หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 377 หาเรื่องใส่ตัวนั้นง่ายนิดเดียว
ตอนที่ 377 หาเรื่องใส่ตัวนั้นง่ายนิดเดียว
เจียงโม่หานชำเลืองมองอีกฝ่าย “อีกสองวันก็ต้องสอบสนามแรกแล้ว เจ้ายังอยากดื่มสุราอีกหรือ ? ”
เผิงหยูเหยี่ยนรีบพยักหน้ารับแล้วพูดสนับสนุนเมิ่งจิ่งหง “ถูกต้อง ! ดื่มสุราเพื่อคลายเครียด ! ”
หลิ่วจงเทียนจึงหันไปพูดกับเจียงโม่หานบ้าง “สหายเจียง ข้ายังไม่เข้าใจเนื้อหาอีกหลายจุด ช่วงสองวันนี้ข้าสามารถไปบ้านเช่าของเจ้าเพื่อขอคำชี้แนะได้หรือไม่ ? ”
ดวงตาของเมิ่งจิ่งหงเป็นประกายขึ้นมาทันใด จริงด้วย ! เขาสามารถใช้ข้ออ้างเรื่องการขอคำชี้แนะไปเยือนบ้านเช่าของสหายเจียงแล้วพอถึงเวลาอาหาร เจ้าบ้านก็คงไม่ไล่แขกกลับหรอก จริงหรือไม่ ?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงหันไปส่งสายตาสื่อความหมายว่า ‘เจ้าเล่ห์ไม่เบา ! ’ ให้หลิ่วจงเทียน นอกจากนี้ยังพูดอย่างไม่ยอมเสียเปรียบว่า “ข้าด้วย ข้าจะไปขอคำชี้แนะด้วย ! ”
หลังกลับจากหยวนเค่อหลายถึงบ้านเช่า หลินเว่ยเว่ยก็ขอปลีกตัวเข้าห้องเพื่อนอนกลางวัน ในขณะที่เหล่าบัณฑิตได้จับกลุ่มศึกษาตำราและขอคำชี้แนะซึ่งกันและกัน
หลังจากที่นั่งศึกษาตำราด้วยกันได้สักพัก เมิ่งจิ่งหงและหลิ่วจงเทียนก็สังเกตเห็นความแตกต่างได้ทันที ! พวกเขาพบว่าเผิงหยูเหยี่ยนที่ในอดีตรู้จักแต่การเรียนหนักทว่าความรู้ไม่ได้แตกต่างจากพวกตนเท่าไรนัก ในยามนี้ทั้งสองสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าหนอนหนังสือเผิงก้าวหน้าไปมาก ทั้งยังมีแนวโน้มจะนำหน้าพวกตนอีกเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของทฤษฎีเชิงกลยุทธ์ที่ทำเอาพวกเขาอดรู้สึกประหม่าไม่ได้
ไอหยา ! มีน้องเขยดีก็สำคัญถึงเพียงนี้เอง ! โดยเฉพาะน้องเขยที่ยินดีเพิ่มเติมความรู้ให้ อาจกล่าวได้ว่าสามารถเปลี่ยนชีวิตคนหนึ่งไปเลย ! เมื่อก่อนพวกเขายังชอบนินทาเจ้าหนอนหนังสือเพื่อเป็นเรื่องตลกหลังมื้ออาหาร ทว่าในตอนนี้ดูเหมือนคนที่โง่กว่าจะไม่ใช่เจ้าหนอนหนังสือเผิงเสียแล้วสิ !
เหตุใดตอนแรกพวกเขาจึงไม่ทุ่มสุดตัว ? สมมติว่าเจ้าหนอนหนังสือมีชื่อติดอันดับ แต่พวกตนไม่ผ่านการคัดเลือกขึ้นมา…
เมิ่งจิ่งหงและหลิ่วจงเทียนคิดได้เช่นนั้นก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งกาย…เช่นนี้พวกเราจะมีหน้าไปพบท่านพ่อท่านแม่ได้อย่างไร !
วันต่อมา เมิ่งจิ่งหง หลิ่วจงเทียนและหยางยี่หรานที่โดนลูกพี่ลูกน้องลากมาด้วยกันก็มาเยือนถึงบ้านเช่าของเจียงโม่หานชนิดตรงต่อเวลายิ่งกว่าตอนไปเรียนที่สำนักศึกษาเสียอีก นอกจากนี้พวกเขายังกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ตอนเช้าพวกเขามาตั้งแต่ยังไม่ทันจะฟ้าสาง พอตกเย็นก็รอจนแสงจันทร์ส่องไปทั่วท้องฟ้าถึงได้ยอมกลับโรงเตี๊ยม ทำเอาหลินจื่อเหยียนและเผิงหยูเหยี่ยนที่เดิมทีอยากเตรียมตัวสอบอย่างสบายยังพลอยประหม่าจนเกิดแรงกระตุ้นให้ตั้งใจศึกษาตำราไปกับเขาด้วย
เจียงโม่หานเห็นเช่นนั้นจึงกวดขันให้ทั้งห้าคนอย่างตรงจุด ทำให้เมิ่งจิ่งหงและคนอื่นรู้สึกว่าช่วงสองวันที่ขอให้เจียงโม่หานชี้แนะให้นั้นยังมีประโยชน์กว่าตอนที่ศึกษาตำราอยู่บ้านนานครึ่งปีเสียอีก !
ทั้งสามทำหน้าประจบพลางเดินดาหน้าเอาเงินยื่นให้หลินเว่ยเว่ยคนละ 5 ตำลึงเพื่อขอกินอาหารระหว่างศึกษาตำราอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะเมิ่งจิ่งหงที่ทำสีหน้าน่าสงสารสุดโต่ง เขาชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมว่าหากกินอาหารไม่ดีก็จะส่งผลเสียต่อความสามารถในการสอบ เพราะปีที่แล้วเขาไม่ผ่านคัดเลือกไปหนหนึ่ง หากปีนี้ยังไม่ผ่านคัดเลือกอีกก็มีหวังว่าท่านพ่อได้หักขาเขาแน่ อาจขับไล่เขาออกจากตระกูลไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ที่พูดมาทั้งหมดนั้นล้วนบรรยายถึงความน่าสงสารของตน !
หลินเว่ยเว่ยมีท่าทีเหมือนจะรับก็ไม่รับ เหมือนจะไม่รับก็ไม่ใช่เสียทีเดียว สุดท้ายนางรับเงินจากพวกเขาทุกคนแล้วทำอาหารให้กินโดยไม่ซ้ำชนิดกันในแต่ละวัน ทำให้พวกเมิ่งจิ่งหงรู้สึกราวกับว่าช่วงนี้ได้กินอิ่มหนำสำราญดั่งเทพเซียน…แน่นอนว่าหากไม่ต้องสอบก็คงจะยอดเยี่ยมกว่านี้ !
ก่อนวันสอบเซี่ยนซื่อหนึ่งวัน เมิ่งจิ่งหงได้ลากบัณฑิตทั้งห้าคนที่จะเข้าร่วมการทดสอบมาจับกลุ่มซุบซิบกันตั้งแต่เช้าตรู่ “พวกเจ้าได้ข่าวมาหรือไม่ ? เจ้าอู๋ปัวผู้นั้นบอกว่าพี่เขยของเขาเป็นน้องภรรยาเจ้าหน้าที่ติงถี พวกเขาสามารถซื้อข้อสอบก่อนได้ ทางนั้นขายให้ฉบับละ 500 ตำลึง เขามาถามข้าว่าอยากได้หรือไม่ ? พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร ? ”
เผิงหยูเหยี่ยนเดิมทีเป็นผู้ยึดมั่นในความถูกต้องอยู่แล้วจึงไม่รีรอที่จะกล่าวว่า “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ? นั่นถือเป็นการทุจริตเชียวนะ หากทางราชสำนักตรวจสอบมาถึงเราก็มีหวังโดนถอดสิทธิ์ในการเข้าร่วมการสอบแน่ ! ”
เมิ่งจิ่งหงกล่าวอย่างลังเลว่า “ทว่า…หากทุกคนซื้อเหมือนกันหมดแล้วมีแค่เราที่ไม่ได้ซื้อ เช่นนั้นเราจะไม่พลาดโอกาสจนต้องเสียเวลาอีกปีหรอกหรือ ? ”
หลิ่วจงเทียนขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “แต่อู๋ปัวผู้นั้นเชื่อไม่ได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ! แถมตอนนี้ครอบครัวของเขายังยากจนข้นแค้น หากในมือมีข้อสอบจริง เขาไม่มีทางขายให้แค่คนเดียวหรือสองคนหรอก พอถึงตอนนั้นหากเจ้าหน้าที่ตรวจข้อสอบแล้วสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย…”
“พวกท่านหมายถึงอะไรที่ว่าไม่ใช่เรื่องตลก ? ” หลินเว่ยเว่ยเห็นว่าทั้งห้าคนซุบซิบกันด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ นางจึงยื่นหน้าไปฟังแล้วถามด้วยความสงสัย
“เปล่า…เปล่าเลย…” เมิ่งจิ่งหงรีบส่ายหน้าพลางโบกมือปัดอย่างร้อนตัว
หลินเว่ยเว่ยจึงใช้ทัพพีชี้ไปที่หลินจื่อเหยียน “หลินจื่อเหยียน บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ! ”
หลินจื่อเหยียนไม่กล้าขัดคำสั่งพี่รองจึงยอมเล่าเรื่องที่เมิ่งจิ่งหงต้องการซื้อข้อสอบให้หลินเว่ยเว่ยฟังอย่างละเอียด เมิ่งจิ่งหงพยายามขยิบตาให้เขาอยู่หลายหน แต่อีกฝ่ายดูจะไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“เปล่า ! ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้จะซื้อ…อู๋ปัวก็แค่มาเสนอขายให้ข้าไม่ใช่หรือ ? ข้าจึง…จึงมาเล่าเป็นเรื่องตลกให้ทุกคนฟัง ! ” เมิ่งจิ่งหงยิ้มแห้ง
หลินเว่ยเว่ยชี้ทัพพีไปที่เขาแล้วกล่าวว่า “อู๋ปัวเป็นคนเช่นไร เจ้าเล่ห์ลิ้นสองแฉกแค่ไหน ทุกคนยังอยากซื้อข้อสอบจากเขาอีกหรือ ? นั่นไม่ต่างจากการเอาอนาคตของตนมาล้อเล่น ! หากใครจะซื้อข้อสอบก็จงไปให้พ้นจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้ อย่าลากพวกเราไปเกี่ยวด้วย ! ไปให้พ้นเลย ข้าไม่ส่ง ! ”
เมิ่งจิ่งหงยืนกรานจุดยืนของตนอย่างหนักแน่น “ข้าไม่คิดจะซื้อข้อสอบจริง ๆ…เอาล่ะ ตอนแรกที่ได้ยินข้ายอมรับว่าเกิดความสนใจอยู่เหมือนกัน…แต่หลังจากนั้นไม่นาน ข้าก็ตระหนักได้ว่ามันเลวร้ายและอันตรายมากแค่ไหน ข้าจึงรีบกลับใจ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่กลับมามือเปล่าแบบนี้หรอก เฮอะ เฮอะ อย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนขาดแคลนเงินห้าร้อยตำลึงเสียหน่อย…”
“พอได้แล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยเหลือบมองเขาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดกับทุกคนว่า “อาหารเช้าเสร็จแล้ว มีเต้าฮวยเค็มกับซาลาเปาทอด ! ใครไม่กินเต้าฮวยเค็ม ในครัวยังมีนมถั่วเหลืองให้กิน ! ”
ในลานบ้านเช่ามีเครื่องบดหยาบ เมื่อวานนางซื้อถั่วเหลืองกลับมาจึงนำมาบดทำนมถั่วเหลืองตั้งแต่เช้าตรู่แล้วนำไปต้มให้เดือด นมถั่วเหลืองรสชาติเข้มข้นกินพร้อมซาลาเปาทอด ช่างเป็นมื้อเช้าที่เข้ากันยิ่งนัก นางนำถั่วเหลืองบดที่เหลือจากการทำนมถั่วเหลืองมาเติมเกลือเล็กน้อยเพื่อต้มเต้าฮวยเค็มสักสองสามถ้วยและนำถั่วเหลืองบดที่เหลือจากทำเต้าฮวยเค็มมากดเป็นเต้าหู้ นางตั้งใจว่าจะเก็บไว้ทำเต้าหู้ชุบไข่ทอดสำหรับมื้อกลางวัน
หากยังเหลืออีกก็ค่อยนำไปทำเต้าหู้แช่แข็ง เต้าหู้ทอดและเต้าหู้เหม็น…ไอหยา แค่คิดนางก็เริ่มน้ำลายสอแล้วสิ !
กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงพลบค่ำ เผิงเจียเหลียงที่เดินเตร่อยู่ด้านนอกเพราะไม่อยากกลับบ้านก็วิ่งเข้ามาในลานบ้านด้วยสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมตะโกนว่า “แย่แล้วทุกคน ! เกิดเรื่องแล้ว ! ในอำเภอมีบัณฑิตคนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทางการคุมตัวไปแล้ว พูดกันว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต ! ข้าได้ยินว่าเขาขายข้อสอบให้แก่เหล่าบัณฑิตไม่ใช่น้อย คนพวกนี้กำลังถูกไต่สวนเช่นเดียวกันและมีคนบอกด้วยว่าพวกเขาจะถูกตัดสินโทษฐานเข้าร่วมการทุจริตในครานี้ ! ”
หลินจื่อเหยียน เผิงหยูเหยี่ยนและคนอื่นต่างหันไปมองเมิ่งจิ่งหงเป็นตาเดียว เมิ่งจิ่งหงชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ลูบหน้าอกตัวเองอย่างโล่งใจ “ฟู่ว โชคดีเหลือเกิน…พวกเจ้ามองข้าทำไม ? ข้าไม่ได้ซื้อข้อสอบเสียหน่อย หากข้าซื้อจริงก็จะยังสนุกกับการทำข้อสอบได้หรือ ? พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร ? ”
“เช่นนั้น…ในเมื่อข้อสอบหลุดไปแล้ว การสอบเซี่ยนซื่อจะยังเปิดสอบตามปกติอยู่หรือไม่ ? ” หลินจื่อเหยียนเอ่ยอย่างเป็นกังวล
หลินเว่ยเว่ยเหลือบมองไปยังเจียงโม่หานแล้วกล่าวอย่างไม่แน่ใจ “คงไม่มีปัญหาหรอกกระมัง ? การทดสอบที่สำคัญเช่นนี้ พวกเขาจะไม่เตรียมข้อสอบสำรองไว้เชียวหรือ ? ”
เจียงโม่หานแค่คลี่ยิ้มเบาบางแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ! พรุ่งนี้พวกเจ้าเข้าร่วมการสอบอย่างสบายใจเถิด อย่าคิดมาก ทำสมาธิและตั้งใจทำข้อสอบให้ดี ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าสามารถสอบติดถงเซิงได้แน่นอน ไม่มีปัญหาอะไรเด็ดขาด”