หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 401 เรี่ยวแรงมหาศาลดุจขุนเขา
ตอนที่ 401 เรี่ยวแรงมหาศาลดุจขุนเขา
ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากการค้าขายอันวุ่นวาย เขาก็เห็นพวกหลินเว่ยเว่ยกำลังเดินผ่านแผงของตนไป เวลาที่สามคนนี้อยู่ด้วยกันจะมีความสะดุดตาใช้ได้ บัณฑิตอ่อนแอสองคนแต่มีใบหน้าที่หล่อเหลาและเด็กสาวตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ใครจะคิดว่าตอนที่พวกโจรตงหูบุกปล้น กลุ่มคนลักษณะนี้จะช่วยชีวิตคนอื่นไว้ไม่น้อยเลย ?
หรูเอ่อร์ฉาก้มมองตัวเองแล้วหันไปมองลูกน้องที่กำลังทำงานยุ่งจนหัวหมุน…เฮ้อ ตัวใหญ่เสียเปล่า ยังต้องให้เด็กสาวตัวเล็ก ๆ มาช่วยปกป้อง
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นชาวตงหูผู้โง่เขลาและใจใหญ่คนนั้นกำลังวิ่งตามมา “ขอบคุณกู่เหนียงที่ช่วยชีวิตพวกเลาไว้ นี่เป็นของขวัญตอบแทน ได้โปรดลับไว้ด้วย ! ” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเรียนรู้ภาษาต้าเซี่ยมาจากไหน สำเนียงน่าขำแต่ท่าทางดูจริงใจมาก
หลินเว่ยเว่ยรับโสมไว้ด้วยรอยยิ้ม…หืม เจ้าทึ่มแสดงความใจใหญ่อีกแล้ว โสมที่ให้เป็นของขวัญนี้มีอายุอย่างน้อยก็น่าจะเกินร้อยปี ? อย่างไรก็ต้องใช้เงินหลายร้อยตำลึงเพื่อซื้อ ในเมื่อเขา ‘เชื้อเชิญให้รับไว้’ นางก็จะรับไว้อย่างแสนจะ (ไม่) เกรงใจ
หรูเอ่อร์ฉาลูบหนวดแล้วถามว่า “กู่เหนียงมีวรยุทธยอดเยี่ยมมาก แค่ไม่กี่กะบวนท่าก็จัดการโจรสองคนนั้นได้แล้ว หลูเอ่อร์ฉาอยากจะแลกเปลี่ยนความลู้กับท่าน…”
เมื่อผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ยินแล้วก็พากันมองหรูเอ่อร์ฉาด้วยความดูแคลน…บุรุษตัวใหญ่เช่นเจ้าจะแลกเปลี่ยนวิชาต่อสู้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก กล้าพูดออกมาได้อย่างไร ? จะรังแกนางล่ะสิไม่ว่า ?
หรือแม้แต่มีคนไปแจ้งทหารรักษาการณ์แถวนั้นว่ามีชาวตงหูจะใช้กำลังในตลาด !
หลังได้จากยินแบบนั้นแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ยิ้มและพูดในเชิงขอโทษเขาว่า “เด็กสาวจากชนบทอย่างข้าจะมีวรยุทธได้อย่างไร ? ข้าก็แค่แรงเยอะกว่าคนปกติและขว้างปาข้าวของได้แม่นยำเท่านั้น ! ”
“แลงเยอะ ? เยอะขนาดไหนกันเชียว ? ” หรูเอ่อร์ฉารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาเคยแข่งมวยปล้ำกับคนที่แรงเยอะที่สุดของเผ่ามาก่อน แม้ว่าสุดท้ายจะพ่ายแพ้ แต่ด้านพละกำลังเขาก็มีไม่น้อย ! ไม่รู้ว่าพละกำลังของกู่เหนียงคนนี้ถ้าเอาไปเทียบกับคนแรงเยอะที่สุดในเผ่าแล้วจะเป็นอย่างไร ?
หรูเอ่อร์ฉาครุ่นคิด ก่อนจะเข้าไปยืนตรงเบื้องหน้าหลินเว่ยเว่ยแล้วเอาฝ่าเท้าแนบกับพื้นให้ได้มากที่สุด “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ข้ายืนอยู่ตรงนี้ กู่เหนียงลองผลักข้าดู…”
เสียงของเขาเพิ่งเงียบลง หลินเว่ยเว่ยก็เอื้อมมือไปจับเข็มขัดของเขาแล้วยกขึ้นด้วยท่าทางสบาย หรูเอ่อร์ฉาตกใจทันทีที่เห็นเท้าตนเองลอยอยู่เหนือพื้น…ตอนที่สองฝ่าเท้ากลับมาอยู่บนพื้นอีกครั้งตัว เขาก็ย้ายตำแหน่งไปจากเบื้องหน้าเด็กสาวคนนี้แล้ว
เดิมทีพ่อค้าและชาวบ้านที่มามุงดูยังเป็นห่วงเด็กสาวอยู่ แต่ใครจะคิดว่านางสามารถยกตัวชายร่างสูงใหญ่ที่มองแล้วมีน้ำหนักประมาณ 200 จิน (100 กิโลกรัม) ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว หากทะเลาะกันขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าใครจะรังแกใครกันแน่ !
เมื่อทหารรักษาการณ์ได้ทราบข่าว ‘เด็กสาวโดนชาวตงหูรังแก’ ก็รีบเดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุทันที แต่พอเห็นฉากนี้เข้าแล้ว พวกเขาก็ต้องเดินจากไปอย่างเงียบๆ เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา นางคนเดียวสามารถสังหารทหารม้าตงหูได้หลายสิบนาย ตอนที่เก็บกวาดสนามรบ พวกศพที่ตายด้วยลูกศรไม้ไผ่ก็ล้วนเป็นฝีมือของนางทั้งสิ้น แล้วนางจะโดนคนอื่นรังแกได้หรือ ? แค่นางไม่ไปรังแกคนอื่นก็ถือว่าดีแล้ว !
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น แค่มองอินทรีทองแสนองอาจบนไหล่ของนางก็ดูไม่เหมือนเจ้านายที่จะโดนใครรังแกได้ง่าย !
หรูเอ่อร์ฉายังไม่อยากเชื่อ เขาหันไปเห็นโม่หินหน้าร้านค้าของคนอื่นที่ห่างออกไปไม่ไกล เขาจึงรีบวิ่งไปแล้วออกแรงยกมันขึ้นมา คนที่มุงดูพลันร้องอุทานทันทีเพราะโม่หินมีน้ำหนักมากจริง ๆ ชาวตงหูมีสีหน้าแดงก่ำและลำคอแข็งทื่อ เส้นเอ็นก็ปูดจนแทบจะแตกออกมาอยู่แล้ว !
หรูเอ่อร์ฉาพยายามยกโม่หินมาทางนี้ จุดประสงค์ของเขาชัดเจนมากคือถ้าเด็กสาวสามารถย้ายโม่หินนี้ได้ เขาก็จะยอมรับอย่างหมดใจ แต่ขณะที่เดินไปเรื่อย ๆ เท้าของเขาก็ไม่รู้ว่าไปสะดุดอะไรเข้า โม่หินในมือหลุดแล้วกระเด็นไปหาเด็กอายุ 4-5 ขวบที่กำลังมุงดูอยู่ในฝูงชน…
ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องด้วยความตกใจ…ถ้าโดนทับเข้าล่ะก็ได้ตายจริง ๆ แน่
หมินอ๋องซื่อจื่อที่ขี่ม้าอยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็เห็นฉากนี้พอดี เขาอยากจะเข้ามาช่วยเด็กน้อยแต่ก็คงไม่ทัน โชคดีที่เด็กน้อยคนนั้นอยู่ใกล้หลินเว่ยเว่ย นางจึงรีบพุ่งเข้าไปแล้วรับโม่หินไว้ด้วยมือข้างเดียว
น้ำหนักของโม่หินรวมเข้ากับแรงเฉื่อย (พยายามรักษาสภาพหยุดนิ่ง) ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทว่า หลินเว่ยเว่ยก็ยังถือโม่หินไว้ได้อย่างมั่นคง นางหันไปทำตาขวางใส่หรูเอ่อร์ฉา จากนั้นก็ยกโม่หินกลับไปคืนเจ้าของเดิมด้วยมือเพียงข้างเดียว
เด็กน้อยที่ตกใจต่อเหตุการณ์เมื่อครู่กำลังจะแบะปากร้องไห้ แต่พอได้ยินเสียงปรบมือที่ทุกคนมีต่อหลินเว่ยเว่ยแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือตามคนอื่น
มีชาวบ้านที่ไม่เชื่อในน้ำหนักของโม่หินจึงใช้สองมือยกมัน…ไม่ขยับแม้แต่น้อย ยังมีชาวบ้านเข้าไปลองอีก ทั้งสองคนเงยหน้ามองฟ้า ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำแต่ก็ยังไม่มีใครยกโม่หินได้ สุดท้ายพวกเขาก็ต้องยกนิ้วหัวแม่มือเพื่อแสดงความชื่นชมแก่หลินเว่ยเว่ย
หรูเอ่อร์ฉาที่เกือบสร้างปัญหาแก่คนอื่น ตอนนี้จึงยอมรับหมดใจเพราะใครจะคาดคิดว่าเด็กสาวตัวเล็กคนหนึ่งจะมีแรงมากกว่าคนในเผ่าน่าถาที่เอาชนะเขาคนนั้น
หรูเอ่อร์ฉาเริ่มมีใจอยากชวนนางมาเป็นพวกพ้อง “ข้า หลูเอ่อร์ฉา เป็นหนึ่งในผู้นำของเผ่าน่าถา อยากเชิญกู่เหนียงไปเป็นแขกที่เผ่าของพวกเลา…”
กู่เหนียงน้อยคนนี้ไม่เพียงมีแรงมากกว่าคนปกติ แต่ยังเป็นนักยิงธนูที่ดี หากดึงมาเข้าพวกได้ล่ะก็คงเหมือนพยัคฆ์ติดปีก ความหวังที่จะได้ขยายอาณาเขตทุ่งหญ้าของเผ่าน่าถาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
หมินอ๋องซื่อจื่อนั่งไม่ติดอีกต่อไป ดีนักคนเผ่าน่าถา คิดจะแย่งคนมีความสามารถของต้าเซี่ยไปต่อหน้าต่อตาข้าหรือ คิดจะทำอะไร ? ถ้าเก่งจริงก็มาเจอกันที่สนามรบ !
หรูเอ่อร์ฉาเห็นหมินอ๋องซื่อจื่อลงจากหลังม้าแล้วมายืนอยู่ด้านหลังกู่เหนียงน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองด้วยความไม่พอใจเพราะรู้ว่าตนหมดหวังแล้ว ส่วนกู่เหนียงน้อยก็ปฏิเสธน้ำใจเขาอย่างสุภาพ แม้จะน่าเสียดาย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง
หลินเว่ยเว่ยหันกลับมาก็เห็นหมินอ๋องซื่อจื่อ นางจึงฉีกยิ้มทักทาย “ใต้เท้าซื่อจื่อมาเดินลาดตระเวนหรือเจ้าคะ ? ท่านทำงานเถิด ประเดี๋ยวพวกเราจะไปเดินเล่นต่อเจ้าค่ะ ! ”
นางเดินมาถึงแผงขายปลา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีคำกล่าวถึงปลารสเลิศว่า ‘สามบุปผา ห้าแห สิบแปดบุตร’ สามบุปผา ( ฮวา ) คือปลาเอ๋าฮวา ปลาเปี้ยนฮวาและปลาจี่ฮวา ปลาเอ๋าฮวาถือเป็นปลาที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี เนื้อสีขาวนุ่มลิ้นเหมาะแก่การทำปลากระรอกทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน เป็นอาหารชั้นเลิศอย่างหนึ่ง !
อุณหภูมิสูงสุดในตอนกลางวันของเขตอวี้อันก็ยังต่ำกว่าศูนย์ แม้ว่าแสงอาทิตย์จะสาดส่องลงมา แต่ปลาก็ยังโดนน้ำแข็งเกาะเหมือนเดิม ไร้วี่แววว่าจะละลายแต่อย่างใด หลินเว่ยเว่ยเลือกปลาเอ๋าฮวาที่มีน้ำหนักประมาณ 2 ชั่งมาสิบกว่าตัวแล้วใส่ลงในกระบุงไม้ไผ่
หลังจากผ่านการต่อสู้แสนดุเดือดในยามสายมาแล้ว ก็แทบไม่มีพ่อค้าคนใดในตลาดไม่รู้จักหลินเว่ยเว่ย ไม่ต้องรอให้นางพูด พ่อค้าขายปลาก็เสนอราคาที่ดียิ่งกว่าอะไรออกมาเอง
ห้าแห (ลั่ว) คือเจ๋อลั่ว ฝ่าลั่ว หยาลั่ว หูลั่วและถงลั่ว หลินเว่ยเว่ยหันไปเห็นปลาเจ๋อลั่วตัวยาวกว่าหนึ่งหมี่ นางจึงอุทานด้วยความประหลาดใจ พ่อค้าขายปลาเอ่ยแนะนำอย่างเป็นมิตร “นี่เป็นหนึ่งในปลาจับยากที่สุดของร้านเรา เพราะมันดุร้ายมาก แต่เนื้อเนียนละเอียด หากนำไปทำไส้เกี๊ยวก็จะอร่อยมาก ! ”
นางชอบกินเกี๊ยวปลามาก ดังนั้นก็ซื้อเลย ซื้อเลย !
“ยังมีปลาฝ่าลั่วตัวใหญ่ ปลาชนิดนี้มีไขมันแทรกเยอะ ก้างน้อย เนื้อนุ่มละมุน หากเอาปลาฝ่าลั่วไปทำซุปก็ จะให้รสชาติหอมอร่อย แต่ถ้าเอาไปทำให้มีรสเปรี้ยวและเผ็ดก็จะเรียกน้ำย่อยได้ดีมาก…” พ่อค้าขายปลาคนนี้ยังถือว่ามีฝีมือพอตัว ทุกประโยคที่แนะนำออกมาเรียกว่าโดนใจลูกค้าสุด ๆ