หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 4 อยู่ไม่ถึงสามปี
ตอนที่ 4 อยู่ไม่ถึงสามปี
นางหวงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของบุตรสาวคนโตจึงพยายามพยุงตัวเดินไปที่ขอบประตู เมื่อออกมานอกห้องก็เห็นว่าในมือของบุตรสาวคนรองถือชามบะหมี่เอาไว้ แม้ว่าในใจจะรู้สึกเสียดายเมล็ดธัญพืชที่เก็บสำรองไว้สำหรับสองวัน ทว่านางรู้สึกสงสารบุตรสาวคนรองมากกว่า นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายยังมิได้ทานอันใดเลยตั้งแต่ช่วงเช้าที่หายตัวไปจวบจนกระทั่งบัดนี้ก็คงจะหิวมาก
พอบุตรสาวคนโตเห็นมารดาก็ปรี่เข้ามาฟ้องเสียยกใหญ่ “ท่านแม่ ท่านดูนางสิเจ้าคะ บ้านของเราเหลือเมล็ดธัญพืชเพียงน้อยนิด ทว่าคืนนี้ถูกนางกินไปจนหมดภายในชั่วพริบตา แล้วพรุ่งนี้พวกเราจะทำเช่นไร ? พวกเรามิต้องกินลมแทนอาหารหรือเจ้าคะ ? ”
นางหวงรีบส่งสายตาปรามบุตรสาวคนโตทันที จากนั้นก็หันไปปลอบใจหลินเว่ยเว่ยที่ยืนนิ่งเงียบ “วันนี้น้องสาวของเจ้าได้รับความหวาดกลัวและความตกใจมากเพียงนั้น ถ้านางอยากกินบะหมี่ก็ให้กินไปเถิด พรุ่งนี้…แม่จะคิดหาวิธีเอง”
นางรู้สึกดีใจเสียเหลือเกินที่บุตรสาวคนรองสามารถทำบะหมี่กินเองได้ ! ทว่าในขณะที่นางรู้สึกชื่นชมยินดีอยู่นั้น ภายในใจก็ได้แต่ตำหนิตนเองว่าเป็นมารดาที่มิได้เรื่อง ถึงได้ปล่อยให้บุตรต้องมาอดอยากไปพร้อมกับตน
“เจ้าเด็กโง่ก็ยังเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ ! ท่านแม่…ท่านมิได้มีเพียงเจ้าเด็กโง่เป็นลูกสาวคนเดียวนะเจ้าคะ ทว่าท่านยังมีข้าและน้องชายที่เป็นลูกเหมือนกัน ! ต่อไปหากนางหิว ท่านก็จะให้นางนำอาหารทั้งหมดในบ้านมากินหรือ ? หากเป็นเช่นนั้นท่านแม่ก็สับเนื้อของข้าแล้วเอาให้นางกินเลยสิ ! หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป มิช้าก็เร็วครอบครัวของเราต้องเหนื่อยกับภาระแบบเจ้าเด็กโง่ไปจนตาย ! ” บุตรสาวคนโตระบายความอัดอั้นตันใจออกมาด้วยความโกรธ
“อย่าพูดเช่นนี้เลย เจ้าและน้องสาวล้วนเป็นลูกที่ดีของแม่ทั้งคู่ เจ้าเป็นพี่สาวก็ควรยอมให้น้องบ้าง…” นางหวงปลอบใจบุตรสาวคนโตเสียงแผ่ว
ประโยคนี้อีกแล้ว ! ถ้าเลือกได้นางจะไม่มีวันเป็นพี่สาวของเด็กโง่เช่นนี้หรอก ! ด้วยความโมโหจึงทำให้บุตรสาวคนโตของนางหวงเดินกระทืบเท้าเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูเสียงดังลั่นและต่อให้นางหวงเรียกอย่างไร นางก็มิยอมออกมา
เดิมทีเมล็ดธัญพืชในโถมีอยู่ไม่มากแล้ว ดังนั้นเมื่อนำออกมาทำเป็นเส้นบะหมี่ก็จะได้เพียงสองชามเท่านั้น นางหวงได้แบ่งบะหมี่ใส่ชามใหญ่หนึ่งชามให้แก่บุตรสาวคนรอง จากนั้นก็แบ่งไว้ให้บุตรชายคนเล็กอีกครึ่งชาม ส่วนที่เหลืออีกครึ่งก็เก็บไว้ให้บุตรสาวคนโต ส่วนนางเทน้ำซุปในหม้อออกมาแล้วดื่มน้ำซุปแทน
“ข้าอิ่มแล้ว ! ” เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ภายในใจของหลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกหน่วงขึ้นมาทันใด ดังนั้นนางจึงวางชามบะหมี่ในมือลงแล้วเดินกลับไปยังห้องทางทิศตะวันตกอย่างเงียบ ๆ
นางหวงมองบะหมี่ที่ยังเหลือในชามอีกครึ่งจึงเอ่ยด้วยความกังวลว่า “ลูกแม่… เหตุใดวันนี้เจ้าทานน้อยเพียงนี้เล่า ? เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือไม่ ? หากเป็นเช่นนั้นแม่จะได้เชิญหมอเหลียงมาตรวจอาการเจ้าสักหน่อย…”
ทันใดนั้นเสียงของนางหวงก็หยุดชะงักลง สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปหลากหลายอารมณ์ นางทั้งรู้สึกตกตะลึงและแทบมิอยากเชื่อสายตา ทว่าในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจจึงตะโกนไปทางห้องของบุตรสาวคนโตว่า “ลูกแม่…เมื่อครู่น้องรองของเจ้าพูดแล้วใช่หรือไม่ ? ที่แท้แม่ก็มิได้ฝันไป ! ”
สุดท้ายบุตรสาวคนโตของนางหวงก็มิอาจเอาชนะความหิวได้จึงออกมาจากห้องนอนแล้วยกชามบะหมี่ขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มพึมพำกับตนว่าจะทานดีหรือไม่ จะเป็นการเอาเปรียบเด็กโง่คนนั้นหรือเปล่า ?
ส่วนบุตรชายคนเล็กหลังจากทานบะหมี่พร้อมกับซดน้ำซุปเสร็จแล้วก็เลียขอบชามพลางหันไปเอ่ยกับมารดาว่า “อืม…พี่รองพูดว่านางอิ่มแล้ว ! ท่านแม่ ท่านรีบทานเถิด หากวางบะหมี่ทิ้งไว้นาน ๆ มันจะอืดเอาได้ขอรับ ! ”
“ในที่สุดลูกของแม่ก็พูดได้แล้ว ! เอ้อร์หวา พี่สาวของเจ้าหายดีแล้วใช่หรือไม่ ? ตอนที่พ่อของพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่เคยให้หมอดูทำนาย หมอดูบอกว่าพี่สาวของเจ้าจะหายดีอย่างแน่นอน ! ช่างเป็นข่าวดีมากเหลือเกิน…ต้องเป็นเพราะพ่อของพวกเจ้าที่คอยคุ้มครองพวกเราอยู่บนสวรรค์ ! ” นางหวงเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ในขณะที่มือของนางก็ได้แต่ไหว้ขอบคุณฟ้าดินมิหยุด
หลินเว่ยเว่ยนอนอยู่บนเตียงไม้ซอมซ่ออย่างเงียบ ๆ พร้อมลูบท้องที่ร้องโครกครากด้วยความหิว ภายในใจยังรู้สึกเสียดายหมูป่าตัวนั้นมิหาย หมูป่าต้องถูกชาวบ้านแบกกลับมาแบ่งกันแล้วแน่นอน พี่สาวก็ช่างโง่เขลาเสียเหลือเกิน เหตุใดต้องพาคนไปมากมายถึงเพียงนั้นด้วย แล้วสุดท้ายก็ปล่อยให้ตนกลับบ้านมือเปล่า ฮึ ! คงแล้งน้ำใจกับคนในครอบครัวเท่านั้นสิท่า !
ทว่านั่นหมูป่าเชียวนะ หมูป่าตัวใหญ่ของข้า หมูป่าที่หนักหลายร้อยชั่งของข้า ! หลินเว่ยเว่ยคร่ำครวญอยู่ในใจทว่าทันใดนั้นสภาพแวดล้อมรอบกายก็เปลี่ยนไป บ้านมุงจากหลังเดิมหายไปแล้ว รอบกายของนางถูกแทนที่ด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ถัดไปมีน้ำพุผุดขึ้นมาจากพื้นดินจนเกิดเป็นลำธารใสสะอาด มิไกลออกไปมีร่างของหมูป่าที่นางรำพึงรำพันถึงเมื่อครู่
นี่คือที่ใด ? เมื่อครู่ข้ายังนอนอยู่บนเตียงในห้องทางทิศตะวันตกอยู่เลยมิใช่หรือ ? หรือว่าข้ากำลังฝันไป ?
ด้วยความสงสัยนางจึงลองหยิกหลังมือของตน “โอ๊ยยยย ! ”
รู้สึกเจ็บ ! นี่มิใช่ความฝัน หรือว่า…
ดังนั้นนางจึงลองพึมพำกับตนว่า ‘ออกไป ! ’ และก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ว่าบัดนี้นางได้กลับมาที่บ้านซอมซ่ออีกครา จากนั้นก็กลับเข้าไปในมิติน้ำพุอีกรอบ หลินเว่ยเว่ยจึงได้เชื่อว่าที่แท้ตนก็มีมิติเหมือนนิยายแฟนตาซีในโลกอนาคต
ภายในมิติแห่งนี้มิได้มีขนาดใหญ่มากนัก มีที่ดินสำหรับเพาะปลูกราวสองสามหมู่ น้ำพุที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินก็มีขนาดครึ่งหนึ่งของสนามบาสเก็ตบอลเท่านั้น มีหญ้าสีเขียวขจีและดอกไม้ป่านานาชนิดขึ้นที่ริมลำธาร หากไม่สนใจร่างของหมูป่าที่เปียกโชกไปด้วยโลหิต ทิวทัศน์ในนี้ก็ถือว่างดงามเป็นอย่างมาก
สุดยอดไปเลย ! พรุ่งนี้ข้าจะนำหมูป่าไปขายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เพียงเท่านี้ก็มิต้องอดอยากแล้ว ! ด้วยความหิวกระหาย หลินเว่ยเว่ยจึงดื่มน้ำแร่จากน้ำพุที่ใสสะอาดทั้งยังมีรสชาติหอมหวาน จากนั้นนางก็กลับมาที่ห้องนอนเล็ก ๆ ของตนอีกครา ก่อนจะเริ่มวางแผนอนาคตอย่างเพลิดเพลิน
ในยามดึกของราตรีนั้นเอง หลินเว่ยเว่ยถูกเสียงร้องไห้โฮของพี่สาวและน้องชายปลุกให้ตื่นขึ้นมา หลังจากที่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ นางก็รีบวิ่งไปที่ห้องนอนของนางหวงทันทีและเห็นว่าพี่สาวคนโตกำลังเขย่าร่างของมารดาด้วยความตกใจ ปากก็ตะโกนเรียกมิหยุด ส่วนเจ้าหนูน้อยก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและเป็นกังวลเช่นกัน
นางหวงที่นอนอยู่บนเตียงไม้นั้นมีใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับเหงื่อเม็ดโตที่ผุดออกมาจากหน้าผากจนชุ่มใบหน้า ปากก็พึมพำบางอย่างเหมือนกำลังเพ้อ ! เมื่อหลินเว่ยเว่ยเห็นดังนั้นจึงรีบใช้ผ้าสะอาดมาชุบน้ำแล้ววางลงบนหน้าผากของนางหวง ก่อนจะผลักพี่สาวคนโตที่ไร้ประโยชน์ให้ถอยห่างออกไปพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “มัวแต่ร้องไห้อยู่ได้ ! ยังไม่รีบไปตามหมอมาอีก ”
“เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าทั้งสิ้น ! ที่ท่านแม่ไม่สบายก็เพราะหมูป่าตัวนั้นบนภูเขามิใช่หรือ ! หากท่านแม่ไม่ขึ้นเขาไปตามหาเจ้าก็คงมิได้เผชิญหน้ากับหมูป่าและคงมิต้องตกใจกลัวจนจับไข้เช่นนี้ ! เหตุใดคนที่จับไข้ถึงมิใช่เจ้า ? เหตุใดท่านแม่ต้องไปตามหาเจ้ากลับมาด้วย ! ” พี่สาวตะโกนใส่หลินเว่ยเว่ยราวกับต้องการระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมดออกมา
สีหน้าของหลินเว่ยเว่ยมืดครึ้มทันใด ดวงตาสีดำขลับจับจ้องไปที่พี่สาวคนโตอย่างเคร่งขรึม ดวงตาสีเข้มคู่นั้นราวกับค่ำคืนที่มืดมิดและสระน้ำเย็นไร้ก้นบึ้ง ทั้งเยือกเย็นและน่ากลัวจนทำให้พี่สาวถึงกับขี้ขลาดขึ้นมาทันใด
“มาเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ในเวลานี้จะมีประโยชน์อันใด ? เจ้าพูดเช่นนี้แล้วคิดว่าอาการป่วยของท่านแม่จะดีขึ้นมาหรือ ? ข้าจะคอยดูแลท่านแม่เอง ส่วนเจ้าไปตามหมอเหลียงมา ! ” น้ำเสียงของหลินเว่ยเว่ยเจือไปด้วยการข่มขู่ทำให้พี่สาวมิอาจปฏิเสธได้ พอพี่สาวนึกถึงเหตุการณ์ที่นางใช้ก้อนหินทุบหัวหมูป่าอย่างบ้าคลั่งและรุนแรงขึ้นมาจึงยอมทำตามแต่โดยดี
หลินเว่ยเว่ยเห็นว่าริมฝีปากของมารดาเริ่มแห้งผากแล้ว บัดนี้ก็ตัวร้อนพร้อมที่จะชักได้ทุกเมื่อ ดังนั้นนางจึงป้อนน้ำแร่ที่ได้มาจากมิติน้ำพุวิญญาณให้แก่นางหวง ก่อนหน้านี้หลินเว่ยเว่ยเพิ่งจะดื่มน้ำพุเข้าไป ตอนนั้นมิได้รู้สึกพิเศษอันใดมากนัก นอกจากรู้สึกอุ่น ๆ ภายในท้องและความหิวในตอนแรกก็เบาลง มิได้หิวโซแล้ว
หลังจากนั้นมินาน หมอเหลียงก็เข้ามาดูอาการของนางหวง หลังกล่าวคำศัพท์เฉพาะของพวกหมอไปได้สักพัก เขาก็ได้สรุปอาการป่วยของนางหวงว่าเป็นเพราะขาดสารอาหารเป็นเวลานาน กอปรกับเกิดความกลัวและความตกใจจึงส่งผลกระทบต่อจิตใจจนทำให้จับไข้ ดังนั้นเขาจึงจัดสมุนไพรคลายเครียดและกำชับให้นางหวงพักผ่อนให้มาก
เวลานี้บุตรสาวคนโตหน้าแดงก่ำพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนว่า “ท่านหมอเหลียง ข้าขอติดค้างค่ายาไว้ก่อนได้หรือไม่ อีกสองสามวันข้าจะจ่ายคืนให้ท่านอย่างแน่นอน”
เนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน หมอเหลียงจึงรู้สภาพความเป็นอยู่ของตระกูลหลินเป็นอย่างดี นางหวงเป็นแม่หม้ายที่ต้องเลี้ยงบุตรถึง 4 คน อีกทั้งนางยังยืนกรานที่จะให้บุตรชายคนหนึ่งเข้าเรียนให้ได้…เฮ้อ ! มันมิง่ายเลย ดังนั้นให้เวลาพวกนางหาเงินสักหน่อยแล้วกัน !
หมอเหลียงมิได้กังวลว่าพวกนางจะไม่ยอมจ่าย แต่กังวลว่าทานธัญพืชและอาหารแห้งทุกวันเยี่ยงนี้จะไม่ล้มป่วยได้เช่นไร อีกทั้งพวกนางจะหนีหนี้จากผู้ใดก็ย่อมได้ ทว่าไม่มีทางกล้าทำกับท่านหมออย่างแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่หมอเหลียงลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยกับบุตรสาวคนโตว่า “ร่างกายของแม่เจ้าอ่อนแอมาก หากนางยังทำงานหนักต่อไปก็คงอยู่ได้ไม่ถึงสามปี”
เมื่อบุตรสาวคนโตได้ยินดังนั้นก็ทรุดลงกับขอบเตียงของนางหวงแล้วร้องห่มร้องไห้ออกมาทันที เมื่อเจ้าหนูน้อยเห็นว่าพี่ใหญ่ร้องไห้จึงร้องไห้ตามไปด้วย เมื่อหมอเหลียงเห็นดังนั้นจึงส่ายหน้าอย่างอเนจอนาถใจ เขาเอ่ยสิ่งเหล่านี้ไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด ? เพียงแค่ใบสั่งยาธรรมดาพวกนางยังมิสามารถซื้อมาทานบำรุงร่างกายได้เลย เช่นนี้มีแต่จะเพิ่มความกังวลให้พวกนางเท่านั้น…