หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 365 บัณฑิตเจียงผู้แสนดีของเสี่ยวเว่ย
ตอนที่ 365 บัณฑิตเจียงผู้แสนดีของเสี่ยวเว่ย
“น้าเฝิง ข้าได้ยินที่ท่านพูดนะ ท่านนินทาข้า ! ” หลินเว่ยเว่ยยกแผ่นแป้งและไส้ที่ทำเสร็จแล้วเข้ามา นางประท้วงด้วยความไม่พอใจ “ข้าเป็นคนหยาบกระด้างชอบใช้กำลังแบบนั้นที่ไหนเล่า ข้าเป็นคนชอบใช้เหตุผลไม่ใช่หรือ ? ”
“ใช่ ใช่ ! เสี่ยวเว่ยของเราเป็นคนมีเหตุผลที่สุดแล้ว ! ” นางเฝิงลงไพ่สองใบสุดท้าย “ชนะ ! จ่ายมา ! ”
หลินเว่ยเว่ยเม้มปาก “พวกท่านอย่าหัวเราะกันเชียว ข้าเป็นคนใช้คุณธรรมต่อผู้อื่นตลอด ! มีแค่พวกที่คุยด้วยเหตุผลไม่ได้เท่านั้น ข้าจึงจะใช้กำปั้น ! พี่ใหญ่ ถ้าหนอนหนังสือกล้ารังแกเจ้าเมื่อใด ข้าจะช่วยทุบเขาแทนเจ้าเอง ! ”
ราวกับพี่สาวคนโตได้เห็นภาพเผิงหยูเหยี่ยนจมูกช้ำ ขอบตาเขียว แขนขาหัก ต้องนอนติดเตียงอย่างน่าอนาถ อา…เหตุใดนางจึงคิดเช่นนี้ ? ขอเพียงนางน้องรองไม่รังแกเจ้าหนอนหนังสือนั่นก็ดีเกินทน !
หลินเว่ยเว่ยพูดกับเจียงโม่หานว่า “ใครจะรีดแผ่นแป้งและใครห่อ ? ”
เจียงโม่หานคิดในใจว่าเมื่อครึ่งปีก่อนเขายังเป็นโฉวฝู่ที่เลือดเย็นและไม่ต้องลงมือทำสิ่งใดเอง แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงบัณฑิตที่โดนคู่หมั้นบังคับเรียนศาสตร์ด้านอาหารต่าง ๆ อย่างเช่น นวดแป้ง ห่อซาลาเปาไส้ถั่ว ทำเกี๊ยว…จนเขาแทบจะกลายเป็นพ่อครัวอยู่แล้ว
“ข้ารีดแผ่นแป้ง ! ” เจียงโม่หานคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นด้านรูปลักษณ์หรือความเร็วในการห่อก็สู้เด็กตัวแสบไม่ได้ เขาจึงเลือกรีดแผ่นแป้งที่ง่ายกว่าหน่อย ทว่า…เหตุใดแม้แต่งานรีดแผ่นแป้ง เขาก็ยังทำไม่เร็วเท่านางที่กำลังห่อเกี๊ยว ?
“ไม่ต้องรีบ พอทำไปนาน ๆ ก็คล่องขึ้นเอง ! ” หลินเว่ยเว่ยปลอบเขา “เหมือนตอนที่เจ้าเป็นเจ้าของที่นาใหม่ ๆ นั่นแหละ ชนะน้อยครั้ง แต่พอเข้าใจกฎแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายชนะติดต่อกัน ! ”
ฮ่าฮ่า ! หน้าอมทุกข์ของบัณฑิตน้อยเหมือนกำลังต่อสู้อยู่กับแป้งเกี๊ยวไม่มีผิด น่าขำเหลือเกิน ! แต่ก็ดูน่ารักไม่หยอก !
“มีสิ่งใดน่าขำ ? ” คำพูดนี้แทบถูกพ่นออกมาจากไรฟันของเจียงโม่หาน
หลินเว่ยเว่ยรีบส่ายหน้าเหมือนปอล่างกู่ ( กลองป๋องแป๋ง ) “ไม่น่าขำ ! ผู้ชายที่ตั้งใจทำงานดูหล่อจะตาย ! ” จะหัวเราะต่อไปไม่ได้ ประเดี๋ยวบัณฑิตน้อยผู้หยิ่งยโสจะโมโห !
เมื่อนางเฝิงได้ยินบทสนทนาของทั้งสองแล้ว ตะเกียงไฟในสมองก็สว่างวาบขึ้นทันที ว่าที่สามีภรรยาคู่นี้ อีกคนรีดแผ่นแป้ง อีกคนห่อเกี๊ยว คนหนึ่งขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ย ส่วนอีกคนยิ้มมุมปากดวงตาเป็นประกาย…นางใช้ไหล่ชนเข้ากับไหล่ของนางหวง “ท่านดูสิ ! เหมาะสมกันจะตาย ! ”
นางหวงจึงหันไปมอง นางเข้าใจมาโดยตลอดว่าบุตรสาวคนรองกับบัณฑิตเจียงเข้าตำราคางคกหมายจะกินเนื้อห่านฟ้า นางจึงกังวลมาโดยตลอด ‘ด้วยรูปร่างหน้าตาของบัณฑิตเจียง หากวันหน้ากลายเป็นจู่เหริน ( ผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกในระดับมณฑล ) เสี่ยวเว่ยของนางที่เป็นเด็กสาวบ้านนอกคนหนึ่ง ประพันธ์บทกวีไม่เป็น วาดภาพไม่ได้ เล่นหมากล้อมก็ไม่เอาไหน หรือแม้แต่เครื่องดนตรีก็ไม่เคยแตะ จะถูกบัณฑิตเจียงรังเกียจหรือไม่ ? เขาจะรู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นมาสู่ขอหรือเปล่า ? ’
และยังกังวลว่าบุตรสาวของตนจะปรับตัวเข้ากับบัณฑิตเจียงไม่ได้ หรือว่าจะใส่ใจมากเกินไปจนเขาเกิดความอึดอัดขึ้นมา ?
บัดนี้ จากการพูดคุยของเด็กทั้งสอง เหมือนว่าบัณฑิตเจียงจะยอมตามใจเสี่ยวเว่ย บุรุษอยู่ไกลครัว แต่เจ้ารองกลับเรียกบัณฑิตเจียงไปทำซาลาเปาไส้ถั่วและห่อเกี๊ยว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าบัณฑิตเจียงไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็ยอมเรียนรู้โดยไม่ปริปากบ่นสักคำ
ตอนที่แขนของเสี่ยวเว่ยยังไม่หายดีก็มีความคิดอยากลุกขึ้นมาทำของแปลก ๆ บัณฑิตเจียงก็เดินตามเข้าครัวและตอนที่ให้เขาช่วย เขาก็ไม่เคยปฏิเสธ…เรื่องทั้งหมดที่นางกังวล ไม่เคยเกิดขึ้นเลยและหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นตลอดไป…
เนื่องจากกินอาหารส่งท้ายปีเก่าจนอิ่มหนำสำราญ เกี๊ยวจึงไม่จำเป็นต้องห่อให้มาก กินคนละถ้วยเล็ก ๆ ก็พอแล้ว ว่าที่สามีภรรยาคู่นี้ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงห่อเกี๊ยวเสร็จเร็วมาก
เมื่อยามเที่ยงคืนมาถึง เสียงประทัดจากข้างนอกก็เริ่มดังขึ้น เมื่อเจ้าหนูน้อยได้ยินก็สติหลุดจากการเล่นอู๋จื่อฉี “ว้าว ! ถึงวันปีใหม่เร็วขนาดนี้เลยหรือ ! ”
คนอื่นก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ราวกับช่วงเวลาของคืนส่งท้ายปีเก่าผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ปีใหม่ก็มาเยือนแล้ว เมื่อก่อนตอนรอข้ามปี รอให้ถึงช่วงเที่ยงคืนนั้นเห็นได้ชัดว่าเวลาผ่านไปช้ามาก พวกเด็ก ๆ พากันผล็อยหลับเป็นแถว ส่วนนางหวงก็ต้องฝืนลืมตาเอาไว้…
ปีนี้มีเกมสนุก ๆ ถึงสองเกม ทำให้เวลาล่วงเลยไปแบบไม่ทันรู้ตัว รู้สึกเหมือนเพิ่งเล่นได้ไม่นานก็ข้ามปีแล้ว !
หลินจื่อเหยียนพาน้องสี่และเสี่ยวร่างออกมาจุดประทัดในลานบ้าน พี่สาวคนโตเข้าครัวต้มเกี๊ยว ทุกคนได้กินเกี๊ยวห่อน้ำตาลเพื่อบ่งบอกว่าปีใหม่นี้ชีวิตจะเต็มไปด้วยความหอมหวาน
เดิมทีหลินเว่ยเว่ยอยากจะห่อไส้เหรียญอีแปะลงไปด้วย ทว่าในบ้านมีเด็กอยู่สองคน นางจึงกลัวว่าพวกเขาจะไม่ทันระวังแล้วเผลอกลืนเหรียญลงไปติดคอ นางจึงเปลี่ยนเป็นไส้ถั่วตัดแทน ระหว่างห่อเกี๊ยวหวาน นางก็ทำสัญลักษณ์เอาไว้ ในถ้วยของแต่ละคนจึงมีอย่างน้อยหนึ่งตัว พอเจอเกี๊ยวไส้ถั่วตัดแต่ละคนก็ประหลาดใจ ทำให้บรรยากาศในคืนนี้ถูกยกระดับขึ้นไปอีก !
นางหวงและนางเฝิงมอบอั่งเปาให้พวกเด็ก ๆ…ทั้งสองสั่งให้คนหลอมเงินเป็นเงินตำลึงไว้นานแล้ว แต่ละคนได้รับเท่ากันคือสองตำลึง
เสี่ยวร่างจ้องกระเป๋าเงินใบน้อยในมือของตน ด้านในใส่เงินสองตำลึงไว้จึงมีน้ำหนักพอตัว เขาพูดตะกุกตะกักว่า “บ่าว…บ่าวก็ได้หรือขอรับ ? ”
“ได้สิ ! ได้ทุกคน ! ” หลินเว่ยเว่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “เก็บไว้ให้ดี เอาไว้สู่ขอเจ้าสาวในอนาคต ! ”
เจ้าหนูน้อยหัวเราะพลางกลิ้งตัวไปมาบนเตียงเตา “สู่ขอเจ้าสาว ! เสี่ยวร่างจะสู่ขอเจ้าสาวแล้ว ! เสี่ยวร่าง เจ้าต้องเก็บเงินไว้ให้ดี ถ้าทำหายแล้วก็จะสู่ขอไม่ได้ เจ้าจะต้องอยู่ตัวคนเดียว รู้หรือไม่ ! ”
เสี่ยวร่างหน้าแดงพลางพูดด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน “บะ…บ่าวไม่เคยมีเงินมาก่อน ถ้าเก็บไว้กับตัวก็คงนอนไม่หลับ ! ถ้าอย่างไร…นายน้อยช่วยเก็บไว้ให้บ่าวหน่อยได้หรือไม่ขอรับ ? ”
หลังได้ยินแบบนั้นเจ้าหนูน้อยก็ทุบหน้าอกตัวเองแล้วพูดด้วยท่าทางทรงคุณธรรม “ได้ ! ข้าจะดูแลเงินของเจ้าให้เอง ต้องเก็บให้เจ้าอย่างดีแน่นอน ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าไร้คู่ครองเด็ดขาด ! ”
เจ้าหนูน้อยรับกระเป๋าใบเล็กมาจากอีกฝ่ายแล้วเอามารวมกับของตน จากนั้นก็เอาไปซ่อนไว้ในกระปุกออมเงิน ในนั้นมีเงินจากการขายเนื้อกระต่ายและหนังกระต่ายอยู่หลายตำลึงเชียวล่ะ ตัวเขาก็แทบจะยกมันไม่ไหวแล้ว !
ต่อจากนั้นเขาก็หยิบสมุดบัญชีส่วนตัวออกมา ใช้พู่กันขนห่านเขียนวันเดือนปีลงไป เงินเก็บจากอั่งเปา 2 ตำลึงของตนและเสี่ยวร่างฝากเก็บเงินอั่งเปาไว้อีก 2 ตำลึง
หลินเว่ยเว่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม “น้องสี่ นับดูสิว่าเจ้ามีเงินเท่าไหร่แล้ว ? อยากให้พี่รองเอาไปแลกเป็นตั๋วเงินหรือเปล่า ? ”
เจ้าหนูน้อยเขย่ากระปุกออมเงินแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “นับเงินตอนต้นปี เงินจะบินออกไป ! กระปุกของข้ายังไม่เต็ม รอให้ยัดไม่ได้แล้วข้าจะให้พี่รองเอาไปแลกเป็นตั๋วเงิน”
หลินจื่อเหยียนแกล้งหยอก “เจ้าหนูน้อยของพวกเราเก่งจริง ๆ ! นอกจากท่านแม่ของเราแล้ว คนที่มีเงินเยอะที่สุดในบ้านก็คงเป็นเจ้ากระมัง ? ”
เจ้าหนูน้อยยิ้มจนแทบไม่เห็นลูกตา “ไม่ใช่ ! พี่รองมีเงินเยอะกว่าข้า วันนั้นที่นางนับเงิน ข้าเห็นกับตา ! หนาขนาดนี้…เชียวล่ะ ! ” เขาทำมือประกอบคำอธิบาย
หลินจื่อเหยียนยังหันไปมองทางพี่รอง “ดีจริง ! ท่านแม่ขอรับ มีใครบางคนแอบเก็บเงินไว้ใช้ส่วนตัว ! พฤติกรรมไม่เหมาะสมเช่นนี้จะต้องโดนกำราบ ! ”
นางหวงตีเขาพร้อมหัวเราะ “เงินส่วนตัวอะไรกัน ? นั่นคือเงินปันผลที่ร้านค้าตระกูลหนิงมอบให้พี่รองของเจ้า ! เงินที่เจ้าหนูน้อยหาได้ เขาก็เก็บออมมาโดยตลอด แล้วเหตุใดพี่รองของเจ้าจะเก็บไว้เองไม่ได้ ? เงินที่พี่ใหญ่ได้จากการทอผ้า นางก็ไม่ได้เก็บไว้เองหรือ ? ”