หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 352 เขามาหาเจ้าจริงด้วย
ตอนที่ 352 เขามาหาเจ้าจริงด้วย
“อันที่จริงการฟื้นฟูร่างกายของข้าเร็วกว่าคนทั่วไป ดูที่แขนก็รู้แล้ว คนอื่นต้องรักษาตัวอย่างน้อยสามเดือน แต่ข้าใช้เวลาแค่เดือนกว่าก็หายดี ต่อไปถ้าซื้อยาก็ซื้อมาให้น้อยลงสักสองเทียบ เปลืองเงินจะตาย ! ”
หลินเว่ยเว่ยมีน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณเป็นเครื่องมือโกงเวลา แม้ไม่กินยาแต่ถ้าดื่มน้ำเข้าไปเยอะหน่อยก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ทว่าพวกบัณฑิตหนุ่มเห็นมันเป็นแค่ข้ออ้างที่นางไม่อยากกินยาเท่านั้น !
หืม ? เหตุใดรถม้าจึงหยุดวิ่ง ? เจียงโม่หานยื่นหน้าออกไปมอง ที่แท้ขบวนรถด้านหน้าก็ขวางถนนอยู่ เหลยหยู่จึงกระโดดลงจากรถม้าเพื่อไปถามสถานการณ์ จากนั้นเขาก็กลับมาบอกว่า “พี่รองหลิน บัณฑิตเจียง ล้อของรถม้าคันข้างหน้าชำรุด”
เจียงโม่หานขมวดคิ้วพลางถาม “บอกหรือไม่ว่าจะซ่อมเสร็จเมื่อใด ? ”
เหลยหยู่ตอบ “คนที่ซ่อมรถม้าของพวกเขาป่วย พวกเขาจึงให้พักที่เขตเริ่นอัน”
ทางสายนี้สามารถเดินรถได้เพียงคันเดียวเท่านั้น รถข้างหน้าชำรุดและขวางถนนอยู่เช่นนี้ รถม้าของพวกตนจึงได้แต่รออยู่ด้านหลัง
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ อากาศก็หนาวมากเช่นกัน การติดอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องดี ! โชคดีที่ตรงนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านไม่ไกลนัก มองจากสถานการณ์ในตอนนี้คงต้องกลับหมู่บ้านไปตามคนมาช่วยแล้ว !
ขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังจะทิ้งรถม้าแล้วเดินเท้าต่อไป หยวนเจี๋ยผู้เป็นนายของขบวนรถด้านหน้าก็เดินเข้ามาขอโทษ
“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เป็นเพราะพวกเราจึงทำให้ทั้งสามท่านต้องติดอยู่ที่นี่ ทั้งสามท่านจะไปที่ใด ข้าจะให้รถม้าคันของตนไปส่งพวกท่านก่อนดีหรือไม่ ? ” หยวนเจี๋ยก็คาดไม่ถึงว่าจะได้พบพวกกู่เหนียงน้อยที่นี่อีกครั้ง ในวันที่หิมะโหมกระหน่ำ อากาศเย็นยะเยือก การทำให้คนอื่นต้องติดอยู่ตรงนี้ เขาเองก็รู้สึกแย่มากเช่นกัน
เจียงโม่หานใช้ท่าทางไม่แยแสกวาดสายตามอง ก่อนจะหันไปห่มผ้าคลุมให้หลินเว่ยเว่ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างแน่นหนา “ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนคุณชายด้วย ช่วยส่งพวกเราที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวด้านหน้า”
“คุณชายห้าขอรับ ที่แท้พวกเขาก็ไปที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวเหมือนกัน ! ท่านลองถามพวกเขาว่ารู้จักบัณฑิตเจียงหรือไม่…” ฉีเยี่ยนบ่าวรับใช้ของหยวนเจี๋ยรีบกระซิบข้างหูคุณชายเบา ๆ
เจียงโม่หานค่อย ๆ เลิกคิ้ว มาหาข้า ? ตัวข้าในเวลานี้น่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหยวนเจี๋ยใช่หรือไม่ ? ใกล้จะถึงวันปีใหม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฝ่าลมหนาวจากเมืองหลวงขึ้นเหนือมาหาข้าด้วยเรื่องอันใด ?
ทันใดนั้นมุมปากของหยวนเจี๋ยก็ยกยิ้มอย่างอบอุ่นและถามด้วยความเคารพว่า “ไม่ทราบว่าที่ฉือหลี่โกวมีบัณฑิตแซ่เจียงอยู่หรือไม่ คนที่สร้างกังหันวิดน้ำกระดูกมังกรคนนั้น ! ”
หลินเว่ยเว่ยพยายามเอาศีรษะออกจากเสื้อคลุม ดวงตาของนางเบิกกว้างแล้วจับจ้องไปที่หยวนเจี๋ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางกระตุกแขนเสื้อบัณฑิตหนุ่ม “ข้าพูดถูกหรือไม่ ? เขามาหาเจ้าจริงด้วย ! ”
หยวนเจี๋ยคาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญถึงเพียงนี้ พอลองคิดให้ดีแล้วก็เริ่มรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล บุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาและบุคลิกดีถึงเพียงนี้ แม้จะอยู่ในเมืองหลวงก็ยังโดดเด่น แล้วนับประสาอันใดกับหมู่บ้านในหุบเขาที่ห่างไกลผู้คน ? หากไม่ใช่คนตรงหน้านี้แล้วยังจะเป็นใครได้อีก ?
“ที่แท้คุณชายก็คือบัณฑิตเจียง ! ได้ยินชื่อเสียงมานาน เสียมารยาทแล้ว ! ” หยวนเจี๋ยทำมือคารวะ
เจียงโม่หานคารวะกลับ ส่วนหลินเว่ยเว่ยก็พูดพร้อมรอยยิ้ม “ฟังสำเนียงของคุณชายแล้วไม่เหมือนคนภาคเหนือเลย ! ไม่ทราบว่าคุณชายมาจากที่ใด แล้วมาหาบัณฑิตเจียงด้วยเรื่องอันใดหรือ ? ”
หยวนเจี๋ยไม่ได้โกรธที่นางเข้ามาขัดจังหวะ ตรงกันข้ามยังยกยิ้มที่มุมปากอย่างน่าหลงใหลให้ด้วย “ข้าเป็นคนเจียงหนาน ตอนนี้ย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองหลวง บิดาข้าเป็นศิษย์ของท่านผู้อาวุโสเซวีย…”
“อ้อ…” หลินเว่ยเว่ยเผยสีหน้าเข้าใจ
หยวนเจี๋ยถามต่ออย่างมีความสุข “กู่เหนียงรู้จักอาจารย์ปู่ของข้าหรือ ! ”
หลินเว่ยเว่ยกำลังจะบอกว่ารู้จัก แต่ก็รู้สึกว่าแขนเสื้อของตนถูกบัณฑิตน้อยกระตุก ทั้งสองคนหันมาสบตากันแล้วนางจึงเปลี่ยนคำพูดทันที “ผู้ใดจะไม่รู้จักอาวุโสเซวียบ้างเล่า ? นั่นคือปราชญ์ผู้นำแห่งลัทธิขงจื๊อผู้ยิ่งใหญ่ในราชวงศ์ก่อนเชียวนะ ! ลัทธิขงจื๊อมีลูกศิษย์ทั้งหมด 72 คน ผู้อาวุโสเซวียก็เก่งใช้ได้ ภายใต้คำสอนของท่านก็ทำให้ศิษย์กลุ่มนั้นจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 คนสอบผ่านแล้วกลายเป็นขุนนาง บ้านเราก็มีบัณฑิตสองคน แล้วจะไม่รู้จักผู้อาวุโสเซวียได้อย่างไร ? ”
พอหยวนเจี๋ยได้ยินเช่นนี้ก็ผิดหวังทันที เขาหันไปถามเจียงโม่หาน “ได้ยินว่าบัณฑิตเจียงเปิดร้านขายหนังสือที่เขตเริ่นอันใช่หรือไม่ ? ”
เมื่อวานเขารีบเดินทางไปยังเขตเริ่นอันเพื่อสืบหาเบาะแสที่ ‘ห้องหนังสือหยวนถู’ แต่พบว่าร้านปิด ต้องรออีกสิบห้าวันถึงจะเปิดทำการอีกครา เขาจึงมาที่ฉือหลี่โกวเพื่อตามหาเจ้าของร้านอย่างบัณฑิตเจียง
เจียงโม่หานสวมหมวกที่เย็บติดกับเสื้อคลุมให้หลินเว่ยเว่ยพร้อมกำชับนางให้ใส่ดี ๆ จากนั้นก็หันมาถาม “คุณชาย ท่านคิดจะยืนคุยกับพวกเราอยู่ตรงนี้หรือ ? ”
หยวนเจี๋ยจึงตระหนักได้ “ขออภัยด้วย ข้าใจร้อนไปหน่อย ถ้าอย่างนั้น…พวกท่านนั่งรถม้าของข้ากลับฉือหลี่โกวดีหรือไม่ ? ”
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ! ถ้ากลับไปช้ากว่านี้คนที่บ้านคงเป็นห่วงมากแน่ ในขบวนรถด้านหน้าก็มีรถม้าสองคันที่ยังวิ่งได้ ขณะที่พวกเขาเดินมาถึงรถคันที่สามก็พบว่าเพลารถพัง ตัวรถเอียงและอาหารที่ขนมาก็ร่วงลงมากองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
เจียงโม่หานและหลินเว่ยเว่ยจึงขึ้นรถม้าของหยวนเจี๋ย ส่วนหลินจื่อเหยียนถูกเชิญขึ้นรถม้าคันที่สอง เขานั่งรวมกับพ่อบ้านหยางและฉีเยี่ยน
หยวนเจี๋ยมองสำรวจเจียงโม่หาน นับว่าเป็นคนเก่งและท่าทางเหมือนศิษย์ในสำนักจริง ๆ คนผู้นี้ท่าทางจะมีอายุประมาณ 15-16 ปีได้ ถ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ปู่ เช่นนั้นเขาควรจะเรียกอีกฝ่ายว่า ‘อาจารย์อา’
เจียงโม่หานไม่พูดอะไร ส่วนหลินเว่ยเว่ยก็หันไปมองคู่หมั้นหนุ่มแล้วก็มองมาที่หยวนเจี๋ย นางตัดสินใจเลียนแบบท่าทางบัณฑิตน้อย คือทำตัวเท่บ้าง !
เมื่อรถม้าคันข้างหลังรู้เรื่องที่ฉือหลี่โกวโดนพวกกบฏบุกปล้นแล้ว พวกเขาจึงสนทนากันอย่างดุเดือด มือไม้ก็วาดลวดลายไปด้วย ฉีเยี่ยนแสร้งถาม “คุณชายหลินเคยพบผู้อาวุโสเซวียหรือไม่ ? ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นปราชญ์ผู้นำแห่งลัทธิขงจื๊อของราชวงศ์ก่อนน่ะขอรับ ? ”
หลินจื่อเหยียนส่ายหน้า “ผู้อาวุโสเซวียไม่ได้หายตัวไปในสงครามเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรอกหรือ ? ไม่ได้ข่าวของท่านมาหลายปีแล้ว ข้าจะพบท่านได้อย่างไร ? แต่…ข้าเคยเห็นสมุดบันทึกของผู้อาวุโสเซวีย มันมีประโยชน์มาก”
“บันทึกของผู้อาวุโสเซวีย ? เป็นสมุดบันทึกของแท้หรือไม่ขอรับ ? ” หลังตื่นจากความสิ้นหวังแล้วฉีเยี่ยนก็รีบถามต่อทันที นายท่านและคุณชายเคยบอกว่าตอนที่ผู้อาวุโสเซวียออกจากเจียงหนานก็ได้นำสมุดบันทึกต่าง ๆ มาด้วยทั้งหมด การเจอสมุดบันทึกของผู้อาวุโสก็เป็นเบาะแสที่สำคัญเช่นกัน !
หลินจื่อเหยียนโบกมือ “ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ ศิษย์พี่เจียงเอามาให้ดูและยังให้ข้าเขียนบทความอธิบายความรู้ที่ได้จากสมุดบันทึกด้วย ! ”
ฉีเยี่ยนสิ้นหวังทันที เหตุใดเจ้าหนุ่มคนนี้ถึงไม่รู้อะไรเลย ? เปลืองน้ำลายมาตั้งเยอะ ดูท่าต้องฝากความหวังไว้ที่ตัวบัณฑิตเจียงคนนั้นแล้ว คุณชายห้า ต้องรอดูฝีมือของท่านแล้วขอรับ !
บรรยากาศของรถคันหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย หลินเว่ยเว่ยหยิบห่อกระดาษน้ำมันออกมาจากกระเป๋าซึ่งด้านในเป็นเนื้อกระต่ายผัดห้าเครื่องเทศและเนื้อหมูป่าแผ่น นางยื่นให้เจียงโม่หานหนึ่งชิ้น ก่อนจะเงยหน้ามองหยวนเจี๋ย “คุณชายจะรับหน่อยหรือไม่ ? ”
จนถึงตอนนี้หยวนเจี๋ยเพิ่งตระหนักได้ว่าลืมแนะนำตัว ช่างเสียมารยาทเหลือเกิน เขาจึงรีบพูดว่า “ข้าแซ่หยวนมีนามว่าเจี๋ย มาจากเมืองหลวง…รู้จักกับคุณชายรองตระกูลลู่”
“ที่แท้คุณชายหยวนก็เป็นสหายกับคุณชายลู่ ! ข้าก็คิดอยู่ว่าท่านเกิดที่เจียงหนาน มาเติบโตในเมืองหลวง แล้วเหตุใดจึงรู้จักฉือหลี่โกวของพวกเราได้ คงจะรู้มาจากปากคุณชายลู่ใช่หรือไม่ ? ” น้ำเสียงของหลินเว่ยเว่ยเป็นมิตรกว่าเดิมทันที