หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 383 บัณฑิตน้อยแสดงฝีมือทำอาหารให้คู่หมั้น
ตอนที่ 383 บัณฑิตน้อยแสดงฝีมือทำอาหารให้คู่หมั้น
ในวันประกาศผลสอบคือวันที่หิมะตกหนักและการเป็นรอบเดือนครั้งแรกของหลินเว่ยเว่ยก็มาเยือน นางปวดท้องจนเหงื่อแตกจึงเป็นธรรมดาที่จะไปดูผลสอบด้วยไม่ได้ หลินจื่อเหยียนเข้าใจผิดว่าพี่รองป่วยจึงเป็นห่วงมาก ทว่าภายใต้การยืนกรานว่าไม่เป็นอะไรซ้ำแล้วซ้ำเล่าของหลินเว่ยเว่ย สุดท้ายเขาถึงได้ออกไปดูผลสอบโดยแบกความรู้สึกเป็นห่วงไปด้วย
หลินเว่ยเว่ยได้แต่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงเตาอุ่น ๆ พยายามเอาหน้าท้องแนบกับเตียง นางปวดจนต้องร้องโอดครวญ เดิมทีเจียงโม่หานก็ไม่ใช่เด็กอายุ 16 ปีที่ไม่รู้อะไรอยู่แล้ว เขาจึงไปปรึกษาท่านหมอที่ร้านขายยาแล้วซื้อน้ำตาลแดงมาต้มกับน้ำขิงให้หลินเว่ยเว่ยดื่ม
หลินเว่ยเว่ยไม่ชอบที่เขาต้มออกมารสหวานเกินไปจึงไม่ยอมดื่ม เจียงโม่หานรู้ว่านางกำลังทำตัวงอแงเหมือนเด็ก เขาจึงทำใจเย็นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าก่อไฟต้มน้ำเพื่อต้มน้ำขิงด้วยตัวเอง แม้จะทำได้ไม่ดีแต่ก็มาจากใจ เจ้าดื่มสักหน่อยเถิด ท่านหมอพูดแล้วว่าหากปวดมาก ๆ ต้องดื่มยา…”
หลินเว่ยเว่ยคิดในใจ ว่าอย่างไรนะ ? ต้องดื่มยา ? นางรีบลุกขึ้นมาแล้วดื่มน้ำขิงลงคออย่างไม่ลังเลและเช็ดปากอย่างลุกลี้ลุกลน จากนั้นก็ค่อยกลับไปนอนบนเตียงอย่างคน ‘อ่อนแอ’ อีกครา “ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องฝึกทำอาหารหน่อย ต่อไปเวลาข้าปวดหัวหรือเป็นไข้ก็จะได้มีอาหารร้อน ๆ กิน ! ”
เจียงโม่หานพูดในใจ ต่อไปก็หาสาวใช้มาเยอะหน่อย เอาไว้ทำอาหารโดยเฉพาะก็หมดปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ ? ทว่าขณะมองท่าทางทรมานของนาง เขาก็ยอมไหลไปตามน้ำ “ได้ ! รอให้เจ้าหายแล้วค่อยสอนข้าทำอาหารที่เจ้าชอบกินที่สุด เวลาเจ้าไม่สบายหรือวันไหนไม่อยากทำอาหารขึ้นมา ข้าจะทำแทน…”
หลินเว่ยเว่ยพอใจสุด ๆ “ต้องแบบนี้สิ ! ถ้าตอนนี้ได้กินโจ๊กอุ่น ๆ สักถ้วยก็คงจะเยี่ยมไปเลย โจ๊กถั่วแดงใส่พุทราแดง ซุปตับหมูหรือโจ๊กข้าวฟ่างใส่น้ำตาลแดงกับพุทราแดง ล้วนช่วยบำรุงเลือดและบรรเทาอาการเจ็บทั้งนั้น”
“ได้ ข้าจะเรียนแล้วเอามาทำให้เจ้าทั้งหมดเลย ทว่าจะกินแต่โจ๊กไม่ได้ สอนข้าทำอาหารอีกสองสามอย่างด้วย ดีหรือไม่ ? ” เจียงโม่หานเห็นนางอารมณ์ดี อาการปวดก็เหมือนจะดีขึ้นแล้ว เขาจึงอยากทำให้นางมีความสุขกว่าเดิม
หลินเว่ยเว่ยเลียปาก “ตอนนี้อยากกินซี่โครงหมูสักสองสามชิ้น ข้าสอนเจ้าตุ๋นซี่โครงใส่ซานเย่า (กลอยจีน) กับ โก่วฉี (เก๋ากี้) ดีหรือไม่ ? ” หลังจากนั้นนางก็เริ่มพูดถึงวิธีทำ แต่พอพูดไปพูดมานางก็ผล็อยหลับ
เจียงโม่หานช่วยห่มผ้าให้นาง หลังนั่งคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็ไปที่ตลาดเพื่อซื้อซี่โครงมาสองเส้นและยังไปร้านขายยาเพื่อซื้อซานเย่ากับโก่วฉี เมื่อกลับถึงบ้านเช่าแล้ว เขาก็เริ่มก่อไฟต้มน้ำล้างซี่โครงแล้วตามด้วยตุ๋นซี่โครงจากไฟแรงลดเป็นไฟอ่อน…
แม้เพิ่งเคยเข้าครัวแบบฉายเดี่ยวเป็นครั้งแรก แต่ขั้นตอนและวิธีทำหลินเว่ยเว่ยก็พูดไว้อย่างละเอียดแล้ว ตัวเขาก็จำได้ขึ้นใจจึงไม่ได้ทำแบบร้อนรน ทว่าตอนใส่เกลือและเครื่องปรุงต่าง ๆ เขากลับเกิดความลังเล…ต้องใส่เท่าไร ?
ช่างเถิด ถ้าน้อยก็ค่อยใส่เพิ่ม เขาใส่เกลือลงไปก่อนเล็กน้อย หลังลองตักขึ้นมาชิมก็พบว่ามันไม่มีรสชาติแต่อย่างใดจึงใส่เพิ่มลงไปอีกนิด…เครื่องปรุงอย่างอื่นไม่กล้าใส่เยอะเพราะกลัวว่าจะไปทำลายรสชาติของซี่โครง เขาต้มต่อด้วยไฟอ่อนอีกประมาณครึ่งชั่วยาม พอเนื้อล่อนออกจากกระดูก ซานเย่าก็นิ่มเกือบละลายไปกับน้ำแล้วเขาตักขึ้นมาชิม…รสชาติพอใช้ได้ !
เขาจึงดับไฟ ตักใส่ถ้วย หยดน้ำมันงาลงไปแล้วยกไปที่ห้องนอน หลินเว่ยเว่ยซึ่งโดนรุมเร้าด้วยความเจ็บปวดจึงนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไร ขณะที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น นางก็ได้กลิ่นซุปกระดูกหมู ไอหยา ! เวลามีรอบเดือนจะทำให้อยากกินเยอะกว่าปกติ ตอนนี้นางหิวจนประสาทหลอนไปแล้วหรือ…
“เด็กน้อย ตื่นหรือยัง ? ข้าตุ๋นซี่โครงหมูให้ เจ้าลุกขึ้นมาช่วยข้าชิมว่ารสชาติเป็นอย่างไร” เจียงโม่หานเขย่าตัวเด็กสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเบา ๆ
หลังได้ยินแบบนั้น หลินเว่ยเว่ยก็รีบลุกขึ้นมานั่ง แต่ความเจ็บปวดที่ท้องน้อยทำให้นางอดไม่ได้ที่จะเอามือกุมท้อง สวรรค์ ! ทรมานมาก เหมือนมีใครกำลังบิดไส้นางอย่างไรอย่างนั้น ชาติก่อนเวลารอบเดือนมา นางไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น คาดไม่ถึงว่าพอทะลุมิติมาแล้วจะมีผลแบบตรงกันข้าม เฮ้อ ! ขอเตือนเลยว่าให้ระวังหลังจากได้ทะลุมิติมา !
“ช้าหน่อย…อยากไปเข้าห้องน้ำหรือไม่ ประเดี๋ยวข้าช่วยประคองเจ้าออกไป…” เจียงโม่หานวางถ้วยซุปลงที่โต๊ะข้างเตียงแล้วถามด้วยความห่วงใย
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า แม้ว่ารอบเดือนในครั้งแรกจะเจ็บมาก แต่มีปริมาณไม่เยอะ เช่นนั้นคงต้องอายแน่…ในโลกนี้ไม่มีผ้าอนามัยแบบมีปีก !
หลังจากลุกขึ้นมานั่งแล้วนางก็เห็นสภาพของในถ้วยนั้นดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่มันส่งกลิ่นหอมของซุปซี่โครงออกมา ดวงตาของนางจึงเปล่งประกายแล้วมองเจียงโม่หานด้วยความซาบซึ้ง “บัณฑิตน้อย เจ้าทำให้ข้าหรือ ? หอมมากเลย ! ”
ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ ซุปซี่โครงถ้วยนี้เป็นอาหารอย่างแรกที่เจียงโม่หานทำสำเร็จ เขาจึงรู้สึกกังวลและพูดด้วยรอยยิ้ม “ลองชิมว่ารสชาติเป็นอย่างไร ? แต่อย่างไรก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือเจ้าแน่นอน หวังว่าจะฝืนกลืนลงไปได้”
หลินเว่ยเว่ยคีบเนื้อหมูที่ล่อนออกจากซี่โครงขึ้นมาแล้วกินมันอย่างเอร็ดอร่อย “อร่อย ! ทั้งหอมทั้งนุ่ม รสชาติไม่เลวจริง ๆ คาดไม่ถึงว่าบัณฑิตน้อยจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ด้วย เหตุใดเจ้าจึงร้ายกาจขนาดนี้ ไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนทำเป็น ! ”
เจียงโม่หานโดนชมจนเขิน เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะนาง “ข้าทำตามขั้นตอนที่เจ้าบอก พูดได้ว่าอาจารย์อย่างเจ้า สอนได้ดี ! ”
“เจ้าอย่าถ่อมตัวนักเลย คนฉลาดเรียนอะไรก็ทำได้เร็วหมด ! น้ำแกงนี้สดชื่นมาก ซี่โครงหมูก็คงรสชาติของมันอยู่…ข้าโชคดีจริง ๆ ! ” หลังซดน้ำแกงร้อน ๆ ไปสองสามช้อน หลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกว่าท้องไม่ได้ปวดถึงขนาดนั้นแล้ว…หรือนี่จะเป็นพลังแห่งรัก ?
เจียงโม่หานยิ้ม “แค่ซดน้ำแกงก็มีความสุขแล้วหรือ ? เจ้าพอใจกับอะไรง่าย ๆ เกินไปแล้ว”
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้าและฉีกยิ้มหน้าบานเวลาพูด “มันไม่เหมือนกัน นี่เป็นตุ๋นซี่โครงแห่งรัก เป็นของที่คนรักข้า ทำให้กินเองกับมือ เขาใช้สองมือที่ใช้จับพู่กันทำลายความเชื่อว่า ‘สุภาพบุรุษควรอยู่ห่างจากครัว’ แล้วเข้าครัวทำอาหารให้ข้า มีคู่หมั้นที่เป็นคนอบอุ่นขนาดนี้ ถ้าไม่เรียกว่าความสุข แล้วสิ่งใดถึงจะเรียกว่าความสุขได้อีก ? ”
“เจ้านี่ ! เจ้าเองก็บอกแล้วว่าข้าเป็นคู่หมั้น เจ้าไม่สบาย หากข้าไม่ดูแลเจ้าแล้วจะไปดูแลใคร ? สุภาพบุรุษห่างครัวอะไรกัน การเป็นสุภาพบุรุษวัดกันตรงนี้หรือ ? ถ้าแม้แต่คนในครอบครัวหรือคนรักของตนยังดูแลไม่ได้ ข้าไม่เป็นสุภาพบุรุษก็ไม่ตายหรอก ! ” เจียงโม่หานยกยิ้มที่มุมปาก…เหตุใดเด็กน้อยของข้าถึงได้น่ารักขนาดนี้ !
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ชาติก่อนข้าต้องช่วยชีวิตคนทั้งจักรวาลเอาไว้แน่นอน ชาตินี้ถึงได้มาเจอคนดีแบบเจ้า ฮือฮือฮือ…” ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็มีดวงตาเปียกชื้น
เจียงโม่หานเช็ดน้ำตาให้นางก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เหตุใดจึงร้องไห้เสียแล้ว ? มีคู่หมั้นดี ๆ อย่างข้า เจ้าไม่เคยหัวเราะจนตื่นจากฝันหรือไร ? ”
“นี่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ มีความสุขและซาบซึ้ง” หลังกินซี่โครงชิ้นสุดท้ายหมดแล้วหลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ “ข้าขอเติมอีกสองสามชิ้นได้ไหม มันอร่อยมากเลย ! ”
เจียงโม่หานเห็นสีหน้าของนางดีขึ้นมาก ไม่ปวดจนเหงื่อออกอีกแล้ว ถ้าการกินซุปซี่โครงของเขาแล้วหยุดอาการปวดได้ อย่าว่าแต่สองสามชิ้นเลย แม้จะกินหมดหม้อ เขาก็ไม่ว่าอะไร
หลินเว่ยเว่ย “…” เจ้าเห็นข้าเป็นถังข้าวสารหรือไร ?
“บัณฑิตน้อย เจ้าช่วยกอดข้า…เหมือนตอนที่ข้าป่วยตอนเด็ก ๆ ท่านพ่อ…เหมือนที่ท่านพ่อกอดข้าได้หรือไม่ ? ” ชาติก่อนหลินเว่ยเว่ยชอบฝันว่าตอนเป็นเด็กจะมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ดูเป็นคนอบอุ่นคนหนึ่งกำลังกอดนางอยู่และร้องเพลงกล่อมให้นางหลับ