารและของปรุงสุกบางอย่างไม่เหมาะกับคนป่วย อีกสิบวันเท่านั้น เจ้าก็อดทนหน่อยเถิด ประเดี๋ยวตอนเย็นข้าจะตุ๋นซี่โครงให้เจ้า เชื่อฟังข้าดีกว่า ! ”
บุตรสาวคนโตตระกูลหลินมองเจียงโม่หานด้วยแววตาสับสน ใครจะไปคิดว่าบัณฑิตเจียงผู้เย็นชาและหยิ่งยโสก็สามารถปลอบผู้อื่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีความอดทนเช่นนี้ได้ หากพูดออกไป พวกเด็กสาวที่เคยตามเกี้ยวเขาอย่างบ้าคลั่งต้องใจสลายแน่นอน ไม่ถูกสิ ตอนบัณฑิตเจียงหมั้นหมายกับน้องรอง พวกนางก็ใจสลายแล้ว ตอนนี้ยิ่งแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
หลังย่างเนื้อกวางเสร็จ บุตรสาวคนโตก็จงใจเดินผ่านหน้าหลินเว่ยเว่ยและส่งชามเนื้อย่างให้เผิงหยูเหยี่ยน จากนั้นก็พูดว่า “ใครบางคนก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามือขวาดีอยู่ แต่ยังให้คนอื่นป้อน สำออย ! ”
หลินเว่ยเว่ยกลืนโจ๊กแล้วรีบยักคิ้ว “ข้าสำออยแล้วจะทำไม ? คนป่วยมีสิทธิ์สำออยได้ ส่วนบัณฑิตน้อยก็เต็มใจที่จะเอาใจข้า หากเจ้าไม่อยากเห็นก็ทนต่อไป ! ”
เผิงหยูเหยี่ยนไม่เข้าใจ เพราะคู่หมั้นพูดสู้น้องสาวไม่ได้สักครั้ง แม้จะพ่ายแพ้ก็ยังไม่ถอย สุดท้ายนางก็ยังต้องแพ้อยู่ดีและทำให้นางเองต้องโมโหจนหน้าแดง หายใจติดขัด นางคิดอะไรอยู่ ? หรือว่า…การเถียงกันจะเป็นวิธีแสดงความรู้สึกของพี่น้องคู่นี้ ?
เผิงหยูเหยี่ยนเห็นคู่หมั้นหน้าแดง ดวงตาเปียกชื้น นางเริ่มโกรธอีกแล้ว เขาจึงรีบคีบหมูสามชั้นที่ย่างเสร็จแล้วจุ่มลงซอส ห่อด้วยผักกาดหอม จากนั้นป้อนใส่ปากนาง “เฉียงเอ๋อร์ เราอย่าถือสาเด็กเลย มา ข้าช่วยย่างให้เจ้า ข้าเต็มใจจะเอาใจเจ้าเอง ! ”
บุตรสาวคนโตเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม แม้อารมณ์จะดีขึ้นแล้ว ใบหน้าของนางก็ยังแดงอยู่ ใครบอกว่าคู่หมั้นนางซื่อบื้อ ? นี่เขาไม่ได้กำลังพูดเป็น มีหัวคิดและยังปกป้องนางเก่งจะตายอยู่หรือ?
“เจ้าสองคนนี่นะ ! ช่วยคิดถึงคนโสดอย่างพวกเราหน่อยได้หรือไม่ ? เฮ้อ ! พอไม่มีคนเอาใจแล้ว เนื้อกวาง เนื้อเสือย่างพวกนี้จะไม่อร่อยขึ้นหรือไร ! ” แม้ปากหลีชิงจะพูด แต่ก็ไม่ได้กินช้าลงเลย เขากินได้อย่างตะกละตะกลามเป็นอย่างยิ่ง ในชีวิตนี้อาจได้กินเนื้อเสือแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ดังนั้นต้องกินให้เยอะหน่อย !
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะเสียงดังลั่นในทันที หลังให้บัณฑิตน้อยเช็ดเมล็ดข้าวที่มุมปากนางแล้วก็หันไปมองหลีชิงอย่างท้าทาย “อยากมีคนมาเอาใจบ้าง เจ้าก็พาพี่สะใภ้กลับมาสักคนสิ”
หลีชิงส่ายหน้าแล้วดื่มสุราหนึ่งอึก…ความแค้นของตระกูลยังไม่ทันได้สะสาง แล้วจะสร้างครอบครัวได้อย่างไร ? เหตุใดจะต้องให้คนอื่นมาหลบ ๆ ซ่อน ๆ กับเขา ? ในแต่ละวันต้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ลู่เหวินจวินคออ่อน ดื่มไปแค่ไม่กี่จอกก็เริ่มชี้หน้าเจียงโม่หานและเผิงหยูเหยี่ยนด้วยอาการเมาเล็กน้อย “ตะ…แต่งพี่สะใภ้ ก็ต้องเป็นพี่หลีชิงเอาใจพี่สะใภ้ บ้านเราเป็นบ้านของผู้ชายที่ดี ต้องรู้จักรักและทะนุถนอมภรรยา ! ”
ใครเป็นคนบ้านเดียวกับเจ้า ? แค่อาหารไม่กี่มื้อ เจ้าก็คิดว่าตนไม่ใช่คนนอกแล้วหรือ !
เนื้อย่างมื้อนี้กินกันถึงสองชั่วยาม เดิมทีลู่เหวินจวินคิดจะจากไป ทว่าต้องเมามายอยู่บนหลังชิงเฟิง “พี่หลีชิง…มา ชะ…ชน ! ”
เขาเมาจนเป็นเช่นนี้แล้วจะยังไปไหนได้อีก ? ชิงเฟิงแบกคนไปที่บ้านหลังข้าง ๆ ด้วยศีรษะที่ชุ่มเหงื่อ “คุณชายรอง ท่านอย่าดิ้นขอรับ ประเดี๋ยวจะตกลงมาขอรับ ! ”
“วางข้าลง…ข้า…ดะ…เดินเองได้ ! ” ลู่เหวินจวินดิ้นจะปีนลงมา “ข้าเป็นคนที่เคยกินเนื้อเสือแล้วนะ ! ในตัวข้าเต็มไปด้วยพละกำลัง ! ”
ชิงเฟิงกลัวเขาจะตกลงมาจริง ๆ จึงรีบวางลงและเปลี่ยนมาเป็นกึ่งประคองกึ่งกอดแทน “ได้ ได้ ได้ขอรับ ! คุณชายรองเก่งกาจที่สุด ! คุณชายรองยังจับกระต่ายได้หลายตัวด้วยขอรับ ! ”
“ใช่ ! จับกระต่ายได้ตั้งหลายตัว พอกลับไปแล้ว…จะเอาไปทำถุงมือให้ท่านแม่…ข้ากตัญญูกับท่านแม่ ! ลูกเก่งแล้วขอรับ ท่านแม่ ท่านดีใจหรือไม่ ? ” ลู่เหวินจวินเกือบสะดุดธรณีประตู
ชิงเฟิงออกแรงประคองเขา ก่อนจะพยักหน้าให้ “ใช่ ใช่ขอรับ ! คุณชายรองเก่งแล้ว ฮูหยินจะต้องดีใจมากแน่นอน ! ”
โชคดีที่ลู่เหวินจวินเมาแล้วไม่อาละวาด พอเข้าห้องไปแล้วเขาก็รู้ว่ามาถึงเตียง เขาจึงล้มลงนอนอย่างว่าง่าย มือทั้งสองข้างประสานไว้ตรงหน้าอก แต่ปากยังบ่นพึมพำ “ท่านแม่ ! ลูกไม่ได้ไร้ค่า ลูกเองก็หาเงินได้…ฮือฮือฮือ ท่านแม่ขอรับ ที่ทุ่งหญ้าลำบากมากเลย…ลูกเหนื่อยมาก…”
หลังทำเสียงร้องไห้ออกมาสั้น ๆ แล้วเขาก็นอนหลับไปในที่สุด
หลินเว่ยเว่ยเงี่ยหูฟัง ในที่สุดก็เงียบไปแล้ว นางจึงถอนหายใจออกมา “เฮอะ เฮอะ ! บัณฑิตน้อย เวลาผู้ชายเมาจะเป็นเช่นนี้กันหมดหรือ ? ”
หลีชิงเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน นิ้วเกี่ยวเหยือกสุราคอยเทใส่ปากตนเอง หลังได้ยินเช่นนั้นเขาก็เช็ดมุมปากพลางพูดว่า “อย่างเขาถือว่าเมาแล้วยังดีอยู่ ! บางคนพอเมาแล้วก็จะถือโอกาสอาละวาด ทำร้ายผู้คน ขว้างปาข้าวของ ร้องไห้แหกปาก…ทำตัวแย่ ๆ ออกมาหมดทุกอย่าง ! ”
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “สุราร้อนเช่นนั้น ไม่รู้เหตุใดผู้ชายอย่างพวกเจ้าชอบดื่มกันนัก ! บัณฑิตน้อย ต่อไปก่อนจะออกไปสังสรรค์ เจ้าต้องกินอะไรรองท้องสักเล็กน้อย มันดีต่อกระเพาะและจะไม่ทำให้เมาง่ายด้วย ! ”
เจียงโม่หานชงชาให้ตน…ไม่จำเป็นต้องใช้หิมะบนดอกเหมยที่หลินเว่ยเว่ยเก็บมา เนื่องจากคนเยอะเกินไป เขาทนเห็นหิมะที่คู่หมั้นเก็บมาด้วยความยากลำบากถูกคนอื่นกินไม่ได้ !
หลีชิงหัวเราะ “ข้าคิดว่าเจ้าจะห้ามไม่ให้บัณฑิตน้อยออกไปดื่มสุราเสียอีก ! ”
“เขาเป็นผู้ชายนี่ ! อย่างไรก็ต้องไปสังสรรค์บ้าง ! แค่อย่าดื่มเอาจริงเอาจังถึงเพียงนั้น ประเภทดื่มจนเมาหัวทิ่ม เสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ว่า ยังทำร้ายร่างกายคนอื่นด้วย” หลินเว่ยเว่ยหยิบถ้วยชาของบัณฑิตหนุ่มมาดื่มให้ชุ่มคอ
เจียงโม่หานจึงรินชาลงถ้วยใหม่และจิบลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าพูดว่า “ฮูหยินพูดถูก ต่อไปบ้านเราจะฟังเจ้า ! ”