หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 350 น้ำส้มสายชูจากผู้สัญจร เจ้าก็ยังจะกิน
ตอนที่ 350 น้ำส้มสายชูจากผู้สัญจร เจ้าก็ยังจะกิน
ดวงตาที่ปิดสนิทของเด็กสาวทั้งเงียบสงบและงดงาม ขนตางอนยาวราวกับปีกผีเสื้อ ปากน้อย ๆ เม้มเข้าหากันมีสีชมพูคล้ายกลีบดอกไม้
เด็กน้อยทำตัวนิ่งได้เฉพาะตอนนอนหลับเท่านั้น ไม่รู้ว่านางเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นไรถึงได้มีนิสัยแบบนี้
จากเมืองจงโจวมาสู่หมู่บ้านฉือหลี่โกวมีสองเส้นทางด้วยกัน ทางแรกคือผ่านอำเภอเป่าชิงแล้วค่อยไปที่หมู่บ้านฉือหลี่โกว ส่วนอีกเส้นทางคือจากเขตเริ่นอันสู่ฉือหลี่โกว สองทางนี้ใช้เวลาเดินทางเท่ากัน ล้วนต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวัน
หลินเว่ยเว่ยปรึกษากับพี่น้องตระกูลติงพักหนึ่ง นางอยากไปดูว่าในตัวอำเภอยังพอจะมีสินค้าแบบใหม่ของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิบ้างหรือไม่ เผื่อจะได้ซื้อกลับเพราะเหลือเวลาแค่สามวันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว !
เดิมทีขบวนรถม้าของหยวนเจี๋ยตามหลังพวกหลินเว่ยเว่ยมาโดยตลอด แต่เมื่อมาถึงทางแยก คนขับก็พบว่ารถม้าสองคันข้างหน้าเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยสอบถามไว้
คนขับจึงถามหยวนเจี๋ยว่า “คุณชายห้า เราจะไปทางไหนดีขอรับ ? ”
หยวนเจี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไปทางเขตเริ่นอัน ! ”
คุณชายรองตระกูลลู่บอกว่าร้านหนังสือแห่งนั้นอยู่ที่เขตเริ่นอัน นอกจากนี้ยังมีผลงานของอาจารย์ปู่อีกหลายชิ้นและยังมีตำราหลายเล่มที่คัดลอกมาจากตำราหายากของอาจารย์ปู่ ไม่แน่ว่าอาจได้เบาะแสบางอย่างจากที่นั่น !
หลินเว่ยเว่ยเลิกมุมผ้าม่านขึ้น นางเห็นขบวนรถม้าข้างหลังเลี้ยวไปอีกทางจึงพูดว่า “พวกเขาเลี้ยวไปทางเขตเริ่นอัน ! ”
“ทำไม ? ทำใจแยกจากไม่ได้หรือ ? ” เจียงโม่หานเหลือบมองนางปราดหนึ่ง
หลินเว่ยเว่ยปิดผ้าม่านลงตามเดิมแล้วสอดกายเข้าใต้ผ้าห่ม นางถอดเสื้อคลุมออกแล้วร่ายนิ้วมือไปมาอย่างมีความสุข “มีสิ่งใดให้ทำใจไม่ได้ ? ก็แค่คนที่บังเอิญพบเจอระหว่างทางเท่านั้น ! ”
“แต่ก็เป็นผู้ผ่านทางที่หน้าตาและบุคลิกดี ! ” น้ำเสียงของเจียงโม่หานไม่เหมือนยามปกติ ต้องลองฟังให้ดีจึงจะหาความแตกต่างได้
หลินเว่ยเว่ยเงยหน้ามองเขา “เจ้าพูดเช่นนี้ทำให้ข้าเผลอเข้าใจผิดว่าเจ้ากำลังหึงอยู่…น้ำส้มสายชูจากผู้สัญจร เจ้าก็ยังจะกิน ! ”
ผู้สัญจร ? คำเรียกนี้ทำให้เจียงโม่หานพอใจ จากนั้นแรงหึงหวงในใจก็ค่อย ๆ ลดลง ใช่สิ เหตุใดเขาจะต้องหึง ? อีกฝ่ายก็แค่สอบได้อันดับดีกว่าในชาติก่อนเท่านั้นเอง เพราะตัวเขาในชาติก่อนใช้พลังส่วนใหญ่ไปกับการดิ้นรนเอาชีวิตรอดถึงได้เรียนช้ากว่าคนอื่น ผลสอบจึงออกมาไม่ดีเท่าที่ควร! หยวนเจี๋ย ชาตินี้เรามาแข่งกันอีกรอบ !
เวลาล่วงเลยมาถึงยามเว่ย (13.00 – 14.59 น.) ในที่สุดรถม้าก็เข้าสู่อำเภอเป่าชิง ตัวอำเภอถูกประดับประดาด้วยโคมไฟ เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งเทศกาล หลังจากหาโรงเตี๊ยมได้แล้ว หลินเว่ยเว่ยก็จูงมือบัณฑิตหนุ่มออกไปซื้อของอย่างกระตือรือร้น
พ่อค้าแม่ขายสินค้าประจำเทศกาลฤดูใบไม้ผลิกระจายตัวอยู่ทั่วเมือง พวกนางมายังสถานที่มีคนรวมตัวกันอยู่กลุ่มหนึ่ง เมื่อชะโงกหน้ามองเข้าไปก็พบว่าบนโต๊ะมีหมึกและพู่กันวางอยู่ หลังโต๊ะมีคนกำลังเขียนอักษร ที่แท้ก็คือแผงขายกลอนคู่ หลินเว่ยเว่ยชะโงกหน้าดูอยู่พักหนึ่ง…เทียบกับลายมือของบัณฑิตน้อยแล้วยังห่างชั้นอีกไกล !
สองข้างทางมีสีสันเรียงราย ทุกอย่างตระการตา มีแผงขายภาพวาด…แน่นอนว่าฝีมือเทียบกับปราชญ์ชนบทไม่ติด ภาพวาดและพัดของปราชญ์ชนบท หากประกาศชื่อเสียงออกไปว่ามาจากเขตเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นอำเภอหรือเมืองใหญ่ก็ต้องอิจฉาทั้งสิ้น !
พอเดินไปข้างหน้าอีกหน่อย ร้านค้ามุงหญ้าคาและแผงลอยเต็มไปด้วยเครื่องเซ่นไหว้ ครกหิน ของบูชาถูกวางซ้อนเรียงรายเต็มไปหมดทุกหนทุกแห่ง ร้านค้าตลอดสองข้างทางมีทั้งขายข้าวสาร ผักสด ผลไม้ สุรา เนื้อสด ไก่ เป็ด ปลา…ของที่ต้องใช้ในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิทำให้มองจนตาลายไปเลย
ระหว่างที่มองพวกมัน ในใจของเจียงโม่หานก็มีอารมณ์หลากหลายผุดขึ้นมา ชาติก่อนอำเภอเป่าชิงไม่ได้เปิดคลังบรรเทาทุกข์และไม่ได้แจกจ่ายข้าวสารจากทางราชสำนัก นอกตัวอำเภอมีผู้ประสบภัยมารวมตัวมากมาย มีคนหนาวตายกับหิวตายทุกวัน
ฮูหยินของนายอำเภอเป่าชิงก็เคยจัดได้ว่าเป็นคนรวยคนหนึ่ง นางออกไปต้มโจ๊กที่นอกเมือง แต่ผู้ประสบภัยโดนยั่วยุจึงพุ่งเข้ามาในโรงทานซึ่งแจกโจ๊ก แล้วแย่งข้าวสารทั้งยังทุบตีเจ้าหน้าที่จนตาย มิหนำซ้ำยังพยายามบุกเข้าเมือง ทว่านายอำเภอก็ส่งทหารมาหยุดยั้งไว้ได้ทัน
นับแต่นั้นมา ประตูเมืองก็ถูกปิดอย่างแน่นหนา ผู้ประสบภัยที่นอกเมืองไม่เหลือทางรอดอีกต่อไป ส่วนผู้คนในเมืองก็หดหู่เพราะราคาอาหารสูงลิ่ว ทำให้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ผู้ที่มีชีวิตรอดล้วนกลายเป็นคนสิ้นหวัง ในปีนั้นทั้งหนาวเหน็บและอ้างว้าง…เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้วช่างแตกต่างโดยสิ้นเชิง !
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองสิ่งโน้นทีสิ่งนี้ที แต่สุดท้ายก็พบว่า…ไม่มีอะไรที่นางอยากซื้อเลย สินค้าส่วนใหญ่เป็นของที่บ้านพวกตนเตรียมไว้ตั้งแต่เข้าสู่เดือนสิบสองใหม่ ๆ แล้ว
“พี่หลิน ท่านจะซื้อกลอนคู่หรือไม่ ? ภาพวาดปีนี้ไม่เลวเลย ดูมีสีสันเป็นอย่างยิ่ง ซื้อกลับไปสักสองแผ่นดีหรือเปล่า ? ” ติงหลิงเอ๋อร์เดินเล่นด้วยความตื่นเต้น พอเห็นหลินเว่ยเว่ยหยุดเดิน นางก็ช่วยออกความเห็น
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “กลอนคู่กับภาพวาดไม่ได้มีบัณฑิตน้อยเขียนให้ได้หรอกหรือ ? ซื้อพวกกระดาษสีแดง กระดาษวาดภาพแล้วก็พวกสีกลับไปแล้วกัน ข้าคิดว่ากระดาษตัดเหล่านี้ก็สวยดี ซื้อกลับไปติดหน้าต่างหน่อยดีกว่า”
ติงหลิงเอ๋อร์หยิบกระดาษที่พับแล้วตัดเป็นรูปดอกเหมยขึ้นมาพลางพยักหน้ารับ “อืม ! ภาพนี้ไม่เลว ความหมายดี สีเป็นมงคลด้วย ! พี่ใหญ่ พี่รอง เราซื้อกลับไปติดที่ห้องบ้างดีหรือไม่ ? ”
ติงหยูเจินและติงหยูเฉิงคิดว่าเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง จะแปะลวดลายเต็มห้องเพื่อความสดใสก็ไม่แปลก แต่พวกข้าเป็นผู้ชาย หากแปะเจ้านั่นเต็มห้องแล้ว จะไม่ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยก็เลือกมาหลายแผ่นแล้วยัดใส่มือน้องสาม นางใช้เขาเป็นคนถือของ จากนั้นก็พูดกับติงหลิงเอ๋อร์ว่า “เจ้าก็ให้เขาถือสิ มีผู้ชายอยู่ด้วย ผู้หญิงที่ไหนจะถือของกันเอง ? ”
ขณะพูดนางก็ดึงกระดาษตัดในมือติงหลิงเอ๋อร์ไปยัดใส่มือน้องชายคนโตของตน หลินจื่อเหยียนรับมาถือไว้ด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาหันไปมองผู้ชายคนแรก…ติงหยูเจิน ผู้ชายคนที่สอง…ติงหยูเฉิงและผู้ชายคนที่สาม…เจียงโม่หาน
ข้าไม่ได้อายุน้อยที่สุดในกลุ่มหรือไร ? ไม่รู้จักถนอมเด็กกันบ้างหรือ ? รังแกกันเกินไปแล้ว !
หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่เขา…ผู้หญิงใช้ให้เจ้าถือของก็นับว่าเป็นเกียรติของเจ้า เข้าใจหรือไม่ ?
ติงหลิงเอ๋อร์ยิ้มขณะพูดกับหลินจื่อเหยียนว่า “ขอบใจมาก น้องจื่อเหยียน ! ”
หลินจื่อเหยียนหมดคำพูด น้องจื่อเหยียนอะไรกัน ! เจ้าอายุห่างกับข้าแค่ไม่กี่เดือน !
“พี่หลิน ด้านหน้ามีร้านขายเครื่องประดับ เราไปดูกันว่ามีของใหม่บ้างหรือไม่…” เด็กสาวที่ออกมาเดินซื้อของย่อมไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องประดับ เสื้อผ้าและของกินเล่น !
หลินเว่ยเว่ยพูดในใจ แม้ว่าจะใหม่เพียงใด แต่จะสู้ของที่วางขายในเมืองหลวงได้หรือ ? แต่ก็พูดเถิด ใกล้ปีใหม่แล้ว นางก็ควรซื้อเครื่องประดับให้คนในครอบครัวบ้าง ดูเหมือนว่าท่านแม่กับน้าเฝิงจะไม่มีเครื่องประดับอะไรเลย !
ต่อจากนั้นนางก็โดนติงหลิงเอ๋อร์ดึงเข้าไปในร้านเครื่องประดับที่ใหญ่สุดในตัวอำเภอ
เงิน ทอง หยก ไข่มุก…มีให้เห็นอย่างละลานตา หลินเว่ยเว่ยเลือกปิ่นทองประดับอัญมณีและต่างหูทองให้นางหวงคู่หนึ่ง จากนั้นก็เลือกปิ่นหยกขาวประดับหยกเขียวให้นางเฝิงและเลือกสร้อยข้อมือเงินแท้ให้พี่สาวคนโต!
ติงหลิงเอ๋อร์ก็เลือกสองชิ้น หนึ่งให้มารดา ส่วนอีกชิ้นให้ตนเอง นางเห็นว่าหลินเว่ยเว่ยเลือกของขวัญเสร็จแล้วจึงอดถามไม่ได้ “พี่หลิน เหตุใดท่านไม่เลือกให้ตัวเองสักชิ้น ? ฉลองปีใหม่ก็ต้องใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ หมวกใหม่ เครื่องประดับก็ต้องใหม่ด้วย ปีใหม่ควรมีบรรยากาศใหม่ ๆ จริงหรือไม่ ! ”
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “ข้าไม่ชอบใส่ของพวกนี้…”