หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 371 มุมมองด้านความงามต้องเปลี่ยนไปเพราะเด็กตัวแสบ
- Home
- หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง
- ตอนที่ 371 มุมมองด้านความงามต้องเปลี่ยนไปเพราะเด็กตัวแสบ
ตอนที่ 371 มุมมองด้านความงามต้องเปลี่ยนไปเพราะเด็กตัวแสบ
อื้ม! พอใช้ได้ ดักแด้ทอดกรอบและหอม ไม่น่าขยะแขยงอย่างที่หลินเว่ยเว่ยคิดไว้
ทว่านางก็ฝืนกินมันแค่ตัวเดียวเท่านั้น พอปลากระรอกทอดยกขึ้นโต๊ะ นางก็เริ่มสนใจแต่อาหารจานนี้ ไก่ป่าตุ๋นใส่เห็ดไม่อร่อยหรือ ? ซี่โครงน้ำแดงไม่น่ากินหรือ ? เหตุใดต้องไร้ตัวเลือกจนมากินเจ้าหนอนดักแด้นี่ด้วย ? พอนึกถึงหนอนตัวอ้วน ๆ เนื้อแน่น…อี๋ นางต้องกินปลากระรอกเนื้อหวานเพื่อปลอบใจหน่อย !
“อิ่มจัง…” หลินเว่ยเว่ยเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านและไม่สมเป็นกุลสตรี
หนิงตงเซิ่งหันไปมองเจียงโม่หานเพราะแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่มีความเห็นต่อพฤติกรรมอันไม่เป็นกุลสตรีของหลินกู่เหนียง เพราะในสายตาของตนเห็นว่าบัณฑิตเจียงมีความสง่างามอยู่พอสมควร สำหรับท่านั่งที่ไม่ค่อยเหมาะสมเช่นนี้ อีกฝ่ายสมควรจะไม่ชอบใจสิ
เจียงโม่หาน “…” มองข้าทำไม ? เด็กน้อยของข้ากำลังวางตัวแบบเปิดเผยและใจกว้าง ไม่ยึดติดกับขนบธรรมเนียมเล็กน้อย มุมมองด้านความงามของเขาในเวลานี้ได้ถูกเด็กตัวแสบเปลี่ยนจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว !
เฮอะ ! ตอนยังไม่ชอบก็บอกไร้มารยาทหยาบคาย พอชอบแล้วก็บอกเปิดเผยใจกว้าง เจ้ามันคนสองมาตรฐาน !
ประตูห้องอาหารถูกเปิดออก ปรากฏหุ้นส่วนคนที่สองของหยวนเค่อหลายเดินเข้ามาพร้อมใบหน้าเปี่ยมยิ้มแสนอบอุ่น “หลินกู่เหนียงพอใจกับอาหารมื้อนี้หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงจู้จี้จุกจิก “นอกจากปลากระรอกยังทอดไม่ได้ที่สักเท่าไร อาหารจานอื่นก็ดีหมด ! ”
รอยยิ้มบนใบหน้านายท่านรองดูชัดขึ้นมาทันที ‘ปลากระรอกทอด’ ตอนนี้ได้ไต่อันดับไปติดอยู่บนป้ายอาหารจานยอดนิยมแล้ว เพราะอำเภอเป่าชิงประสบภัยแล้งจึงหาซื้อปลาในตลาดได้น้อยมาก ในแต่ละวันเขาต้องออกเดินทางตั้งแต่กลางดึกเพื่อไปรอชาวประมงที่แม่น้ำซงเจียงซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้แล้วรีบใช้รถม้าขนกลับมา
ไม่ว่าจะซื้อปลามาได้กี่ตัว ร้านก็ขายหมดทุกวัน ปลากระรอกทอดบนโต๊ะอาหารของพวกนางยังเป็นอาหารที่คุณชายหนิงสั่งจองไว้ล่วงหน้าอีกด้วย! เงินค่าซื้อสูตรอาหาร 500 ตำลึง ผ่านไปไม่ถึงเดือนก็สามารถคืนทุนได้แล้ว
อะ…อาหารชนิดอื่นที่หลินกู่เหนียงให้มาล้วนติดอันดับอาหารยอดนิยมของร้าน มีลูกค้าจากต่างถิ่นจำนวนไม่น้อยที่มาเพราะพวกมัน ! และก็เป็นเพราะอาหารไม่กี่อย่างนี้จึงทำหยวนเค่อหลายสามารถยืดหยัดอยู่ในอำเภอเป่าชิงได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าผู้ใดก็มาทำให้สั่นคลอนไม่ได้ !
“นาน ๆ ทีหลินกู่เหนียงจะเข้ามาในตัวอำเภอ มื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง ! ” นายท่านรองทุบอกขณะพูด
หนิงตงเซิ่งตาโตทันที “นายท่านรอง ท่านจะพูดแบบนี้ไม่ได้ ข้าบอกกับพวกหลินกู่เหนียงไปแล้วว่ามื้อนี้ข้าเป็นเจ้ามือเลี้ยงต้อนรับและอวยพรให้บัณฑิตทั้งสองประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้น ท่านจะมาแย่งหน้าที่ข้าได้อย่างไร ? ”
นายท่านรองตบบ่าอีกฝ่าย “น้องชาย เจ้าสนิทกับหลินกู่เหนียงขนาดนี้ จะเลี้ยงนางเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นมื้อนี้ก็ให้พี่ชายเป็นคนเลี้ยงเถิด ! ”
หลินเว่ยเว่ยเลิกคิ้ว…ข้ออ้างชัด ๆ คงมีแผนบางอย่างสิท่า !
นางหันไปมองหุ้นส่วนคนที่สองของร้านด้วยรอยยิ้ม “โดนติดสินบนแล้วย่อมใจอ่อน ว่ามาเถิด อยากจะได้อาหารชนิดไหนจากข้าอีก ? ” นางชี้ไปที่ศีรษะตัวเอง
นายท่านรองโดนจับไต๋ได้จึงเริ่มเขินอาย เขาคลี่ยิ้มขณะพูด “ไอหยา ! ตอนนี้จะทำการค้าไม่ใช่เรื่องง่าย…หากหลินกู่เหนียงสามารถช่วยข้าได้สักหน่อย ข้าจะรู้สึกขอบคุณมากเลย ! ส่วนราคาค่าสูตรอาหาร เรายังตกลงกันได้ ! ”
ตอนนี้หลินเว่ยเว่ยมีเงินใช้ไม่ขาดมือ จะขายสูตรอาหารหรือไม่ สำหรับนางแล้วไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด นางจึงทำเพียงหัวเราะเท่านั้น !
นายท่านรองรู้ว่าหากจะทำให้บรรลุเป้าหมายก็ห้ามกลัวการลงทุน เขากัดฟันพลางพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “ข้ามีร้านอยู่ที่อำเภอฝูอันอีกสองร้าน ล้วนตั้งอยู่บนถนนซินอัน หากปล่อยเช่าปีหนึ่งจะมีรายได้กว่า 400 ตำลึง แลกกับ…สูตรอาหารของกู่เหนียงหกสูตร ท่านคิดว่าอย่างไร ? ”
เมื่อเผิงเจียเหลียงที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้เพราะความอิ่มได้ยินว่าร้านอยู่ที่ถนนซินอันแล้ว เขาก็รีบกลับมานั่งตัวตรง หลินเว่ยเว่ยไม่คุ้นเคยกับอำเภอฝูอัน แต่เขาคุ้นชินกับมันมาก เพราะสกุลเผิงมีร้านอยู่ที่อำเภอฝูอันหลายร้าน
ในอำเภอฝูอันแห่งนั้น สกุลเผิงก็ถือว่าพอมีฐานอำนาจอยู่บ้าง แต่ร้านที่ถนนซินอันกลับหาซื้อไม่ได้สักร้านเดียว อำเภอฝูอันใหญ่กว่าอำเภอเป่าชิงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ถนนหลักก็มีเพียงสามสาย แต่ถนนสายที่รุ่งเรืองที่สุด คึกคักที่สุดยังคงเป็นถนนซินอัน
ความนิยมของร้านค้าบริเวณนั้น คนนอกไม่มีทางคาดถึง ไม่คิดเลยว่านายท่านรองของหยวนเค่อหลายแห่งนี้จะใจกล้าเหลือเกิน นำสองร้านมาแลกกับสูตรอาหารของหลินกู่เหนียง…ทว่าอาหารที่พี่น้องสกุลหลินทำก็อร่อยจริง ๆ นั่นแหละ
หลังได้กินแล้วสมองที่เก่งในการค้าขายของเผิงเจียเหลียงก็มีความคิดผุดขึ้นมาทันที…หากเปิดร้านอาหารโดยมีอาหารเหล่านี้อยู่ มันก็สามารถกลายเป็นจานแนะนำของร้านได้เลย นายท่านรองคนนี้มีความคิดด้านการค้าคล้ายกับตน แต่นายท่านรองใจกล้ากว่ามาก เนื่องจากเพื่อสูตรอาหารแล้วถึงขั้นเทหมดหน้าตัก !
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเผิงเจียเหลียง…ร้านที่ถนนซินอันสามารถปล่อยเช่าได้เงินปีละประมาณ 400 ตำลึงจริงหรือ ?
เผิงเจียเหลียงออกแรงพยักหน้า…แลกเลย ! ค่าเช่าร้านที่ถนนซินอันมีแต่จะขึ้นกับขึ้น ! ไม่ว่าปล่อยเช่าหรือเอามาเปิดร้านของตัวเองก็คุ้ม !
“ตกลง ! ” จากท่าทางของเผิงเจียเหลียงและว่าที่พี่เขยแล้ว หลินเว่ยเว่ยเห็นว่าการค้าขายครั้งนี้ไม่ขาดทุน นางจึงตบโต๊ะตกลงในทันที !
สูตรอาหารที่นางขายให้หยวนเค่อหลายในคราวนี้ แบ่งออกเป็น ไก่ย่าง, ไก่ต้มสับ, หมูแดงอบน้ำผึ้ง, หมูนึ่งข้าวคั่ว, หมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวานและข้าวอบหม้อดิน อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารกวางตุ้ง ถือว่าเป็นอาหารแปลกใหม่สำหรับภาคเหนือ !
หลินจื่อเหยียนไม่ค่อยพอใจ “พี่รอง ท่านไม่เคยทำอาหารเหล่านี้ให้เรากินสักจาน ! ”
หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่เขา “อาหารเหล่านี้ต้องเสียแรงและเสียเวลามาก ข้างานยุ่งทุกวัน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปจดจ่ออยู่กับการทำอาหารให้เจ้า ? ”
นายท่านรองนำโฉนดของร้านทั้งสองแห่งที่อำเภอฝูอันออกมายื่นให้ด้วยสองมือ คนหนึ่งรับสูตรอาหาร อีกคนรับโฉนดร้าน ถือว่าจ่ายแล้วทั้งคู่ !
เขากวาดตามองสูตรอาหารด้วยความตั้งใจรอบหนึ่ง ก่อนจะใช้แววตาเว้าวอนมองมาที่หลินเว่ยเว่ย “หลินกู่เหนียง วันนี้ท่านนั่งรถม้ามานานมาก คงจะเหนื่อยมากแล้ว วันหน้าหากมีเวลาก็ได้โปรดเข้ามาสาธิตการทำอาหารเหล่านี้ให้พวกเราดูด้วยเถิด ข้ากลัวว่าพ่อครัวหลังร้านจะโง่เขลา…”
“ข้าเข้าใจความหมายของท่าน ! พรุ่งนี้ครัวหลังร้านของพวกท่านน่าจะยังไม่ยุ่งมาก ข้าจะเข้ามาสาธิตการทำอาหารเหล่านี้ให้พวกท่านดูหนึ่งรอบ หากนายท่านรองชิมแล้วไม่พอใจก็สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ ! ” จะซื้อขายอะไรก็ต้องตรวจสอบก่อน ได้ร้านดี ๆ มาจากเขาถึงสองร้าน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้เขาพอใจกับรสชาติอาหาร จริงหรือเปล่า ?
นายท่านรองยิ้มอย่างพอใจ…ทำการค้ากับคนที่เข้าใจก็จะมีแต่ความสบายใจ !
หลินเว่ยเว่ยพูดกับหลินจื่อเหยียนและเผิงหยูเหยี่ยน “พรุ่งนี้พวกเจ้าไปดูที่สนามสอบกันก่อน ทำความคุ้นเคยกับสถานที่เข้าไว้ พอเที่ยงวันก็มากินข้าวที่หยวนเค่อหลาย หลินจื่อเหยียน เจ้าเพิ่งบ่นว่าพี่สาวไม่ทำอาหารเหล่านี้ให้กิน พรุ่งนี้จะให้พวกเจ้าได้กินฝีมือที่แท้จริงของพี่รอง ! ”
เผิงหยูเหยี่ยน “…” เจ้าเป็นพี่สาวใคร ? ข้าเป็นสามีของพี่สาวเจ้า ! ช่างเถิด น้องภรรยากับคู่หมั้นของเขามีอายุห่างกันแค่ปีเดียว และนางก็เหมือนไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพี่สาวมาก่อน !
เผิงเจียเหลียงมีดวงตาเป็นประกายทันที แค่ชื่ออาหารไม่กี่อย่าง พอได้ฟังก็น่ากินแล้ว ! พี่ พี่สาวแท้ ๆ ของข้า ! ท่านอยากได้น้องชายเพิ่มอีกหรือไม่ ?
บ้านตระกูลเผิงมีกรรมพันธุ์ของนักกินตลอดสามชั่วอายุคนมานี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงท่านปู่เผิงหรอก แค่หนอนหนังสืออย่างเผิงหยูเหยี่ยน แค่ได้กินของอร่อยก็ถึงกับแต่งภรรยาเข้าบ้าน ส่วนเจ้าเผิงเจียเหลียงก็ช่างหน้าไม่อาย เห็นอยู่ว่าแก่กว่าหลินเว่ยเว่ยถึงห้าหกปี แต่อยากมาเป็นน้องชายของนาง เฮอะ ! ไม่มีใครกล้าไปกว่านี้อีกแล้ว !